ไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอย “งาน” วิ่งเข้าหา นักแสดงสาว ส้ม-ธัญสินี พรมสุทธิ์ ผันตัวมาเป็น “เชฟ” เปิดเตารับออเดอร์ขนมปังแบรนด์ @refeel_bread ตามประสาอยู่เฉยๆ ไม่เป็น ส่วนความรักยังโสดสนิท!! เพราะโควิดเลยไม่กล้าออกไปเดตกับใคร ส้มเล่าสาเหตุทำขนมปังขายว่า “ช่วงที่มีโควิดทุกคนอยู่บ้านกันเนอะ เราก็รู้สึกว่าธุรกิจของกินมันน่าสนใจ เลยสนใจเบเกอรี แต่ดูทางอินเตอร์เน็ตแล้วไม่เวิร์ก ก็เลยไปเรียนจริงจังกับทางสถาบันเชฟเลย ด้านขนมปัง เพราะว่าขนมปังสามารถทำเป็นอาชีพหลักได้ ทำให้คนอิ่มท้องในราคาที่ไม่แพง ก็เลยไปเรียนทำขนมปังแบบใส่ไส้หลากหลาย เป็นขนมปังอบ แล้วตอนนี้ก็เริ่มขายแล้ว”ใช้เวลาเรียนนานขนาดไหน? “จริงๆเป็นคอร์สวันเดียวเอง มีเชฟโรงแรมมาสอน เขาก็จะสอนให้เราทำไส้ต่างๆแล้วก็รูปทรงต่างๆ เราก็มาฝึกเองอยู่อีกสักพักเหมือนกัน เพราะว่าเราก็มาปรับรสชาติตามที่เราต้องการด้วย เราอยากให้มันเป็นเอกลักษณ์ของเรา ให้มีความนุ่ม หวานในเนื้อ ก็ฝึกไป พ่อแม่นี่ชิมจนเบื่อเลยค่ะ ฝึกเป็นเดือนเหมือนกันกว่าจะออกมา พอทำได้ตอนนี้ก็เปิดรับออเดอร์ทางออนไลน์ก่อน” แรกๆ ที่ทำพ่อกับแม่ว่าอย่างไรบ้าง? เคยคิดไหมว่าตัวเองต้องมาทางด้านนี้? “จริงๆเรื่องอาหารนี่ไม่รอดเลยในชีวิตนี้ แต่ก่อนได้มาทำเบเกอรี มีความรู้สึกว่าอยากทำอะไรที่ไม่ต้องเร่งรีบ เพราะเราเป็นคนช้าๆ คิดว่าเบเกอรีเป็นอะไรที่สามารถค่อยๆทำได้ อีก อย่างคือการทำขนมปังมันก็ไม่ได้ยากมาก เข้าใจว่าเค้กยากกว่า แต่พอไปเรียนจริงๆคือมันหนักมาก มันใช้เวลาต่อชุดอยู่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จ ทุกขั้นตอนของเขาค่อนข้างใช้เวลานานมาก จนรู้สึกว่าช่วยกินขนมปังให้หมดเถอะนะ มันเหนื่อยมากเลย (หัวเราะ)”เป็นการก้าวข้ามความเป็นตัวเอง ทำในสิ่งที่เราไม่ถนัด? “ใช่ค่ะ เป็นสิ่งที่เราไม่ถนัด แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เราลองทำแบบจริงจัง เป็นแม่ค้าเบเกอรี มีออเดอร์แบบจริงจัง เอาจริงๆเราทำงานบันเทิงมาตั้งแต่เด็ก เราก็แค่ออกไปทำงาน แต่นี่คือเราจะต้องตื่นตี 4 เพื่อทำขนมปัง 1 ชั่วโมง รอฟูอีก คือทุกอย่างมันเร่งไม่ได้ มันผิดกับชีวิตที่ผ่านมามากๆ แม้กระทั่งงานออฟฟิศที่แค่ต้องแต่งตัวสวยๆไปทำงาน แต่นี่ต้องลงมือทำเอง อบเอง ตอนนี้เดือดร้อนทั้งบ้านเลย บางทีออเดอร์มันเยอะมาก คุณแม่ก็ตื่นมาช่วยตี 2-3 ช่วยจับใส่ไส้บ้าง คุณพ่อก็มาช่วยล้างอุปกรณ์ คือยังไม่มีลูกจ้าง” คุณพ่อมีบ่นไหมว่าท่านเป็นทหาร แต่จะต้องมาเป็นลูกมือทำขนมแบบนี้? “พ่อบอกว่า...