นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามในคำสั่งสำนักงาน สกสค.จำนวน 2 ฉบับ คือ 1.คำสั่งสำนักงาน สกสค. ที่ 37/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมีใจความสำคัญระบุว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริง ว่าสำนักงาน สกสค. โดยคณะกรรมการบริหารเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตาม โครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) อนุมัติให้นำเงินกองทุนฯ จำนวน 500 ล้านบาท จำนวน 2,100 ล้านบาท และจำนวน 400 ล้าน บาท ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทบิลเลี่ยนอินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้สำนักงาน สกสค. ได้รับความเสียหาย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงประกอบการดำเนินการทางกฎหมายในภาพรวมของสำนักงาน สกสค. จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 แต่ง ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยให้นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ คณะทำงาน รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน และให้คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งมีหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวม เอกสารหลักฐาน รวมทั้งบันทึกถ้อยคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แล้วสรุปผลเสนอต่อตนเพื่อพิจารณาเลขาธิการ สกสค. กล่าวอีกว่า 2.คำสั่งสำนักงาน สกสค. ที่ 37/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งมีใจความสำคัญระบุว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริง ว่า สำนักงาน สกสค. โดยคณะกรรมการบริหารเงินกองทุนฯ ช.พ.ค. อนุมัติให้นำเงินกองทุนฯ จำนวน 800 ล้าน บาท ร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนของบริษัทหนองคายน่าอยู่ จำกัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้สำนักงาน สกสค. ได้รับความเสียหาย จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 71 แห่ง พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมี นายไกรวิชญ์ ภัทรพงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาพระโขนง 3 สำนักงาน อัยการสูงสุด เป็นประธาน และให้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งมีหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวม เอกสารหลักฐาน รวมทั้งบันทึกถ้อยคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แล้วสรุปผลเสนอต่อตนเพื่อพิจารณาต่อไป สำหรับกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริง ทั้ง 2 เรื่อง จะเสร็จสิ้นภายใน 30 วัน.