นับแต่มีประกาศล็อกดาวน์แล้วออกคำสั่ง “ปิดสถานบันเทิง คาราโอเกะ อาบอบนวด” ตามมาตรการยับยั้งต้นตอการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้บรรยากาศสีสันยามค่ำคืนหายไปกระทบ “ธุรกิจสถานบริการ” ซบเซาต่อเนื่องมากว่าครึ่งปีกลายเป็นสถานการณ์บีบกดดันให้ “หญิงขายบริการบางส่วน” ต้องออกมาหาเรียกลูกค้ากันตามริมถนน...ข้างสวนสาธารณะเพิ่มขึ้น เพื่อหาเงินรายได้ใช้จ่ายค่าครองชีพ และค่าเช่าห้องพักแต่ละเดือน“ทีมสกู๊ปหน้า 1” เฝ้าติดตามสังเกตการณ์แหล่งระดับ “ตำนานที่เคยมีการยืนขายบริการทางเพศในพื้นที่กรุงเทพฯ” ตั้งแต่ตอนเช้า จดค่ำคืน เริ่มจาก “วงเวียน 22 กรกฎา” พบเห็นหญิงสาวมากหน้าหลายตายืนรอลูกค้าเรียกตามฟุตปาทเป็นช่วงๆ “คลองหลอด ตรอกสาเก” จุดนี้ค่อนข้างคึกคักคลาคล่ำไปด้วยหญิงหลากหลายวัยกว่า 30-40 ปีอัป ยืนอยู่ตามซอกตึกเสนอราคาขายบริการชั่วคราว 300 บาทเป็นต้นไปด้วยเงื่อนไขง่ายๆ “ค่าโรงแรม” ผู้ใช้บริการเป็นผู้จ่ายเองพอพระอาทิตย์ตกดินแล้วก็ได้ออกสำรวจ “หน้าสวนจตุจักร” จุดนี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาเช่นเดียวกับ “รอบสวนลุมพินี” ที่เคยสะพรั่งด้วยหญิงยืนรอลูกค้ากลับไม่ปรากฏเห็นดังเดิม ส่วน “สถานีรถไฟหัวลำโพง” ก็ไม่พบแม่ค้าหาบส้มตำปากแดงแฝงขายบริการที่เคยมีแล้ว...อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงประกาศใช้ “เคอร์ฟิว” ก็ได้ก่อนที่จะมีโอกาสได้พูดคุยกับ ศิริ นิลพฤกษ์ หรือ “ทาทา” ในฐานะอาสาสมัครมูลนิธิอิสรชน บอกว่า โดยภาพรวม “กลุ่มขายบริการทางเพศอิสระ” มีเยอะมาก...เบาบางต่างกันตามบริบทแต่ละแห่ง ส่วนใหญ่มักมีในจุดเคยยืนขายบริการกันมาในอดีตที่ยังเป็น “กลุ่มคนเก่าหน้าเดิม” ออกมายืนรอรับลูกค้าอยู่ประจำเช่น “วงเวียน 22 และริมคลองหลอด” ยังพอมีลูกค้าแวะเวียนมาซื้อเป็นระยะเสมอ “ผู้ขายก็เป็นคนหน้าเก่า” ไม่คิดเคลื่อนย้ายไปทำมาหากินพื้นที่อื่นจำเป็นต้องรักษาทำเลทองตรงนี้ไว้ เพราะถ้าโยกไปจุดใหม่มีโอกาสเสี่ยงถูกเจ้าถิ่นทำร้ายได้ส่วน “สวนจตุจักร หรือสถานีหัวลำโพง” ตั้งแต่ล็อกดาวน์บังคับใช้เคอร์ฟิวก็แทบไม่มีเลย ทางด้าน “สวนลุมฯ” เคยถูกกวาดล้างผู้ค้าประเวณีครั้งใหญ่ก็เลยมีผู้ขายบริการน้อยมาก ข้อสังเกตสำคัญมีว่า...ตั้งแต่มีโควิด-19 พบว่า “ผู้ขายบริการอิสระเพิ่มขึ้น” ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบคำสั่งปิดสถานบันเทิง และสถานบริการก่อนหน้านี้แล้ว “บางคนไม่มีทางหารายได้อื่น” ต้องออกมายืนขายบริการริมถนนแทน อีกส่วนก็เป็น “หญิงหน้าใหม่” ถูกเลิกจ้างงานบีบบังคับให้มาสู่ตลาดยืนขายบริการแลกเงินจากเพื่อนชักชวนมาก็มี...ยอมรับว่า “ผู้ขายบริการอิสระเยอะขึ้นพอสมควร” เน้นตามจุดเดิมที่เคยมีในอดีต แต่ไม่ใช่ว่า “มีหญิงสาวออกมาขายเพิ่มมากขึ้นชัดเจนจนล้นน่าตกใจ” เพราะถ้าเปรียบเทียบกับ “คนไร้บ้าน” ออกมานอนตามสถานที่สาธารณะเพิ่มสูงถึง 2-3 เท่าแล้ว...