เจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อม เร่งตรวจคุณภาพอากาศและน้ำ หลังโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกระเบิดสารเคมีกระจายเป็นวงกว้าง พบคุณภาพอากาศ ยังอยู่ในระดับความปลอดภัย พร้อมส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจถังสารเคมีตกค้างหวั่นปะทุขึ้นอีกรอบ ส่วนชาวบ้านอยู่ในรัศมี 1-2 กม. ยังอยู่ในพื้นที่ควบคุม คปภ.ตั้งศูนย์รับเรื่องความเสียหายช่วยเหลือด้านประกันภัย ขณะที่ “สุริยะ” สั่งทบทวนมาตรการความ ปลอดภัยในโรงงาน พร้อมพิจารณาความเป็นไปได้ ย้ายโรงงานมีสารอันตรายออกจากชุมชนจากเหตุไฟไหม้ที่บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด เลขที่ 87 ซอยกิ่งแก้ว 21 หมู่ 15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ถังสารเคมีไวไฟ “เพนเทน” เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นเมื่อเวลา 03.20 น. วันที่ 5 ก.ค. ส่งผลทำให้บ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงเสียหายกว่า 100 หลัง มีผู้บาดเจ็บหลายสิบคน และมีผู้เสียชีวิต 1 รายคือนายกรสิทธิ์ หรือพอส ลาวพันธ์ อายุ 18 ปี เจ้าหน้าที่อาสาบรรเทาสาธารณภัย รหัสธน 28-78 เจ้าหน้าที่ต่างระดมกำลังดับเพลิงทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศจนเพลิงสงบ ส่วนชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุในรัศมี 5 กม. ต่างอพยพออกนอกพื้นที่หวั่นค่ามลพิษมีผลต่อสุขภาพ ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ก.ค. นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 ชลบุรี และเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ พร้อมด้วยรถเคลื่อนที่เร็วและอุปกรณ์ ตรวจวัดค่าออกซิเจนทางอากาศและทางน้ำโดยรอบที่เกิดเหตุ กระจายกำลังตรวจตามชุมชนในรัศมี 1 กม. นายอาวีระเปิดเผยว่า สำรวจคุณภาพน้ำและคุณภาพอากาศพบว่า หากไม่มีการปะทุของแสงเพลิงขึ้นมาอีก คุณภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในระดับความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตรวจพบสารพวกฟอร์มาลดีไฮด์หรือสารอันตรายบางตัวในอากาศ ประชาชนบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุควรงดนำน้ำจากธรรมชาติมาใช้อุปโภคบริโภคต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมมูลนิธิร่วมกตัญญู นายวันชัย คงเกษม ผวจ.สมุทรปราการ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจาก บ.ปตท. เจ้าหน้าที่ ปภ. ตำรวจ และทหาร เพื่อวางแผนการทำงาน จากนั้นนายวันชัยเปิดเผยว่า เหตุการณ์คลี่คลายไปมาก ขณะนี้ปัญหามีอยู่ 2 ส่วนคือ สารเคมีที่ยังอยู่ในถังกว่า 1,600 ลิตรยังหลงเหลือกี่ลิตร และมีสารเคมีรั่วไหลถูกเผาไหม้แล้วกี่ลิตรเจ้าหน้าที่แยกดำเนินการเป็น 2 ชุด ชุดแรกจะเข้าไปจัดการสารเคมีที่หลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนชุดที่ 2 เข้าไปตรวจสอบในถังสารเคมี แล้วใช้สารเคมี DEHA เข้าไปเจือปนให้เป็นเกิดค่ากลาง ทำให้ติดไฟน้อยที่สุดด้านพล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ใกล้พื้นที่เกิดเหตุอพยพไปอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือแล้ว ขณะนี้แจ้งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ถนนกิ่งแก้วฝั่งตะวันออก กลับเข้าพื้นที่ได้ทั้งหมด เปิดใช้ถนนกิ่งแก้วทั้ง 2 ฝั่ง แต่ยกเว้นผู้ที่พักอยู่ในซอยกิ่งแก้ว 19-25 ในระยะทางรัศมีใกล้จุดเกิดเหตุ 1- 2 กม. ยังมีประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุมจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนเรื่องคดีพนักงานสอบสวนสอบปากคำพยาน ผู้บาดเจ็บ รวมถึงผู้จัดการโรงงานและพนักงาน แต่ข้อสรุปยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าตรวจที่เกิดเหตุได้ สถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยยังมีจุดความร้อนเต็มไปทั่ว ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานผู้ชำนาญการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ชำนาญการจากกระทรวงวิทยาศาสตร์เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความผิดของใคร ต้องรอหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติมนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากเหตุเพลิงไหม้ พบคุณภาพอากาศใน จ.