สภาพภูมิอากาศในอดีตถือเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเมื่อโลกเย็นลงหรือร้อนขึ้นอย่างมาก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการศึกษาสภาพภูมิอากาศในอดีตก็จะทำให้สามารถคาดการณ์และกำหนดขอบเขตสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้นักบรรพชีวินวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยอริโซนา ในสหรัฐอเมริกา ได้คำนวณว่าโลกในยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายนั้นหนาวเหน็บแค่ไหน เมื่อแผ่นน้ำแข็งขนาดมหึมาปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป และเอเชีย ทีมใช้การวัดทางเคมีเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลของแพลงก์ตอนสัตว์ขนาดเล็ก รวมถึงโครงสร้างที่เก็บรักษาไว้ของไขมันจากแพลงก์ตอนชนิดอื่นๆ ที่เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิของน้ำ เรียกง่ายๆว่าเป็นลักษณะทางกายภาพของอดีตที่ถูกคงไว้ ซึ่งเหมาะสำหรับการวัดทางอุตุนิยมวิทยาโดยตรง จากนั้นก็นำข้อมูลเหล่านี้ไปสร้างแบบจำลองสภาพภูมิอากาศเพื่อคำนวณอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ผลวิจัยพบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในช่วงยุคน้ำแข็งใหญ่สุดครั้งสุดท้ายเมื่อ 23,000-19,000 ปีที่แล้วอยู่ที่ 7.8-7 องศาเซลเซียสโดยประมาณ ในช่วงยุคน้ำแข็งที่กินเวลาราว 115,000-11,000 ปีก่อน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ทั้งแมมมอธ มาสโตดอน แรดมีขน แมวรูปร่างคล้ายเสือมีเขี้ยวโค้ง ต่างปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศหนาวเย็น เชื่อกันว่าการล่าของมนุษย์มีส่วนทำให้สัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ในช่วงท้ายยุคน้ำแข็ง ที่น่าสนใจคือดินแดนอลาสกาอาจไม่ได้ปกคลุมด้วยน้ำแข็งทั้งหมด มีเส้นทางปราศจากน้ำแข็งทำให้มนุษย์ข้ามช่องแคบแบริ่งไปยังตอนกลางอลาสกาที่ไม่ได้หนาวเย็นนักในช่วงเวลานั้น ซึ่งค่อนข้างเหมาะต่อการตั้งถิ่นฐาน.