“โรม” ดักคอ พวกโยนหินถามทางเลื่อนเลือกตั้ง ต้องคิดบน ผลประโยชน์ชาติ ไม่ให้เอื้อให้พรรคใด “ท็อป” นำทีมกราบลา “เตี่ยบรรหาร” ขอไปฝึกปรือวิทยายุทธ์ในค่ายสีน้ำเงิน ย้ำข้อจำกัดพรรคเล็กทำงานยาก “ขิง-เฮ้ง” ยกก๊วนอดีต สส.ในกลุ่มแห่ซบ ภท. “ประเสริฐ” มั่นใจ พท.เปิดนโยบายออกมาปังแน่ “จาตุรนต์” ปลุกไม่ยอมให้ รธน.ใหม่ถูกฝังทั้งเป็น โฆษก รบ.โวเจรจาการค้าสหรัฐฯไปต่อ โพลชี้ยังไม่พบคนเหมาะสมเป็นนายกฯ ย้ำพรรคการเมืองมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตัวตามที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ย้ำหลายรอบว่าหากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีการสู้รบ อาจต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ล่าสุดนายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาดักคอการเลื่อนเลือกตั้งต้องไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง“โรม” ดักคอโยนหินเลื่อนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์สู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา อาจกระทบต่อการจัดเลือกตั้งที่อาจต้องเลื่อนออกไปว่า คิดว่าต้องประเมินสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ดูจากความเป็นจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องไม่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นผลประโยชน์ของพรรคการเมือง แต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง ไม่แน่ใจว่าการคิดแบบโยนหินถามทางคิดจากบนพื้นฐานอะไร คือคิดว่าเกือบ 2 เดือนข้างหน้าจะมีการสู้รบกันยาวยืดต่อไป หรือว่าคิดบนพื้นฐานว่าอยากเห็นธงทางการเมืองแบบนั้น เลยพยายามโยนหินถามทางหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องไม่ทำให้เป็นเรื่องทางการเมืองที่จะนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองใดก็ตามฉะเอื้อประโยชน์ให้แค่บางพรรคเมื่อถามว่าประเมินว่าพรรคภูมิใจไทยอยากเลือกตั้งจริงหรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า คงไม่คิดแทน เพราะยังไม่มีข้อมูลที่จะมาคิดหรือพิจารณาได้ชัดเจนขนาดนั้น แต่แน่นอนประชาชนคงเป็นห่วงว่าจะมีความพยายามเอาเรื่องชายแดน เรื่องความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ไปเป็นผลบวกในเรื่องคะแนนนิยมของพรรคการเมือง ไม่ว่าพรรคไหนก็แล้วแต่ ขอย้ำว่าเรื่องนี้ต้องตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ ต้องไม่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวของพรรคการเมือง“ท็อป” นำทีมกราบลา “พ่อบรรหาร”ที่ จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นำอดีต สส.สุพรรณบุรี พรรค ชทพ. ได้แก่ นายสรชัด สุจิตต์ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นายนพดล มาตรศรี นายเสมอกัน เที่ยงธรรม และนายประภัตร โพธสุธน นำพวงดอกไม้ไหว้อนุสาวรีย์นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายก รัฐมนตรี เอาฤกษ์เอาชัยก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ในวันที่ 15 ธ.ค. เวลา 12.00 น. ทั้งนี้นายประภัตรนำกล่าวต่อหน้ารูปปั้นนายบรรหารว่า วันนี้ลูกหลานมาขอขมา มาขอกล่าวเพื่อหยุดพรรคชทพ.ชั่วคราว เพื่อไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ด้วยความตั้งใจจะมาช่วยพี่น้องสุพรรณบุรี เราพูดมาตลอดว่าเมื่อเป็นผู้แทนแล้วต้องขอให้อยู่ในพรรครัฐบาล ลูกหลานจึงมาขอลาไปชั่วคราว แล้วจะกลับมาพัฒนาเมืองสุพรรณบุรี กลับมาพัฒนาพรรค ชทพ.