สมุทรปราการอยู่ในเกณฑ์ดีมาก สำหรับการตรวจสอบไอระเหยสารเคมีในบรรยากาศพบว่า บริเวณภายในโรงงานตรวจไม่พบทั้งสารสไตรีนและฟอร์มาลดีไฮด์ และบริเวณภายนอกโรงงานบริเวณด้านหน้าโรงงาน ตรวจไม่พบสารสไตรีนและตรวจพบฟอร์มาลดีไฮด์ปริมาณ 0.007 ppm (ค่ามาตรฐาน 0.9 ppm) ไม่เกินค่ามาตรฐาน และบริเวณชุมชนใกล้เคียงโรงงาน 3 จุดในรัศมี 1-2 กม. ตรวจไม่พบทั้งสารสไตรีนและฟอร์มาลดีไฮด์ ทั้งนี้ คพ. ประสานข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพบรรยากาศรายวันให้กับศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อการตัดสินใจยุติการอพยพออกจากพื้นที่ต่อไป และจะเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และมลพิษจากสารเคมีที่ตกค้างในสิ่งแวดล้อม อาจส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โดยรอบ และใช้เป็นข้อมูลประกอบการแจ้งเตือนจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีจังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งวอร์รูมวางแผนเพื่อกำจัดสารเคมีอันตรายในจุดที่เกิดการปะทุของเปลวไฟ เรียกประชุมวางแผนร่วมกับนักผจญเพลิงของ ปภ. ที่จะเข้าไปในถังที่บรรจุสารเคมีในจุดที่เกิดเหตุ ต้องฉีดโฟมเลี้ยงตลอดเวลาเพื่อควบคุมอุณหภูมิเคมีในถังให้เท่ากับอุณหภูมิภายนอก และเตรียมนำสารเคมี “ดี 5” เทใส่ลงไปในถัง เพื่อปรับสภาพของเคมีไม่ให้ติดไฟก่อนทำการเคลื่อนย้ายไปทำลายส่วนนายอิทธิพล แจ้งชัด คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ฯ วัตถุดิบที่ติดไฟและระเบิดคือ “สไตรีน” (Styrene) เป็นของเหลวใสติดไฟง่ายมีกลิ่นแรงเฉพาะตัว มีความหนาแน่นที่น้อยกว่าน้ำและละลายน้ำได้น้อยมาก ควันดำที่เห็นลอยไปไกลคือสิ่งที่เกิดจากการเผาไหม้สไตรีน เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอนมอนอกไซด์ รวมถึงสารในกลุ่มอะโรมาติก คล้ายการเผาไหม้เชื้อเพลิงทั่วไป ไม่น่ากลัวเท่าไอสไตรีน โชคดีที่สไตรีนหนักกว่าอากาศไม่ลอยไกล อยู่ในอากาศ 7-8 ชม. แล้วสลายตัว การดับไฟจากสไตรีนใช้น้ำ โฟม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสารเคมีแห้งใช้น้ำควบคุมไฟได้ แต่ต้องระวังเนื่องจากสไตรีนเบากว่าน้ำและไม่ละลายน้ำ จะลอยน้ำและนำไฟไปลุกลามจุดอื่น ยืนยันว่าควันดำลอยไกลไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือการระเบิดของถังบรรจุสไตรีน และสไตรีนตกค้างรอบๆจุดเกิดเหตุนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า สั่งการให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เข้าไปตรวจสอบโรงงานหมิงตี้ และโรงงานที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยรัศมี 5 กม.โดยรอบ ไม่พบการครอบครองหรือใช้วัสดุกัมมันตรังสี รวมทั้งสารสไตรีนโมโนเมอร์ นอกจากนี้ จิสด้าใช้ภาพถ่ายดาวเทียมแบบละเอียด ตรวจสอบทิศทางลม และการขยายตัวไปชุมชนบริเวณรอบๆโรงงาน เพื่อประเมินสถานการณ์หากมีการเคลื่อนย้ายประชาชนด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ทบทวนมาตรการความปลอดภัยของการประกอบกิจการโรงงานใหม่ทั้งหมดว่า มีจุดใดต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ครอบคลุมโรงงานทั่วประเทศทั้ง 64,038 แห่ง โดยเฉพาะโรงงานที่ใช้สารเคมีอันตรายในการประกอบกิจการตั้งอยู่ใกล้บริเวณที่มีชุมชนล้อมรอบ ให้พิจารณาการบริหารจัดเก็บสต๊อกการใช้สารเคมีในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้ สั่งให้พิจารณาย้ายโรงงานที่ประกอบกิจการมีสารอันตรายออกนอกพื้นที่ชุมชน แม้โรงงานจะตั้งมาก่อนชุมชนก็ตาม อาจจะหามาตรการส่งเสริมให้โรงงานดังกล่าวย้ายออกมาจากบริเวณชุมชน เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือว่ามาตรการอื่นๆ ต่อมาเวลา 14.