ในธรรมนูญชีวิตข้อ 12 คนไม่หลงโลก สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต) ท่านแบ่งไว้สามข้อข้อก.รู้ทันโลกธรรม คือรู้จักพิจารณา รู้เท่าทัน ตั้งสติให้ถูกต้องต่อสภาวะ อันหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ในชีวิตที่อยู่ท่ามกลางโลก ซึ่งเรียกว่าโลกธรรม 8 ประการ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์โลกธรรม 8 จัดเป็นสองฝ่าย ที่ชื่นชมน่าปรารถนา น่าชอบใจ คนทั่วไปอยากได้ เรียกว่า อิฏฐารมณ์ ที่ขมขื่น ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าพอใจ คนทั่วไปเกลียดกลัว เรียกว่า อนิฏฐารมณ์แต่จะชอบใจอยากได้หรือไม่ก็ตาม โลกธรรมเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้แก่ทุกคน ทั้งแก่ปุถุชนผู้ไม่มีการศึกษา และแก่อริยสาวกผู้มีการศึกษาจะแตกต่างกัน ปุถุชนผู้ไม่มีการศึกษา ไม่รู้จักฝึกอบรมตน ย่อมไม่เข้าใจ ไม่รู้เท่าทัน คราวได้ก็หลงใหลมัวเมาลำพองเหลิงลอย คราวเสียก็เหงาหงอยละเหี่ยหมดกำลัง ถึงกับคลุ้มคลั่งส่วนผู้มีการศึกษา รู้จักพิจารณารู้เท่าทันต่อความเป็นจริง จึงไม่หลงใหลมัวเมา มีสติดำรงอยู่ได้ วางตัววางใจพอดีไม่เหลิงในสุข และไม่ถูกทุกข์ท่วมท้นข้อข.ไม่มองข้ามเทวทูต คือรู้จักมอง รู้จักพิจารณาสภาวะที่ปรากฏอยู่เสมอในหมู่มนุษย์ อันเป็นสัญญาณเตือนใจ ให้ระลึกถึงคติธรรมดาของชีวิต ที่ไม่ควรลุ่มหลงมัวเมา ซึ่งเรียกว่าเทวทูต เพื่อแจ้งข่าวของยมเทพ 5 อย่าง คือ1. เด็กอ่อน ว่าคนเราทุกคนที่เกิดมา ก็อย่างนี้ เพียงเท่านี้2. คนแก่ ว่าทุกคนหากมีชีวิตอยู่ได้นาน ก็ต้องประสบภาวะเช่นนี้3. คนเจ็บ ว่าภาวะเช่นนี้ เราทุกคนอาจประสบได้ด้วยกันทั้งนั้น4. คนต้องโทษ ว่ากรรมชั่วนั้น ไม่ต้องพูดถึงตายไป แม้ในบัดนี้ก็มีผล เดือดร้อนเป็นทุกข์5. คนตาย ว่าภาวะเช่นนี้ เราทุกคนต้องได้พบ ไม่มีใครพ้น และกำหนดไม่ได้ว่า ที่ไหน เมื่อใดมองเห็นสภาพเช่นนี้ เมื่อผ่านเข้าไปในสุสาน ทัณฑสถานและโรงพยาบาล ก็มิให้มีใจหดหู่หรือหวาดกลัว แต่ให้มีสติ รู้จักใช้ปัญญาพิจารณา จะได้เกิดความสังเวช เร่งขวนขวายประกอบแต่กัลยาณกรรมข้อ ค.คำนึงถึงสูตรแห่งชีวิต แม้ไม่ใช่เวลาที่มองเห็นเทวทูต ก็ควรพิจารณา ตามหลักที่เรียกว่าอภิณหปัจจเวกขณ์ (สิ่งที่ทุกคน ไม่ว่าหญิง ไม่ว่าชาย ไม่ว่าชาวบ้าน ไม่ว่าชาววัด ควรหัดพิจารณาเนืองๆ) มีอยู่ 5 ประการ1. ชราธัมมตา ควรพิจารณาเนืองๆว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้2. พยาธิธัมมตา ควรพิจารณาเนืองๆว่า เรามีความเจ็บป่วยไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บป่วยไปได้3. มรณธัมมตา ควรพิจารณาเนืองๆว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้4. ปิยวินาภาวตา ควรพิจารณาเนืองๆว่า เราจักต้องประสบความพลัดพราก ทั้งจากคนและของที่รักที่ชอบใจไปทั้งสิ้น5. กัมมัสสกตา ควรพิจารณาเนืองๆว่า เรามีกรรมเป็นของตน เราทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักต้องเป็นทายาทของกรรมนั้นเมื่อพิจารณาอยู่เสมออย่างนี้ ก็จะช่วยป้องกันความมัวเมา ในความเป็นหนุ่มสาว ในทรัพย์สมบัติ และในชีวิต บรรเทาความลุ่มหลงความถือมั่นยึดติด และป้องกันการทำทุจริต ทำให้เร่งขวนขวายทำแต่สิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์ในสถานการณ์บ้านเมือง มีแต่เรื่องหดหู่เหงาเศร้าอย่างนี้ ธรรมนูญชีวิตข้อ 12 คือยารักษาใจขนานสำคัญ เราต้องช่วยกันปรุง ช่วยกันหามาใช้คนเข้มแข็งช่วยคนอื่นได้ ก็ช่วยไป จะช่วยรักษา ช่วยให้ยา ช่วยอาหาร หาออกซิเจนต่อลมหายใจ ช่วยเผา ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ เป็นมหากาพย์พลังน้ำใจ ที่จะจารึกไว้ให้คนรุ่นหลังกล่าวขานส่วนคนที่ช่วยอะไรไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำอะไร ขอแค่อย่าหาเรื่องไปขวางถนน...ก็น่าจะพอ.กิเลน ประลองเชิง