ป๊าจ้างเดือนละห้าหมื่นเลย ช่วยอยู่เฉยๆได้ไหม ยอมควักเงินตัวเองจ่ายเพื่อให้เราอยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร เขาเห็นว่าเราเหนื่อย จะต้องตื่นมาตี 4-5 มานั่งทำ นั่งอบกว่าจะได้ แล้วมูลค่าเงินมันก็ไม่ได้มากทำไมต้องเหนื่อยขนาดนี้ แต่เรามองว่าถึงแม้กำไรจะน้อยมาก แต่ว่าสุดท้ายมันก็โตได้เหมือนกัน ทำเยอะมันก็จะได้เยอะเอง แล้วถ้าคนทานแล้วเขาโอเค เขาก็เอาไปบอกต่อได้ มันก็เป็นความภูมิใจ เป็นความสุข ยังไงก็แล้วแต่กำไรมากน้อย ก็ถือเป็นเงินเหมือนกัน เป็นคนไม่หมิ่นเงินน้อย ได้เงินก็เอาหมด ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มต้น เราก็เก็บเล็กเก็บน้อย เก็บประสบการณ์ไปด้วย”อัปเดตความรักบ้าง ตอนนี้มีคนเข้ามาคุยๆบ้างหรือยัง? “โควิดเนี่ยแหละค่ะเป็นเหตุ ทำให้ไม่มีใคร หนูจะไปเดตกับใครล่ะ เพราะเรา ก็ต้องระวังกันไปหมด มีบ้างที่เข้ามา เรียกว่ามีเพื่อนคุยดีกว่า แต่ด้วยความที่เราเป็นคนชัดเจน แล้วอายุก็เยอะแล้ว ถ้าคุยแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น เราก็จะบอกเขาไปเลย ว่าเราเป็นเพื่อนกันนะดีกว่า บางทีรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่ก็จะไม่คุย ก็คือจะชัดเจนเลย คือมีคุยบ้าง แต่ยังไม่ได้มีคนที่ใช่ แต่ตอนนี้ก็จะมีเพื่อนแนะนำเข้ามาเยอะ เพื่อนหวังดีก็จะแนะนำ แต่พอช่วงโควิดก็เลยไม่ได้เจอใครมาก แล้วก็ยังไม่ได้มีใครเป็นพิเศษ พอยิ่งโตมากขึ้น มันยิ่งคิดเยอะ เพราะเราไม่มีเวลาเพื่อมาเล่นๆแล้ว จะมานั่งเสียเวลาคบไปเรื่อยๆ ปีสองปี มันไม่ใช่ เราชัดเจน ถ้าคบก็คบนาน โสด ก็โสดนาน เพราะว่านี่ก็จะ 3 ปี แล้วนะคะ ที่โสดมา ฉะนั้น เราเป็นคนจริงจัง ถ้าคบตอนนี้ก็คือจะจริงจังเลย เวลามีคนแนะนำเข้ามาเราก็จะบอกไปเลยว่าเราไม่ชอบแบบนี้ๆ เขาก็จะไม่แนะนำคนที่ไม่ใช่ คือเราก็ไม่ได้ปิดนะ แต่จะบอกไปก่อนว่าเราไม่ชอบคนลักษณะแบบนี้ๆจะได้ไม่เสียเวลาซึ่งกันและกันมากกว่า ค่ะ แล้วอีกอย่างคือเราเป็นคนที่เชื่อว่า ถ้ามันจะใช่ มันก็ใช่ ถ้ามันไม่ใช่ ยังไงก็ไม่เจอกันหรอก แล้วคุณพ่อคุณแม่เขาก็ไม่ซีเรียสเลยนะ เขาก็ไม่อยากให้แต่งแล้วทุกข์ ป๊าพูดตลอดเวลาว่าเลี้ยงได้ แต่เขาก็จะแบบว่าถ้าลูกมีใครแล้วทุกข์ ผู้หญิงยุคนี้เขาก็โสดกันหลายคน เขาก็มีความสุขได้ เพราะฉะนั้นก็คือให้เราหาหนทางที่ทำให้เรามีความสุขดีกว่า”.