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ไปประชุมและติดตามสถานการณ์การเกิดเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟม ที่ห้องประชุมโรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง อ.บางพลี เสร็จแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.อ.กัมปนาท ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานเครื่อง อุปโภคบริโภคจำนวน 1,992 ถุง ไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอบางพลี และตัวแทนหัวหน้าศูนย์อพยพขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองเลขาธิการพระราชวัง เชิญแจกันดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ เข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลสมุทรปราการ 3 ราย รพ.สิรินธร 1 ราย รพ.รามาธิบดี 1 ราย รพ.บางปะกอก 3 จ.สมุทรปราการ 1 ราย และ รพ.ศูนย์ การแพทย์ฉะเชิงเทรา 1 ราย ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บทุกคนและครอบครัวต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้สำหรับมาตรการให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ถังเก็บสารเคมีระเบิดภายใน บ.หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด แรงอัดของการระเบิดในครั้งนี้ทำให้โรงงาน บ้านเรือน และยานยนต์ที่อยู่โดยรอบรัศมี 500 เมตร ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก คปภ.เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน กำหนดมาตรการช่วยเหลือด้านประกันภัยให้กับประชาชนผู้เดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนหน้านี้ออกมาตรการช่วยเหลือไปแล้ว 2 มาตรการนายสุทธิพลเปิดเผยอีว่า ภายหลังการประชุมหารือกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง มีความเห็นเพิ่มอีก 3 มาตรการ ดังนี้ 1.บูรณาการร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทประกันภัย เร่งตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านประกันภัยอย่างเร่งด่วน 2.บูรณาการร่วมกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ ช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดสมุทรปราการ และ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ตั้งศูนย์รับแจ้งความเสียหาย เพื่อบูรณาการการทำงานและข้อมูลความสูญเสียหรือความเสียหายของบ้านเรือน และทรัพย์สิน และ 3.เร่งบูรณาการการจ่ายสินไหมทดแทนให้กับประชาชนผู้เดือดร้อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทั้งนี้ สำหรับรายที่ไม่ได้ทำประกันภัยครอบคลุมความสูญเสีย หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นไว้ จะได้รับการชดใช้จากการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก โรงงานทำประกันภัยดังกล่าวรองรับไว้ด้วยวงเงินเอาประกันภัย 20 ล้านบาท ทั้งความสูญเสียหรือความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดับเพลิงและการเช่าที่พัก อย่างไรก็ตาม สำหรับความสูญเสียหรือความเสียหายที่เกินกว่าวงเงินเอาประกันภัย จำเป็นต้องเรียกร้องจากผู้ที่กระทำการละเมิด คปภ.