ของเรายอมรับข้อจำกัดพรรคเล็กบ่มิไก๊นายวราวุธกล่าวว่า การทำงานของพวกเราในฐานะพรรคเล็ก นับวันจะเรียกคะแนนนิยมด้วยความลำบาก ตลอด 9 ปีกว่าที่ผ่านมาและการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ด้วยจำนวน สส. 10 คน พื้นที่การทำงาน จำนวนรัฐมนตรีที่อยู่ในการดูแลของเรา ทำให้มีข้อจำกัดอย่างยิ่งในการทำงาน วันนี้ทุกคนจึงตัดสินใจเดินทางไปฝึกฝีมือในยุทธจักรสร้างความเข้มแข็ง เพื่อมาทำงานให้คนสุพรรณบุรีและคนไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบ้านของเราคือ จ.สุพรรณบุรี นี่คือปณิธานที่พวกเราเดินตามรอยเท้านายบรรหาร วันนี้มาขออนุญาตเดินอีกเส้นทางหนึ่ง ภายใต้การนำของพรรค ภท. เพราะหัวใจสำคัญของพวกเราคือ การพัฒนาสุพรรณบุรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาตั้งแต่นายบรรหารจากไปเราได้ สส.มา 10 คน เราไม่ได้ทิ้งคนสุพรรณบุรีไปไหน“ขิง” ยกก๊วน รทสช.แห่สมัคร ภท.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 15 ธ.ค.เวลา 11.00 น. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต รมว.อุตสาหกรรม เตรียมนำอดีต สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้แก่ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจ อดีต สส.ราชบุรี นายจุติ ไกรฤกษ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ นายพงษ์มนู ทองหนัก อดีต สส.พิษณุโลก และอดีต สส.ชุมพร กลุ่มของนายจุมพล จุลใส ได้แก่ นายวิชัย สุดสวาส นายสุพล จุลใส และนายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ รองนายก อบจ.ชุมพร ขณะที่กลุ่มสุราษฎร์ธานี มี น.ส.กานสินี โอภาสรังสรรค์ และนายธานินทร์ นวลวัฒน์ อดีต สส.สุราษฎร์ธานี กลุ่มแพร่ นำโดยนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต สส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ชนกนันท์ ศุภศิริ และนายชนาธิป ศุภศิริ กลุ่ม กทม. มีนายอนุชา บูรพชัยศรี อดีต สส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันท์ อดีต สส.กทม. น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ อดีต สส.สมุทรปราการ นายพงษ์พล ยอดเมืองเจริญ อดีตเลขานุการ รมว.อุตสาหกรรม สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย“เฮ้ง” นำกลุ่ม 16 สมัครสวมเสื้อ ภท.ส่วนกลุ่ม 16 สส. นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ เตรียมนำอดีต สส.พรรค รทสช.ในกลุ่มสมัครเป็นสมาชิกพรรค ภท.เช่นกัน ในวันที่ 15 ธ.ค. ได้แก่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม นายเกรียงยศ สุดลาภา อดีต สส.บัญชีรายชื่อ นายศาสตรา ศรีปาน อดีตสส.สงขลา นายวัชระ ยาวอหะซัน อดีต สส.นราธิวาส นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง อดีต สส.ชลบุรี นายพิพิธ รัตนรักษ์ และนายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน อดีต สส.สุราษฎร์ธานี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล อดีต สส.เพชรบุรี น.ส.กุลวลี นพอมรบดี อดีต สส.ราชบุรี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล อดีต สส.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สุรพล บุญมา อดีต สส.นครนายก ขณะที่ 3 อดีต สส.ในกลุ่ม นายสันต์ แซ่ตั้ง อดีต สส.ชุมพร นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และนายปรเมษฐ์ จินา อดีต สส.สุราษฎร์ธานี จะไปเข้าพรรคกล้าธรรม เพราะติดปัญหาเขตพื้นที่ทับซ้อนกันพท.มั่นใจเปิดนโยบายออกมาปังด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดตัวแคนดิเดตนายก รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 16 ธ.ค.ว่า กำลังดูรูปแบบอยู่ อาจไม่ได้ประกาศไปถึงลำดับของแต่ละคนขนาดนั้น แคนดิเดตนายกฯทุกคนมีความสำคัญ วันที่ 15 ธ.ค.จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง เมื่อถามว่านโยบายที่จะเปิดจะเป็นด้านใดบ้าง นายประเสริฐตอบว่าเป็นกรอบภาพรวม ต้องรอประชุมกรรมการบริหารพรรคพูดคุยในเรื่องนี้ด้วย มั่นใจว่าหากเปิดออกมาจะได้รับเสียงตอบรับจากประชาชน ส่วนความพร้อมการส่งผู้สมัครทั้ง 400 เขต รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ภายในสัปดาห์หน้าน่าจะจบทั้ง 400 เขตไม่ยอมให้ รธน.ใหม่ถูกฝังทั้งเป็นนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่า การชิงยุบสภาทำพรรคภูมิใจไทยได้ประโยชน์ทางการเมืองหลายด้านจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา แต่เป้าหมายสำคัญที่เคยอ้างเป็นเหตุผลสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ โดยเฉพาะการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไม่เกิดผลเป็นรูปธรรมจนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ตกไป ดังนั้นก้าวต่อไปที่จำเป็นคือเร่งรณรงค์ให้ประชามติคำถามที่ 1 ผ่านความเห็นชอบประชาชน ให้มติมหาชนเป็นต้นทุนเป็นแรงกดดันผลักดันการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้ประชาชนเป็นเจ้าของกระบวนการ ไม่ใช่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของ สว. กระบวนการหลังจากนี้จะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และไม่ใช่ความผิดพลาดที่ค่อยมาขอโทษกันทีหลังได้ ต้องไม่ปล่อยให้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกฝังทั้งเป็นจนตายสนิทไปตลอดกาล เพราะนี่คือยุทธศาสตร์ของรัฐธรรมนูญที่จะชี้เป็นชี้ตายว่าไปต่อได้หรือถูกทำให้ล้มไปเลยลุยประชามติแก้ รธน.วาระชาตินายจาตุรนต์กล่าวว่า ต้องร่วมมือกันต่อเนื่องเพื่อให้การจัดทำประชามติในคำถามที่ว่าประชาชนจะเห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ผ่านความเห็นชอบของประชาชนให้ได้ สิ่งนี้จำเป็นมาก เพราะต้องยอมรับความจริงร่วมกันก่อนว่าต่อให้เราผ่านประชามติคำถามที่ 1 ไปได้ ก็ยังไม่ใช่เส้นชัย แต่เป็นเพียงการเปิดประตูเท่านั้น ยังต้องกลับมาเดินเกมใหญ่คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ใหม่อีกครั้ง และในขั้นนั้น สว.134 คนขึ้นไปก็ยังขวางได้อยู่เหมือนเดิม แต่การผ่านประชามติจะมีความหมายมาก เพราะมติมหาชนนี้จะกลายเป็นต้นทุนทางการเมือง เป็นแรงผลักดันให้กระบวนการเดินหน้าต่อไปได้ เป็นวาระของประเทศที่ใครก็ล้มไม่ได้ง่ายๆทสท.ดึงมือดีทีมวิศวกรไอทีร่วมทัพที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) มีการเปิดตัวนายกฤษฎา เฉลิมสุข อดีตนายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของพรรค ทสท. พร้อมทีมวิศวกรด้านไอทีและเจ้าของธุรกิจสตาร์ตอัพ ร่วมเสริมทัพเป็นทีมคนรุ่นใหม่ด้านเทคโนโลยี นำเทคโน โลยีสมัยใหม่มาพัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ ประหยัดงบประมาณ และช่วยป้องกันการทุจริตในโครงการของรัฐ นายกฤษฎากล่าวว่า เหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคใต้สะท้อนชัดว่าประเทศไทยยังขาดระบบข้อมูลที่แม่นยำและทันเวลาในการช่วยชีวิตประชาชน พรรคจึงเสนอแนวคิดระบบจัดการภัยพิบัติสมัยใหม่ที่ใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางการตัดสินใจ รายงานจากประชาชนแบบเรียลไทม์ เพื่อประเมินพื้นที่เสี่ยงและจัดลำดับการช่วยเหลืออย่างแม่นยำ นี่คือการเมืองที่ใช้ข้อมูลช่วยชีวิตคน และเป็นเป้าหมายของพรรคในการสร้างประเทศที่ปลอดภัย และทันสมัยอย่างแท้จริงเจรจาการค้าสหรัฐฯเดินหน้าต่อขณะที่นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานา ธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้รับสัญญาณที่ชัดเจนจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ถึงความพร้อมเดินหน้าเจรจาการค้ากับไทยต่อไป