ระทึกคันคลองพังทลาย ทำให้ดินถล่มไหลลงบ่อดินใหญ่เนื้อที่ 400 ไร่ ทำให้ผืนดินฝั่งตรงข้ามรวมทั้งบ้านเรือนประชาชนกว่า 20 หลังทรุดตัวไหลลงไปในคลอง นายอำเภอประกาศเป็นพื้นที่อันตราย เพราะดินยังทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดศูนย์อพยพ 2 แห่งรองรับชาวบ้านผู้ประสบภัย เจ้าของที่ดินชี้สาเหตุจากบ่อดินใหญ่ ขุดดินลึกกว่า 100 เมตร ก่อนหน้านี้น้ำในคลองไหลเข้าบ่อมาแล้วจนเจ้าของบ่อดินต้องมาซ่อมคันบ่อแต่ไม่เป็นผล ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่ฟันธง ระบุที่ดินที่ปลูกบ้านเรือน เป็นบ่อปลาเพิ่งถมได้ไม่นานเหตุดินถล่มทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายนับสิบหลังรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 20 ม.ค. พ.ต.ท.สิทธิ์พงศ์ ปานไทยสงค์ สว. (สอบสวน) สภ.บางพลี สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุดินถล่มบ้านเรือนทรุดเสียหายนับสิบหลังในชุมชนสหกรณ์ ซอยศรีสัมพันธ์ หมู่ 15 ต.บางปลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก. นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี นำกำลังและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รุดไปตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบที่เกิดเหตุเป็นชุมชนอยู่ริมคลองบางเหี้ย พบพื้นดินและบ้านเรือนประชาชนเป็นห้องแถวกว่า 20 ห้อง และบ้านเดี่ยว 3 หลังพังถล่มไหลลงคลองเป็นแนวยาวร่วม 150 เมตร ขณะที่แนวคันคลองฝั่งตรงข้ามพังทรุดลงบ่อดินขนาดใหญ่เป็นแนวยาวประมาณ 80 เมตร ขณะที่ชาวบ้านยังวุ่นวายกับการขนย้ายทรัพย์สินของมีค่าออกจากบ้าน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัคร ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนขนย้ายข้าวของออกจากพื้นที่ ก่อนทำการปิดกั้นพื้นที่เพราะดินยังทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง พ.จ.อ.บุญเชิด มามาก อายุ 61 ปี พ่อเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าว และมีบ้านติดกับคลอง เปิดเผยว่า ชุมชนที่ทรุดตัวปลูกบนที่ดินของนายพงศ์พันธ์ มามาก อายุ 31 ปี ลูกชาย เนื้อที่ทั้งหมดราว 20 ไร่ แต่พังเสียหายราว 4-5 ไร่ เดิมเป็นบ่อปลาแต่ถมดินให้คนมาเช่าปลูกบ้านกลายเป็นชุมชน ขณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นบ่อดินขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 400 ไร่มีการขุดดินไปขายจนบ่อลึกกว่า 100 เมตร การทรุดตัวของผืนดินเริ่มมาตั้งแต่เย็นวันที่ 17 ม.ค. น้ำในคลองไหลเข้าไปในบ่อดิน ผู้รับเหมาได้นำรถแบ็กโฮมาซ่อมแซมแนวคันคลองแต่ดินก็ยังทรุดตัวไหลเข้าไปในบ่ออย่างต่อเนื่อง กระทั่งช่วง 6 โมงเย็นที่ผ่านมา ดินฝั่งบ้านของตนไหลลงคลองจนบ้านทรุดเสียหาย รีบขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้าน เพื่อนบ้านข้างเคียงต่างก็เร่งขนย้ายข้าวของเช่นกัน บางคนไม่กล้าเข้าบ้าน กระทั่ง 2 ทุ่มคันคลองฝังตรงข้ามพังทลายน้ำและดินในคลองไหลลงไปในบ่อดินจนคลองแห้ง ทำให้ผืนดินฝั่งชุมชนพังถล่มไหลลงไปกองอยู่ในคลองนายพงศ์พันธ์ มามาก กล่าวว่า ที่ดินที่ได้รับความเสียหายมีอยู่ 4-5 ไร่ มีคนอยู่เต็มตลอด พอมันทรุดไปมันก็กระทบทั้งภาพรวมของตนหมด ตนคิดว่าจะเรียกค่าเสียหายไร่ละ 15 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 60 ล้าน เพราะรายได้ของตนอยู่ที่เดือนละ 3 แสนบาททุกเดือน ได้พูดคุยเบื้องต้นผู้ประกอบการบ่อดินก็รับปากว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหายแต่ยังไม่ได้ระบุตัวเลข ซึ่งค่าเสียหายตรงนี้ยังไม่รวมสิ่งปลูกสร้างที่เสียหาย เพราะผู้เช่าเริ่มกลัวอาจไม่เช่าที่ดินของตนต่อต่อมาเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ม.ค. นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี เจ้าหน้าที่ ปภ.สมุทรปราการ อบต.บางปลา และโยธาและผังเมืองจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมตรวจที่เกิดเหตุและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลายหน่วยงานนำถุงยังชีพ อาหารปรุงสำเร็จ และน้ำดื่ม เข้าแจกจ่ายผู้ประสบภัย ขณะที่ศูนย์อพยพผู้ประสบภัยทั้งสองแห่ง คือที่ อบต.บางปลา และวัดตำหรุ มีผู้ประสบภัยมาพักไม่หนาแน่นนัก เพราะส่วนใหญ่ไปอาศัยบ้านญาติ ส่วนบ่อดินดังกล่าวทาง อบต.บางปลา สั่งให้หยุดกิจการอย่างไม่มีกำหนดนายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี เปิดเผยว่า ได้ประกาศให้พื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่อันตราย เพราะยังมีการสไลด์ตัวของดินอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นที่ดินเพิ่งถมใหม่ไม่กี่ปีอาจเกิดการยุบตัวลงไปอีกได้ ประชาชนที่ได้รับความเสียหายมาแจ้งความไว้แล้ว 17 ครัวเรือน มีผู้อยู่อาศัย 87 คน สาเหตุคาดว่าเกิดจากคันกั้นดินเกิดการสไลด์ตัวเป็นดินถมใหม่อาจจะยังไม่แข็งตัวเท่าที่ควร เมื่อคันบ่อดินทรุดทำให้ดึงจุดนี้ลงไปด้วย ขณะนี้ทาง อบต.บางปลากำลังดูเรื่องใบอนุญาต เกี่ยวกับความผิดที่เกิดขึ้นจะต้องดูอีกครั้ง และได้พูดคุยกับทางผู้ประกอบการบ่อดินแล้วแจ้งว่าพร้อมเยียวยาและชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นด้านนายวันชัย คงเกษม ผวจ.สมุทรปราการ กล่าวเรื่องที่เกิดขึ้นว่า จะต้องหาทางช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัย ส่วนเรื่องความผิดต้องตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับบ่อดินมากน้อยแค่ไหน ทั้งในเรื่องขุดดินถมดินทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อก็ต้องไปดู บ่อดินแห่งนี้เขาแจ้งว่าไม่มีการดำเนินการมาเป็นสิบปีแล้ว ที่ชาวบ้านแจ้งยังมีตักดินอยู่นั้นต้องลงไปตรวจสอบอีกที ส่วนที่ผู้ประกอบการจะเข้ามาประกอบการต่ออีกหรือไม่นั้น ก็ต้องรอการตรวจสอบก่อน เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าสาเหตุเกิดจากอะไร