“ผู้ขายบริการอิสระ” ยังมีจำนวนน้อยอยู่มากต้องเข้าใจอย่างนี้ว่า “การขายบริการทางเพศอิสระ” เป็นอาชีพที่ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ ที่ว่าใครหลายคนเดินออกจากบ้านมาสามารถยืนขายบริการกันได้เลย ยิ่ง “คนหน้าใหม่” ส่วนใหญ่มักมีครอบครัวกันแล้วแอบลักลอบออกมาทำงานนี้หารายได้เสริมเท่านั้น ทำให้จำเป็นต้องรวบรวมความกล้าหาญพอสมควรสิ่งสำคัญต้องมี “ทักษะทั้งศาสตร์และศิลป์” เป็นที่ดึงดูดความสนใจต่อลูกค้า เพราะการซื้อบริการนี้มิใช่ต้องมีเพศสัมพันธ์อย่างเดียวเสมอไป “ลูกค้าบางคน” ชักชวนพาเที่ยว ชวนกินข้าว นวดตัวผ่อนคลายเหงาก็มี ...หนำซ้ำ “หญิงชายทำงานขายบริการหารายได้พิเศษ” ก็มีมาจากทั่วสารทิศของกรุงเทพฯทำให้มีการแข่งขันกันสูงแล้วยิ่งในช่วง “ประกาศเคอร์ฟิว” มักพากันมาเร่งทำรอบออกมายืนกันเร็วขึ้น ตั้งแต่ 10 โมงไปจนถึงช่วงค่ำก่อนรถเมล์เที่ยวสุดท้ายหมด แล้วค่อยกลับบ้านพักผ่อนกันตามปกติแต่เรื่องน่าตกใจกว่านั้น “ผู้ขายบริการอิสระเป็นผู้สูงอายุ 50-70 ปี เพิ่มมากขึ้น” อาจเป็นเพราะประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ “ทำหญิงชรามักถูกทอดทิ้งอยู่ลำพัง” ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่แล้วจึงออกมาใช้ชีวิตลำพังด้วย “การขายบริการทางเพศแลกเงิน” เพื่อดิ้นรนหารายได้เลี้ยงปากท้องตัวเองส่วน “เยาวชน” ตามที่เฝ้าติดตามสำรวจเคยเห็น “เด็กต่ำสุดยืนขายบริการอายุ 17 ปี” แต่ส่วนใหญ่มักเกาะกลุ่มกันอยู่ที่อายุ 20-30 ปี อันเป็นลักษณะความเต็มใจผสมความจำยอมจาก “สภาวะตกงาน” แล้วยังต้องเจอ “สวัสดิการจากภาครัฐไม่ทั่วเพียงพอแท้จริง” ไม่มีเงินค่าครองชีพต้องออกมาหารายได้พิเศษนี้คุยกันต่อถึงเรตอัตราราคาค่าบริการ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติเฉลี่ย 500 บาทเป็นต้นไป นับแต่โควิด-19 ระบาดมาตั้งแต่ระลอกแรกมาจนวันนี้ “ลูกค้า” ออกมาใช้บริการค่อนข้างน้อยมากๆ เพราะต้องแข่งกับกลุ่มผู้ขายออนไลน์แล้วยิ่งมีการประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกจากบ้านเสมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดส่งผลให้ “นักเที่ยว” มา “ซื้อบริการ” แทบไม่มีเลยยุคเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้แค่ 200-300 บาท ผู้ขายบริการหลายคนก็จำใจรับงานดีกว่า “หวังน้ำบ่อหน้า” อาจเสียเวลายืนรอเก้อทั้งวันไม่ได้อะไรเลย เพราะอย่างน้อยโชคดี “ลูกค้าประทับใจ” อาจกลับมาใช้บริการก็ได้...ย้ำว่านับแต่ “โควิด-19 ระบาด” ลูกค้าชั้นแรงงานหายชัดเจนคงเหลือแต่ “ข้าราชการบางคน” ที่พอมีกำลังซื้ออยู่ตลอด ยกเว้นมี “การชุมนุมทางการเมือง” มักช่วยกระตุ้นการขายบริการดีขึ้นสร้างรายได้พอสมควร ผนวกกับเป็นช่วงปิดสถานบันเทิง...บริการอาบอบนวด คนเที่ยวไม่มีที่ไปก็ต้องเวียนมาซื้อบริการหญิงอิสระแทน“แม้ตอนนี้โควิด-19 ระบาดหนักอันส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจตกต่ำมาก “ผู้คนไม่ใช้เงิน ไม่กล้าเที่ยวเหมือนเดิม” สิ่งนี้ผู้ขายบริการรู้ เข้าใจดี แต่ไม่มีทางเลือกจำต้องมายืนรอลูกค้าอย่างมีความหวังว่า “ออกมาก็น่าจะได้เงินติดไม้ติดมือบ้าง” สุดท้าย...บางคนทำงานมา 3 วันแล้วได้เงินแค่ 300 บาทก็มี”ศิริ บอกอีกว่า ประการต่อมา “ความเสี่ยงอันตรายเจอพวกซาดิสต์วิปริต” ในยุคก่อนหน้านี้ “ผู้ขายบริการ” ยังมีสิทธิ์เลือกลูกค้าได้ก็ยังพอระวังป้องกันตัวออกห่างได้ แต่ในช่วงโรคระบาดแบบนี้ “ลูกค้าน้อยหายาก” ไม่อาจปฏิเสธรับงานได้ด้วยซ้ำ จนมักมีเหตุผู้ขายบริการถูกบังคับมีเซ็กซ์แบบรุนแรงเจ็บตัวกันอยู่บ่อยๆ เลวร้ายที่สุดถูกบังคับให้ “ใช้ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ” เพื่อเพิ่มอรรถรสการมีเซ็กซ์เร่าร้อนเร้าใจยิ่งขึ้น แม้แต่ผู้ขายบริการประจำพอจะแยกบุคลิกภายนอกเบื้องต้นได้ว่า “คนไหนมาดี หรือใครไม่ปกติ” บางครั้งดูภายนอก หรืออาชีพที่สังคมยอมรับก็ไม่เพียงพอเพราะ...เมื่ออยู่ห้องในโรงแรมมักกลายเป็นพวกซาดิสต์ก็มีอยู่บ่อยด้วยซ้ำ หากว่า “ทนไม่ไหว” บางคนต้องหนีเอาตัวรอดก่อน แต่สุดท้ายไม่อาจเอาผิดกับผู้ก่อเหตุได้ เพราะการขายบริการทางเพศยังเป็นสิ่งผิดกฎหมายภายใต้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539ทำให้ “ชายหญิงขายบริการเป็นบุคคลกระทำผิดกฎหมาย” ไม่กล้าไปแจ้งความดำเนินคดีกันมากมาย ลือกันว่า...คนในเครื่องแบบบางคนมักเข้ามาขอใช้บริการฟรีมิเช่นนั้นต้องถูกดำเนินคดีด้วย?ตอกย้ำ “การป้องกันโควิด-19” ทุกคนก็กลัวต่างตระหนักระวังป้องกันอย่างดี “แต่ด้วยพวกเขากลัวไม่มีอะไรจะกินมากกว่ากลัวติดโควิด” จำต้องออกมาขายบริการหาเงินเลี้ยงปากท้องอย่างไม่มีทางเลือกอื่น ทำให้อาสาสมัครมูลนิธิอิสรชนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ต้องเข้าไปดูแลตรวจคัดกรองฉีดวัคซีนป้องกันเบื้องต้น “ไม่มีการระบาดในกลุ่มผู้ขายบริการทางเพศอิสระ” แต่มีการติดเชื้อจากผู้ใช้บริการ 2 คนนำเข้าสู่การรักษาแล้ว อีกทั้ง กทม.ก็ได้ฉีดวัคซีนป้องกันให้ผู้ขายบริการอิสระค่อนข้างครอบคลุมด้วย สุดท้ายอยากให้สังคมมอง “เรื่องสิทธิส่วนบุคคล” ทุกคนมีสิทธิเลือกทำอาชีพใดก็ได้แล้ว “อาชีพนี้ไม่ใช่อยากเข้ามาขายบริการได้ง่ายๆ” เพราะเป็นอาชีพอาศัยความกล้าหาญต้องมีศาสตร์และศิลป์ เมื่อบุคคลใดเลือกทำงานนี้ก็ “ควรเคารพการตัดสินใจ” ในความจำเป็นต้องดิ้นรนสู้ชีวิตหารายได้เลี้ยงปากท้อง“โควิด-19” ส่งผลต่อ “ผู้ขายบริการทางเพศอิสระ”...อาชีพนี้ผิดกฎหมาย ไม่มีสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ไม่มีสิทธิรับการคุ้มครองเหมือนอาชีพอื่น ซ้ำร้ายยังถูกสังคมตีตราตกเป็นจำเลยมาตลอด.