สะท้อนให้เห็นว่าข้อเสนอของไทยมิได้ล้มเหลว และยังได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังจากสหรัฐฯ แม้สถานการณ์การหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชาจะยังไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลไทยจำเป็นต้องดำเนินนโยบายและตัดสินใจโดยยึดผลประโยชน์ชาติ ความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศเป็นหลัก การหารือระหว่างนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เน้นย้ำเร่งเดินหน้าเจรจาการค้า พร้อมเสนอให้ฝ่ายสหรัฐฯพิจารณาแยกประเด็นด้านความมั่นคงออกจากการค้า เพื่อไม่ให้การเจรจาล่าช้าและกระทบต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายบี้ฟันลักลอบส่งยุทธปัจจัยให้เขมรนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ยังมีการลักลอบส่งน้ำมันจากไทยไปกัมพูชาว่า เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเข้ามารับผิดชอบวางระบบตรวจสอบ และสั่งห้ามการส่งออกทรัพยากรที่เป็นยุทธปัจจัย ช่วงที่เป็น รมว.พลังงาน ก่อนเปลี่ยนรัฐบาล เคยเสนอ ครม. ให้ยุติการส่งน้ำมันและไฟฟ้าไปเขมรแล้ว ปัจจุบันยังไม่เห็นมติเรื่องนี้ว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหรือไม่ เท่าที่ตรวจสอบในขณะนี้ ยังไม่พบการส่งตรงไปทางเขมร แต่มีคนตั้งข้อสังเกตว่ามีการส่งอ้อมผ่านไปทางสิงคโปร์ กำลังหาช่องทางตรวจสอบทางศุลกากรและช่องทางอื่น ขอเรียกร้องรัฐบาลให้รับผิดชอบและแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ใช้มาตรการทางกฎหมายที่เด็ดขาด ต้องหาช่องทางทางกฎหมายลงโทษอย่างหนักยังไม่พบคนเหมาะสมเป็นนายกฯวันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศรวม 2,500 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 4/2568” ระหว่างวันที่ 4-12 ธ.ค. พบว่าส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 40.60 ยังหาบุคคลที่เหมาะสมที่จะสนับสนุนให้เป็นนายก รัฐมนตรีในวันนี้ไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 17.20 เป็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ อันดับ 3 ร้อยละ 12.32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล อันดับ 4 ร้อยละ 10.76 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อันดับ 5 ร้อยละ 6.28 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่าอันดับ 1 ร้อยละ 32.36 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 25.28 พรรคประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 11.80 พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 4 ร้อยละ 11.04 พรรคเพื่อไทย อันดับ 5 ร้อยละ 9.92 พรรคภูมิใจไทยพรรคการเมืองมุ่งประโยชน์ส่วนตัวด้านสวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,194 คน เรื่อง “การเมืองไทยในปี 2568” ระหว่างวันที่ 9-12 ธ.ค. พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 55.53 มองภาพรวมการเมืองไทยตลอดปี 2568 แย่ลง นอกจากนี้ร้อยละ 67.59 มองว่าเรื่องที่ทำให้รู้สึกกังวลใจต่อสถานการณ์บ้านเมือง คือการจัดการภัยพิบัติที่ไม่เป็นระบบ เช่น น้ำท่วมและแผ่นดินไหว เมื่อพิจารณาความเห็นต่อพรรคการเมืองไทย ร้อยละ 59.05 มองว่าพรรคการเมืองยังเน้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประชาชน เมื่อถามถึงการทำงานของพรรคฝ่ายรัฐบาลตลอดปี 2568 สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน ร้อยละ 56.28 ระบุว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพได้จริง ส่วนของพรรคฝ่ายค้าน ร้อยละ 64.07 คือการตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่