สวนดุสิตโพล ได้สำรวจ “ความหนักใจของคนไทย ณ วันนี้” ระหว่างวันที่ 22-24 มีนาคม พบว่า เรื่องที่คนไทยหนักใจมากที่สุดอันดับ 1 คือ ของแพง น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 89.73 สาเหตุที่ทำให้หนักใจคือทุกอย่างขึ้นราคา เรื่องที่คนไทยหนักใจเป็นอันดับ 2 คือ การแก้ปัญหาของรัฐบาล ร้อยละ 57.10 ผลโพลยังพบว่า ประชาชนคนไทย ณ วันนี้มีเงินไม่พอใช้และมีหนี้สิน หรือถึงมีพอใช้ก็ไม่มีเงินเหลือเก็บ ผลโพลของ สวนดุสิตโพล แตกต่างจาก ผลโพลชะเลียร์ที่นายกฯชอบฟังแบบคนละขั้วกันเลยวันนี้ ของแพง น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง ยังเพิ่งเริ่มต้น ฟังข้อมูลของ IMF กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และ สภาพัฒน์ แล้วจะหนาวสะท้านทั้งที่อากาศร้อนไอเอ็มเอฟ แถลงข้อมูลผ่านเว็บไซต์ว่า สงครามรัสเซียยูเครนในขณะนี้ กระตุ้นให้ราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่ง ลดทอนมูลค่ารายได้ของผู้คน บั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่แน่ใจ นำไปสู่การปรับลดราคาสินทรัพย์ ส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุนจากตลาดเกิดใหม่ทั้งหลายด้วย โดย ไอเอ็มเอฟ จะมีการปรับลดจีดีพีโลกล่าสุดที่ระดับร้อยละ 4.4 ลงอีกในเร็วๆนี้สำหรับ เอเชีย ไอเอ็มเอฟคาดว่า ผลกระทบที่รุนแรงที่สุดจะเกิดขึ้นกับ ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันในอาเซียน รวมทั้ง อินเดีย ซึ่ง ไทยนำเข้าน้ำมันวันละกว่า 1 ล้านบาร์เรลวันก่อน คุณสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ รัฐมนตรีพลังงาน นำทีมรัฐบาลแถลงมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ (สศช.) ได้วาดภาพราคาน้ำมันดิบดูไบให้ดูว่า ราคาเฉลี่ย 1 ม.ค.-22 มี.ค.65 อยู่ที่บาร์เรลละ 94.2 ดอลลาร์ สูงกว่าที่ สศช.คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่บาร์เรลละ 72-82 ดอลลาร์ ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจไทย สศช. จึงร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จัดทำคาดการณ์ไว้ 3 สมมติฐานคือสมมติฐานที่ 1 น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์ ดีเซลขายปลีกลิตรละ 33 บาท เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 5% จีดีพีขยายตัวได้ 3.5% สมมติฐานที่ 2 น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยบาร์เรลละ 125 ดอลลาร์ ดีเซลขายปลีกลิตรละ 40 บาท เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 6.2% จีดีพีขยายตัวได้ 3.2% สมมติฐานที่ 3 น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยบาร์เรลละ 150 ดอลลาร์ ดีเซลขายปลีกลิตรละ 46 บาท เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 7.2% จีดีพีขยายตัวได้ 3.0% (เดือน ก.พ.เงินเฟ้อทะลุ 5.28% ไปแล้ว สูงสุดในรอบ 13 ปี) ต้นทุนราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 24% และทำให้ต้นทุนราคาปุ๋ยและอาหารสัตว์แพงขึ้นด้วยสมมติฐานทั้งหมดนี้ยังไม่เกิดขึ้น แต่กำลังจะเกิดขึ้น ค่าครองชีพแพงมหาโหดกำลังจะมาเยือนคนไทย ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้วเริ่มตั้งแต่ ราคาก๊าซหุงต้ม วันที่ 1 เมษายนจะขึ้นราคากิโลละ 1 บาท ถัง 15 กก.ขึ้นจากถังละ 318 บาท เป็น 333 บาท (ถ้ารัฐไม่อุ้มต้องขายถังละ 463 บาท) และจะขึ้นอีกครั้งเป็นถังละ 363 บาท น้ำมันดีเซล รัฐจะตรึงราคา 30 บาท จนถึง 30 เมษายน และ 1 พฤษภาคม จะขึ้นราคาขายปลีกดีเซลสูงกว่าลิตรละ 30 บาท พร้อมกับ ขึ้นค่าไฟฟ้าเป็นหน่วยละ 4 บาท ซึ่งจะทำให้ ค่าขนส่งโลจิสติกส์แพงขึ้น ต้นทุนการผลิตสินค้าแพงขึ้น ซึ่งจะทำให้ เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ ในสมมติฐาน 3 ข้อแน่นอนที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด ก็คือ ราคาอาหารจะพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติ การณ์จนถึงขั้นโหดเลยทีเดียว นอกจาก ราคาน้ำมัน ก๊าซ ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง เงินเฟ้อ จะเพิ่มขึ้นแล้ว ปุ๋ยที่ขาดแคลน อาหารสัตว์ที่ขาดแคลน ซัพพลายเชนต่างๆที่ขาดแคลน รวมทั้ง บรรจุภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระป๋อง พลาสติก ก็จะมีราคาแพงขึ้นอีกมาก ซึ่งจะทำให้อาหารทุกอย่างมีราคาแพงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนวันเวลาแห่งความยากลำบาก กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เริ่มจากวันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป โปรดเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”