หลายครั้งที่การค้นพบสิ่งสำคัญก็มักจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เช่นกรณีนักโบราณคดีจากพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งนอร์เวย์ อาร์เน แอนเดอร์สัน สตัมเนส ขับรถข้ามทุ่งทางตะวันออกของที่ตั้งแคมป์ในเขตเทศบาลโบเดอร์ ที่นอร์เวย์ เมื่อเดือน พ.ย.2562 โดยด้านหลังของรถขับเคลื่อน 4 ล้อได้ลากอุปกรณ์เรดาร์ที่ส่องทะลุลงไปใต้ดินเรียกว่าจีโอเรดาร์ (georadar) หรือ GPR ซึ่งส่งสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าผ่านลงไปใต้พื้นผิวดิน และสัญญาณบางส่วนก็สะท้อนกลับเมื่อพบโครงสร้างถูกฝังอยู่ข้างใต้นักโบราณคดีพบอย่างรวดเร็วว่าพื้นดินแถวนั้นมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ ต่อมาจึงมีการขุดค้นและพบว่าที่แห่งนี้คือหนึ่งในสุสานฝังศพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยพบร่องรอยของ 15 หลุมฝังศพและดูเหมือนจะมีหลุมฝังเรืออยู่ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติในช่วง ค.ศ.650-950 ระบุว่าอยู่ในสมัยราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงและยุคไวกิ้ง แต่ความลึกลับที่น่าสนใจก็คือขณะที่นักโบราณคดีลากเครื่องจีโอเรดาร์ไปมาในทุ่ง ก็พบร่องน้ำรูปวงรีปรากฏบนหน้าจอมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งหมด 32 ร่องน้ำ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนและร่องน้ำเหล่านี้คืออะไรยังเป็นปริศนาการสำรวจโดย GPR ยังเผยให้รู้ว่ามีหลุม 1,257 หลุม ขนาดต่างๆ กัน แม้จะยากที่จะบอกว่าทั้งหมดนี้คืออะไร แต่เป็นไปได้มากว่าหลุมเหล่านี้จะทำหน้าที่สารพัดประโยชน์ ทั้งทำอาหาร และหลุมสำหรับลงเสา หรืออาจไม่มีอะไรพิเศษเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม การสร้างสุสานขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องใช้ทรัพยากรมาก เป็นไปได้ว่าผู้คนที่ถูกฝังอยู่ที่นี่จะมีอำนาจและอิทธิพลอย่างมากทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค.Credit : Arne Anderson Stamnes, NTNU University Museum