และบริษัทประกันภัยจะร่วมบูรณาการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปขณะที่นายอิทธิกานต์ จิตสมบูรณ์ อายุ 39 ปี พร้อมชาวบ้านในหมู่บ้านพฤกษา ซอยกิ่งแก้ว 21 มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย หลังแรงระเบิดโรงงานผลิตเม็ดโฟมทำให้บ้านเรือนเสียหาย นายอิทธิกานต์เปิดเผยว่า ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดกว่า 200-300 หลังคาเรือน อยากเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องของโครงการหมู่บ้านมีบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด มหาชน บริหารงาน ช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และทรัพย์สินอื่นๆด้วยส่วนเหตุเพลิงไหม้บริษัท ฟลอรอลแมนูแฟคเจอริ่ง กรุ๊ป จำกัด เป็นโรงงานผลิตเครื่องหอม ภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังโซน 3 ถนนฉลองกรุง แขวงลำปะทิว เขตลาดกระบัง กทม. ล่าสุด พ.ต.ท.สุรสิทธิ์ หวังดี รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ฉลองกรุง พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาเก็บหลักฐานบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นบางส่วน เนื่องจากยังมีความร้อนและบางจุดยังมีไฟคุขึ้นมา เจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำเลี้ยงตลอดเวลา ตรวจสอบเบื้องต้นกลุ่มควันที่เกิดจากเพลิงไหม้ ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะที่เป็นพิษ ชาวบ้านเข้าพักอาศัยได้เป็นปกติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังมาเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจว่า เป็นสารชนิดใดและมีอันตรายหรือไม่ สำหรับโรงงานแห่งนี้มีข้อมูลว่าเป็นโรงงานรับผลิตสินค้าประเภท แชมพู สบู่ เจลอาบน้ำ และโลชั่นทาผิว มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม ภายในโรงงานเก็บแอลกอฮอล์มากกว่า 30,000 ลิตร มีคำสั่งให้พนักงานทั้งหมดหยุดทำงานไปก่อน ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ให้กรมควบคุมมลพิษเข้าประเมินสถานการณ์พื้นที่โรงงานไฟไหม้ทั้งซอยกิ่งแก้วและโรงงานน้ำหอม ลาดกระบัง เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจ คราบน้ำมัน สารตกค้าง สารระเหยรวมถึงตรวจคุณภาพอากาศโดยรอบพื้นที่ และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเร่งสำรวจคุณภาพน้ำ ทั้งบนผิวดินและใต้ดินในรัศมี 12 กม. ได้ผลภายใน 1-2 วัน จะรีบแจ้งให้ประชาชนทราบ ส่วนอากาศอยู่ในระดับที่ปลอดภัยแล้ว เพราะสารพิษลอยขึ้นไปสูงมากกระจายตัวไปในชั้นบรรยากาศแล้ว แต่ยังเป็นห่วงยังไม่กล้าให้เข้าไปในพื้นที่ ต้องทำให้แน่ใจก่อน เราสามารถบริหารเชื้อเพลิงได้ทั้งหมดก่อน ประชาชนจะได้อุ่นใจนายวุฒินันท์ บุญชู ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเพลิงไหม้ และสารเคมีรั่วไหลของโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาให้ความช่วยเหลือเยียวยา นำคนงานในแคมป์รัศมีไม่เกิน 2 กม. ร่วม 180 คน ไปตรวจสุขภาพ รวมถึงหามาตรการแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ ทบทวนงบประมาณป้องกันสาธารณภัยให้สอดรับขนาดของชุมชนเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นมาจัดซื้ออุปกรณ์ให้เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของโรงงานที่เกี่ยวข้องกับขยะและกิจการพลังงาน รวมทั้งตรวจสอบการขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานและการต่ออายุต่อมาเวลา 16.00 น. รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ พร้อมด้วยคณาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และนักวิทยาศาสตร์จากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุระเบิดบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด เพื่อตรวจสอบหาสารเคมีตกค้าง นักวิทยาศาสตร์เก็บตัวอย่างดินที่อยู่ในระดับความลึก 2 เมตร นำไปเข้าตรวจสอบในห้องแล็บของ ม.เกษตรศาสตร์ และส่งตรวจเปรียบเทียบกันที่ห้องแล็บอื่นๆด้วยเพื่อความแม่นยำ