Home Isolation หรือ HI-First หรือกักตัวที่บ้าน เชื่อว่าถึงวันนี้คนไทยเกือบทั้งประเทศคงคุ้นหูคุ้นตาและคุ้นใจ กับระบบการรักษาโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาใช้เป็นหนึ่งในแนวทางรักษาผู้ติดเชื้อ หลังจากโอมิครอน แผลงฤทธิ์ทั่วโลกและประเทศไทยจนกลายเป็นสายพันธุ์หลักเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ไปเรียบร้อยแล้ว แม้ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกจะยืนยันตรงกันว่า อาการของผู้ติดเชื้อกว่าร้อยละ 90 จะไม่รุนแรง แต่มีความสามารถในการแพร่กระจายรวดเร็ว จึงพบว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ของทั่วโลกและประเทศไทย พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา โดยกรมควบคุมโรคยังได้มีการคาดการณ์ว่าหลังเทศกาลสงกรานต์ ประมาณวันที่ 19 เม.ย.2565 ก็มีโอกาสที่จำนวนผู้ติดเชื้อสูง 50,000 คน หากเราไม่ได้มีการป้องกันตนเองอย่างเข้มงวด ก็อาจสูงถึง 100,000 คน จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ ตัวเลขผู้ป่วยอาการหนักที่ปอดอักเสบจะสูงถึงจุดพีก ที่ 6,000 คน ต้องใส่ท่อช่วยหายใจเกิน 1,600 คน ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ จะมีผู้เสียชีวิตเกิน 250 คนการคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าว จึงเป็นสิ่งเตือนใจให้พวกเราทุกคน ยังคงต้อง “ยกการ์ดสูง” ป้องกันตัวเองอย่างเข้มข้นกันอย่างต่อเนื่องอีกระยะ เพื่อร่วมมือร่วมใจกันลดจำนวนผู้ป่วยลงให้ได้มากที่สุด นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์และเนื่องจากผู้ติดเชื้อโอมิครอนส่วนใหญ่ไม่มีอาการ หรือ อาการน้อยมาก กระทรวงสาธารณสุข จึงเพิ่มแนวทางการรักษาอีกระบบมาเสริมระบบ HI คือ การรักษาแบบผู้ป่วยนอก หรือ OPD เจอ-แจก-จบ โดยประชาชนสามารถไปรับบริการที่คลินิกระบบทางเดินหายใจ ในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข และกลับไปแยกกักตัวที่บ้าน โดยเจอคือการตรวจเชื้อพบผลบวก แจกคือการแจกความรู้ แจกยาตามอาการ สร้างความเข้าใจแนะนำให้เข้าถึงระบบ และจบคือผู้ป่วยได้เข้าสู่ระบบบริการครบวงจร ทั้งนี้ ก็เพื่อให้มีเตียงพอรองรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการหนักถึงหนักมากได้รับบริการอย่างใกล้ชิดจากแพทย์และอุปกรณ์ต่างๆที่มีอยู่ในโรงพยาบาลนั่นเอง และเตรียมพร้อมการปรับโรคโควิด-19 เข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโอมิครอน ร้อยละ 90 ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง จึงปรับรูปแบบการดูแลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หากอาการน้อยหรือไม่มีอาการจะเน้นการกักตัวที่บ้านก่อนเป็นอันดับแรก หรือ Home Isolation หรือ HI-First โดยจะมีแพทย์และพยาบาล โทรศัพท์สอบถามอาการทุกวัน มีอุปกรณ์ ได้แก่ ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และอาหาร แต่หากเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ ที่มีความเสี่ยงจะรับเข้ารักษาในโรงพยาบาล ส่วนกลุ่มที่ไม่มีภาวะเสี่ยง สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอก หรือ OPD “เจอ-แจก-จบ” ที่คลินิกโรคระบบทางเดิน หายใจในโรงพยาบาลของ สธ. และแยกกักตัวเองที่บ้าน จะจ่ายยาตามอาการ มีแพทย์โทร.ติดตามอาการครั้งเดียว เมื่อครบ 48 ชั่วโมง และเนื่องจากผู้ป่วยนอกไม่มีความเสี่ยง จึงไม่มีอุปกรณ์ตรวจประเมินและอาหารให้ แต่จะมี ช่องทางติดต่อกลับแพทย์ได้ และมีระบบส่งต่อเมื่ออาการแย่ลง “ทีมข่าวสาธารณสุข” ขอสรุปขั้นตอนการเข้าสู่ระบบการรักษา เมื่อเราตรวจ ATK แล้ว ได้ผลเป็นบวก ผู้ติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้โทร. สายด่วน 1330 กด 14 หรือ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยเพิ่ม สปสช.