การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่เลวร้ายที่สุดในโลกเกิดขึ้นเมื่อ 252 ล้านปีก่อน จากเหตุภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก่อหายนะให้สัตว์ส่วนใหญ่สูญพันธุ์ไป แต่เมื่อฝุ่นที่คลุ้งตลบสงบลงก็ถึงเวลาของยุคไดโนเสาร์ นักวิจัยยังข้องใจถึงชนิดสัตว์ที่สูญพันธุ์ไป ชนิดใดเหลือรอด และเกิดขึ้นเพราะเหตุใดล่าสุด นักวิจัยจากพิพิธภัณฑ์ฟีลด์ ที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ศึกษาพบว่าขณะที่การสูญพันธุ์เกิดขึ้นรวดเร็วในมหาสมุทร การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตบนบกกลับใช้เวลาช้ากว่าในทะเล หลังตรวจสอบซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลสัตว์ 4 ขา 588 ตัวที่อาศัยอยู่ตามลุ่มน้ำการู ในแอฟริกาใต้ ช่วงเวลาที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในยุคเพอร์เมียน (Permian) โดยได้สร้างฐานข้อมูลและแยกฟอสซิลตามอายุ พร้อมจัดกลุ่มฟอสซิลตามช่วงเวลา 300,000 ปี เพื่อหาจำนวนการปรากฏตัวและการหายไปของสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ซึ่งยังทำให้เห็นภาพรวมของสิ่งมีชีวิตเมื่อเวลาผ่านไป ทีมพบว่าหนึ่งในสายพันธุ์ที่เผยให้เห็นรูปแบบการสูญพันธุ์และการฟื้นตัวคือลีสโทรซอรัส (Lystrosaurus) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่กินพืช ขนาดเท่าสุนัขตัวเล็กไปจนถึงเท่าวัว โดยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ มีจะงอยปากและงาลีสโทรซอรัสเป็นกลุ่มที่เติบโตขึ้นในช่วงเวลาที่สัตว์ส่วนใหญ่ดิ้นรนจากการวายวอดของเผ่าพันธุ์ ฟอสซิลของมันชี้ว่าการสูญพันธุ์ของยุคเพอร์เมียนนั้น โลกบนบกแตกต่างและช้ากว่าที่เกิดขึ้นในโลกทะเล สิ่งมีชีวิตทางทะเลถูกคร่าไป 95% ภายในเวลา 14 นาที ทว่าการสูญพันธุ์บนบกจะใช้เวลานานถึง 10 เท่า คิดเป็นประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุใดเหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นช้ากว่ามากบนบก.