ไทยเป็นผู้ส่งออกทุเรียนเป็นอันดับ 1 ของโลกมาหลายปี เฉพาะแค่ปี 2562 ส่งออกผลทุเรียนและผลิตภัณฑ์แปรรูปมากถึง 680,872.5 ตัน มูลค่ารวม 51,035.7 ล้านบาท โดยกว่า 95% ของปริมาณส่งออกเป็นรูปทุเรียนสด (แบบผล และแบบแกะพู) โดยผู้บริโภคต่างประเทศนิยมทุเรียนแบบแกะพูมากที่สุด โดยเฉพาะตลาดระดับพรีเมียมที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เพราะสามารถรู้ได้ทันทีว่าเนื้อทุเรียนนั้นจะมีคุณภาพอย่างไรแต่กระนั้นการส่งออกทุเรียนสดแบบแกะพูมีอุปสรรคที่สำคัญคือ อายุการเก็บรักษาสั้น จึงต้องมีการควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิดจากต้นทางของผู้ผลิต จนถึงปลายทางคือผู้บริโภค ผศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ทรัพชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก เผยว่า การส่งออกทุเรียนแบบแกะพู เมื่อแกะเนื้อออกมาจากผลแล้วอายุในการเก็บรักษาค่อนข้างสั้น จึงเป็นปัญหาทั้งในเรื่องของการส่งออกและการวางจำหน่าย จึงได้ศึกษาและพัฒนาแนวทางการแก้ไขเรื่องนี้มาเป็นเวลาหลายปีและได้ขอรับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เรื่อง “การบริหารจัดการสายโซ่คุณค่ามะม่วงน้ำดอกไม้สีทองและทุเรียนหมอนทอง” จนสามารถพัฒนาและยืดอายุการเก็บรักษาทุเรียนสดแบบแกะพูเพื่อการส่งออกจนเป็นผลสำเร็จ วิธีดำเนินการคือ คัดเลือกทุเรียนพูที่สวยน่ารับประทานได้มาตรฐาน แล้วนำไปบรรจุกล่องที่โรงงานมาตรฐานส่งออกในจังหวัดปทุมธานี ในกล่องที่บรรจุทุเรียนจะใส่ซองบรรจุสารดูดซับก๊าซเอททิลีน ที่ทำผลไม้แก่เต็มที่เพื่อชะลอให้ทุเรียนสุกช้าลง โดยกล่องบรรจุจะต้องเป็นกล่องพลาสติกแบบแอนตี้ฟ็อก ป้องกันการเกิดหยดน้ำ และป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าขึ้นในกล่องวิธีการนี้จะช่วยยืดอายุทุเรียนแกะพูจากอยู่ได้ไม่เกิน 3 วัน ให้เป็น 7-10 วัน ทำให้มีเวลาเพียงพอสำหรับการขนส่ง การส่งออก และมีเวลาเพียงพอที่จะวางสินค้าให้อยู่ในตลาด สำหรับประเทศที่ส่งออกคือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดระดับพรีเมียมที่ผู้บริโภคสั่งซื้อด้วยระบบพรีออเดอร์ ดังนั้น จึงไม่มีสินค้าเหลือตกค้าง ข้อดีของการส่งออกทุเรียนแบบแกะพูคือ สามารถนำทุเรียนที่เปลือกไม่สวยแต่เนื้อดีมาใช้ได้ แต่ข้อเสียคือ ในทุเรียนหนึ่งผลอาจจะคัดทุเรียนเนื้อดีได้ไม่ถึง 20% ทุเรียนส่วนที่ไม่ได้คุณภาพจะถูกนำไปแยกขายตามเกรด ดังนั้น ราคาขายปลายทางของทุเรียนแบบแกะพูจึงค่อนข้างสูง เช่น ในสหรัฐอเมริกาผู้บริโภคซื้อในราคากล่องละประมาณ 30-40 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ต้นทุนทุเรียนที่ออกจากสวนอยู่ที่ประมาณ กก.ละ 150 บาท เมื่อบวกค่าดำเนินการต่างๆ เช่น บรรจุกล่อง ค่าขนส่งทางเครื่องบิน ผู้ส่งออกจะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 50%อีกปัญหาของการส่งออกด้วยวิธีแกะเนื้อคือ ปริมาณผลทุเรียนคุณภาพดีมีไม่เพียงพอ เพราะทุเรียนผลส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปจีน ทำให้ปัจจุบันมีผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนแบบแกะพูไม่มากนัก ขณะที่ตลาดในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีความต้องการสูงมาก จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ส่งออกของไทย.