เป็นเพื่อน @nhso เพื่อลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน หรือจะโทร. สายด่วนของ กทม. 1669 กด 2 หรือสายด่วนโควิด (EOC) 50 เขตหรือไลน์ : @BKKCOVID19CONNECT ส่วนต่างจังหวัดให้ติดต่อ Call Center ของจังหวัด อำเภอ โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือ ดูจากเฟซบุ๊กของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ส่วนการตรวจแบบ OPD เจอ-แจก-จบ เมื่อรับยาแล้วก็กลับมากักตัวที่บ้าน ดังนั้น เรื่องการดูแลตนเองที่บ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเรียนรู้ ซึ่งเรื่องนี้ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แจกแจงวิธีการโดยละเอียดว่า “พื้นที่บ้านต้องแยกส่วนหรือพื้นที่เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1.5-2 เมตร, หากมีพื้นที่จำกัดให้จัดทำฉากกั้นระหว่างกัน, จัดห้องพักให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี มีแสงแดดเข้าถึง, แยกของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ จานชาม เป็นต้น, แยกรับประทานอาหาร, แยกการซักผ้า, การใช้ห้องน้ำ ห้องส้วมกรณีที่ไม่สามารถแยกห้องได้ ให้ผู้อื่นใช้ห้องน้ำก่อน ส่วนผู้แยกกักตัวให้ใช้เป็นคนสุดท้าย พร้อมทำความสะอาดให้เรียบร้อย ด้วยผ้าชุบน้ำยาฟอกขาวความเข้มข้น 0.1% หรือแอลกอฮอล์, เตรียมถังขยะส่วนตัว ที่มีฝาปิดมิดชิด, ถ้ามีห้องนอนห้องเดียว แต่ต้องนอนร่วมกับคนในบ้าน ต้องเปิดประตูหน้าต่างให้โล่งโปร่งที่สุด หรือใช้ฉากผ้าม่านกั้นระหว่างกัน พยายามอยู่ห่างจากคนในครอบครัวให้มากที่สุด ควรทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอทุกวันด้วยน้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ สำหรับเช็ดพื้นผิวและน้ำยาอเนกประสงค์ บริเวณจุดสัมผัสต่างๆ และสังเกตอาการตนเองทุกวัน เช่น วัดไข้ หากมีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส หายใจหอบเหนื่อย วัดค่าออกซิเจนปลายนิ้วได้น้อยกว่า 94% ซึ่งค่าปกติอยู่ที่ 96-100% ให้รีบโทร.ติดต่อโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านทันที” นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวย้ำด้วยว่า ผู้ที่กักตัวที่บ้านต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างกับคนอื่นในครอบครัว ต้องงดออกจากบ้านพักตลอดเวลาเป็นเวลา 10 วัน และควรหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด สำหรับขยะนั้น ควรแยกขยะปนเปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น ขยะที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู ภาชนะใส่อาหารแบบใช้ครั้งเดียว ชุดตรวจ ATK ควรเก็บรวบรวมทุกวันใส่ทุกขยะสีแดง 2 ชั้น ชั้นแรกมัดปากถุงด้วยเชือกให้แน่นแล้วพ่นแอลกอฮอล์ จากนั้นซ้อนด้วยถุงขยะอีกชั้น มัดปากถุงให้แน่น และพ่นแอลกอฮอล์บริเวณปากถุงอีกครั้ง นำถุงขยะไปที่จัดพักขยะที่จัดไว้เฉพาะ เพื่อเก็บไปกำจัดด้วยวิธีที่ถูกต้อง และล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์ “ทีมข่าวสาธารณสุข” มองว่าเราต่อสู้กับไวรัสร้ายนี้มามากกว่า 2 ปีแล้ว โดยมีการกลายพันธุ์จนมาถึงสายพันธุ์โอมิครอน ดังนั้นสังคมก็น่าจะมีความรู้ ความเข้าใจ การป้องกันและการรักษาโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ฉีดวัคซีน และ ตรวจ ATK เมื่อมีความเสี่ยง หากพบเชื้อก็กักตัวเอง เพื่อลดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น สิ่งเหล่านี้เป็นการเรียนรู้และร่วมมือกันทั้งฝ่ายสาธารณสุขและประชาชนทุกคนเพื่อช่วยลดการแพร่ระบาด และลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และนั่นหมายถึงวันที่สังคมไทยจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติแบบนิวนอร์มอล ซึ่งคงเกิดขึ้นได้จริงในอีกไม่ไกลเกินเอื้อม.ทีมข่าวสาธารณสุข