มนุษย์ที่ได้ชื่อมีฤทธิ์ มีเดช มีอำนาจ สมัยตำนานอินเดีย คุณสมบัติเด่นข้อแรก คือ พูดออกมาอย่างไร ต้องเป็นไปอย่างนั้น ไม่ว่าคำพูดนั้นจะถูกเรียกว่าคำสัญญา ปณิธาน หรือคำสาปในหัวข้อมหากาพย์อินเดียในศิลปะขอม จากหนังสือประวัติศาสตร์ และศิลปะแห่งอาณาจักรขอมโบราณ(สำนักพิมพ์เมืองโบราณ พ.ศ.2551) สรศักดิ์ จันทร์วัฒนกุล ชวนดูภาพสลักปราสาทหินนครวัด แล้วเล่าเรื่องย่อ มหาภารตยุทธ สั้นๆง่ายๆให้ฟังมหาภารตยุทธเป็นวรรณคดีอินเดีย มีความยาว 2.2 แสนบรรทัด ยาวกว่ามหากาพย์ IIIiad และ Odyssey รวมกันถึง 7 เท่า เนื้อหาเป็นเรื่องราวกษัตริย์สองตระกูลซึ่งเป็นพี่น้องกัน ทำสงครามกันกษัตริย์พวกเการพ ตัวแทนของอธรรม ความชั่ว และความมืด มีทุรโยชน์ เป็นหัวหน้า กษัตริย์พวกปาณฑพ ตัวแทนธรรมะ ความดี ความสว่าง ยุธิษฐิระ ภีมะ อรชุน สหเทพ และนุกูล ห้าพี่น้องเป็นหัวหน้ากษัตริย์ปาณฑพได้ครองเมือง กษัตริย์เการพไม่พอใจ ท้าเล่นสะกา ใช้กลโกงลูกเต๋าเอาชนะปาณฑพได้ จึงได้สัญญาครองเมือง 13 ปี ทั้งได้นางเทราปตี มเหสีกษัตริย์ปาณฑพไปเป็นชายาทุรโยชน์ผู้นำฝ่ายอธรรม เย้ยหยันกษัตริย์ปาณฑพ อุ้มนางเทราปตีขึ้นตัก นางเทราปตีแค้นมาก หลุดปากสาปทุรโยชน์ ให้ตายด้วยฝีมือฝ่ายสามีตนครบสัญญา 13 ปี พวกปาณฑพออกจากป่ากลับมาขอแผ่นดินคืน พวกเการพไม่ยอมให้ พวกปาณฑพจึงประกาศสงคราม ยกกองทัพรบกันที่ทุ่งกุรุเกษตรนานถึง 18 วันในสงครามแม่ทัพนายกองที่เคยเป็นนาย เป็นลูกน้อง เป็นศิษย์ เป็นอาจารย์ ก็ต้องรบกันการรบวันที่ 10 ภีษมะปู่ของกษัตริย์สองฝ่าย ผู้บรรลุฌานวิเศษ ไม่มีใครรบชนะได้ เป็นแม่ทัพฝ่ายเการพภีษมะเคยประกาศวาจาสัจ 1.ไม่รบข้าศึกที่พ่ายแพ้แล้ว 2.ไม่รบข้าศึกที่หนีหรือวางอาวุธ 3.ไม่รบข้าศึกที่บาดเจ็บ 4.ไม่รบข้าศึกที่ร้องขอชีวิต และ 5.ไม่รบกับคนเป็นสตรีบังเอิญศิขัณฑิน พี่ชายนางเทราปตีอยู่กับฝ่ายเการพ ศิขัณฑินตอนเกิดเป็นสตรี แต่มีเหตุไปแลกเพศกับอสูรตนหนึ่งกลายเป็นบุรุษ แต่แต่งกายเป็นสตรีอยู่ (ศิขัณฑินคนนี้เดากันว่าเป็นต้นกำเนิดคำขันที)ขณะอรชุน ฝ่ายปาณฑพ รบติดพันกับภีษมะ ฝ่ายเการพด้านหน้า ฝ่ายเการพก็ให้ศิขัณฑินบุกเข้าด้านหลัง ภีษมะเหลียวมาเห็นว่าเป็นสตรีก็ทิ้งอาวุธไม่ยอมสู้ต่ออรชุนได้ทีรัวศรพันดอกเข้าปักหลัง ภีษะมะล้มตัวนอนบนลูกศร ไม่ยอมตาย แต่แม้อยู่ฝ่ายอธรรม หัวใจภีษมะเป็นธรรม ขอร้องให้ทุรโยชน์คืนเมืองให้ฝ่ายปาณฑพตามสัญญา ทุรโยชน์ไม่ยอม ก็แน่ล่ะ เขาเป็นฝ่ายคนเลวอรชุนเห็นปู่ภีษมะก็สลดใจ ทนอยู่ในสงครามที่ต้องรบกันต่อไปไม่ไหว ชักรถรบหนี พระกฤษณะที่ทำหน้าที่สารถี ต้องเป็นพี่เลี้ยงปลอบอรชุนให้ทำตามหน้าที่กษัตริย์คือรบต่อบทสนทนาพระกฤษณะซึ่งก็คือองค์นารายณ์แปลง กับอรชุน ถูกรจนาเป็นร้อยกรองสำคัญ ให้โลกรู้จักถึงวันนี้ ในชื่อมหากาพย์ภควัทคีตาฉากสุดท้ายของมหาภารตยุทธ ทุรโยชน์ฝ่ายเการพแพ้หนีไปซ่อนตัวในน้ำแล้วถูกยั่วให้ขึ้นมาสู้ต่อ และถูกภีมะใช้กระบองตีหัวเข่าจนลูกสะบ้าหลุด ตามกติกาการรบผู้ชนะต้องไม่ซ้ำแต่พระกฤษณะบอกให้ภีมะตามตีซ้ำจนทุรโยชน์ตายพระกฤษณะให้เหตุผลว่า เป็นไปตามคำสาปของพระนางเทราปตี ที่สาปทุรโยชน์ไว้ภีษมะอยู่ฝ่ายเการพ ถือวาจาสัจ แต่อยู่ฝ่ายอธรรมก็ต้องตาย ส่วนนางเทราปตีฝ่ายธรรมะ ใช้วาจาสิทธิ์ หลุดปากสาปทุรโยชน์ ทุรโยชน์ก็ต้องตาย ดูเหมือนว่า ไปตามกติกา ธรรมะต้องชนะอธรรมสงครามสมัยมหาภารตยุทธ เรื่องวาจามีผลกับการแพ้ชนะ มากกว่าอาวุธร้อยเท่าพันทวี.กิเลน ประลองเชิง