36 ตำแหน่งของมหาดไทย ที่มีการโยกย้ายสับเปลี่ยนเก้าอี้กันตามมติ ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมามีหลายหลากประเด็นที่เป็นเรื่องน่าสนใจสมควรบันทึกไว้ อย่างเช่น 2 อธิบดีใหม่ เพื่อทดแทนคนเกษียณอายุ คือ บุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงนักวิชาการเจ้าของผลงานการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ที่ยโสธรตอนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่นั่นได้เวลาลงไปทำงานบริหารในตำแหน่ง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานหนักที่ท้าทายในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินผู้คนทั้งประเทศส่วน พรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงอีกคนที่เคยเป็นลูกหม้อในกรม ปภ.มาก่อน แต่ด้วยคุณสมบัติการเป็น วิศวกร ที่จบจากวิศวะจุฬาฯทำให้เหมาะสมกว่าสำหรับตำแหน่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ขอให้ทุกคนติดตามการทำงานต่อไปของ 2 อธิบดี รับประกันได้ว่าไม่ผิดหวังรองปลัดกระทรวง มีอยู่ 4 ตำแหน่งเกษียณไป 1 คือ ปวิณ ชำนิประศาสน์ ลงมาเป็นอธิบดี 2 คือ รองบุญธรรม กับ รองพรพจน์ เข้ามาใหม่ 3 คือ ผู้ว่าฯชยาวุธ ผู้ว่าฯ นิรัตน์ และ ผู้ว่าฯ อรรษิษฐ์ สมทบกับรองปลัดที่ยังอยู่เดิมคือ สมคิด จันทมฤก ครบ 4 อัตรา ถ้าพิจารณาตามนี้ รองชยาวุธ ก้าวสู่ตำแหน่งบริหารระดับสูงก่อนคนอื่นตั้งแต่ ปี 2557 เป็น ผวจ.มหาสารคาม ย่อมได้ลำดับอาวุโสเป็นรองปลัดลำดับที่ 1 ที่เหลืออีก 3 ขึ้นตำแหน่งบริหารระดับสูงพร้อมกันในปี 2560 คือ รองสมคิด กับ รองนิรัตน์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง และ รองอรรษิษฐ์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน แต่ในเมื่อ รองสมคิด เป็นรองปลัดก่อนแถมยังขึ้นอาวุโสในฐานะรอง ผวจ. หรือเทียบเท่าก่อนในปี 2556 ในตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวงทำให้น่าจะได้เป็นรองปลัดลำดับที่ 2 ส่วนรองปลัดลำดับที่ 3-4 สูสีคู่คี่กันมาตลอด จนต้องย้อนไปดูการขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารระดับต้นปรากