ชีวิตของ “มนุษย์แม่” ไม่ง่ายอีกต่อไป เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงเรียนปิดนักเรียนต้องหันมาเรียนทางออนไลน์ เล่นเอาเหล่าคุณแม่หัวหมุน เพราะงานเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว วันนี้เลยมีประสบการณ์ตรงจากผู้ประกาศข่าวสาวอารมณ์ดีแห่ง “ฝนฟ้าอากาศ” ทางช่อง 7HD อย่าง ปุ้ม-เปรมสุดา และ บี-กมลาสน์ มาร่วมแชร์เคล็ดลับพร้อมรับมือกับลูกน้อยเรียนออนไลน์ ควบคู่ไปกับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปุ้ม-เปรมสุดาเริ่มที่ ปุ้ม-เปรมสุดา สันติวัฒนา เผยว่า “สำหรับปุ้มพอเสร็จจากการอ่านข่าว กลับมาบ้านก็ต้องมาเจอกับการเรียนออนไลน์ของลูกๆทั้งสองคน ช่วงแรกๆเหมือนจะไม่กระทบ แต่พอผ่านไปไม่นานก็เริ่มมีเสียงสะท้อนจากครอบครัวอื่นๆว่าการเรียนออนไลน์ทำให้ผู้ปกครองพากันเครียด ตัวลูกเองก็เครียด ซึ่งก็ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวปุ้มเอง ซึ่งครอบครัวของปุ้มมีลูกสองคน “น้องดีน่า” ยังเป็นเด็กเล็ก คุณครูก็จะเน้นไปที่กิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่น การร้อง น้องดีน่าก็จะสนุกไปกับเพื่อนๆหน้าจอ ซึ่งเราไม่ต้องดูแลมาก แต่พอมาดูแลการเรียนออนไลน์ของ “น้องดาต้า” ที่โตขึ้นมาอีกหน่อย คุณครูจะสอนเชิงวิชาการ เราก็ต้องควบคุมเข้มงวด ปกติผู้ปกครองมักจะคาดหวังกับการเรียนของลูก นำไปเปรียบ เทียบกับเด็กคนอื่นๆ ทำให้น้องดาต้ารู้สึกกดดัน จากที่ไม่ค่อยสนุกกับการเรียนออนไลน์อยู่แล้วก็ยิ่งไม่อยากเรียน มีการต่อต้าน จนเครียดทั้งแม่และลูก การบ้านหนูค่ะ เรียนหรือเล่นลูก เรียนจริงจังปุ้มต้องไปปรึกษาคุณครูและคุณแม่ผู้ประกาศข่าว 7HD ด้วยกัน เลยได้คำแนะนำที่ดีมากๆคือ แม่อย่างเราต้องเข้าใจพฤติกรรมเด็กๆ ไม่ใช่นั่งคุมลูกให้เรียนอย่างเดียว แต่เราต้องยอมเหนื่อยมากขึ้น สวมวิญญาณคุณครูคอยสอน แนะนำ ทบทวนวิชาให้ลูก สร้างบรรยากาศให้ลูกผ่อนคลาย สนุก ไม่เบื่อ เช่น เปลี่ยนสถานที่เรียนบ้าง ชื่นชมเมื่อลูกตั้งใจเรียนให้ลูกภาคภูมิใจ ให้กำลังใจเวลาลูกเหนื่อย บ่อยครั้งที่ปุ้มสวมบทบาทผู้ประกาศข่าวฝนฟ้าอากาศ มาทำให้ลูกผ่อนคลาย ซึ่งสถานการณ์ดีขึ้น เราไม่ทะเลาะกับลูก ลูกก็ไม่เครียด เรียนสนุก จะว่าไปแล้วการเรียนออนไลน์ มันทำให้ปุ้มกับลูกมีโอกาสดูแลเอาใจใส่กัน ใกล้ชิดกันมากขึ้น ที่สำคัญได้เห็นพัฒนาการของลูก ซึ่งถ้าเป็นช่วงปกติบางวันแทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน” แม่บีกับน้องภูผา-น้องฟ้าใส บี-กมลาสน์ส่วน บี-กมลาสน์ เอียดศรีชาย เผยว่า “สิ่งสำคัญที่นำมาใช้รับมือการเรียนออนไลน์ของลูกทั้งสองคนของบีคือความเข้าใจ ลูกชายคนโต “น้องภูผา” กำลังเรียนชั้น ป.1 ส่วน “น้องฟ้าใส” เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 เราต้องใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งในการดูแลลูกๆเวลาเรียน ออนไลน์ เลือกใช้ให้ถูกตามสถานการณ์ ต้องอดทนในการแก้ปัญหา คอยสังเกตปฏิกิริยาของลูกเวลาเรียน รวมถึงใช้หลักจิตวิทยามาร่วมแก้ปัญหา ด้วย บางเวลาบีก็สวมบทบาทครูจริงๆ เคร่งครัดและเข้มงวด ไม่ใจอ่อนเวลาลูกๆ เริ่มเกเร แต่จะไม่ดุด่าว่ากล่าวหรือใช้อารมณ์ พยายามอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าต้องตั้งใจเวลาเรียน เมื่อลูกทำได้ก็ให้รางวัล เช่น ดูแลให้ลูกๆทำการบ้านให้เสร็จในช่วงเช้า และอนุญาตให้เล่นซนได้ในช่วงบ่าย ดูแลลูกเรียนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็เรียกให้มานั่งเรียนต่อ ฝึกให้เด็กๆเป็นคนรักษาเวลา ซึ่งจะได้ผลดีกว่านั่งฝืนเรียนไปแบบไม่หยุดพัก ยิ่งเวลาที่ลูกต้องเรียนวิชาที่ไม่ชอบ แม่อย่างเราก็ต้องคอยให้กำลังใจ คอยชื่นชมเวลาเขาตั้งใจเรียน ให้รู้สึกว่าแม่อยู่ข้างๆลูกเสมอ บางวันต้องพูดซ้ำคำเดิมๆตลอดจนเจ็บคอ มีการหลอกล่อด้วยขนมหรือสิ่งที่เขาชอบบ้าง โดยรวมแม้ว่าคนเป็นแม่จะเหนื่อยมากขึ้น แต่ก็ทำให้เราได้ใกล้ชิดลูกมากขึ้นด้วยเช่นกัน บีขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆทุกท่าน ผ่านจุดนี้ไปได้ด้วยกัน ทำเพื่อลูกของเรากันนะคะ”.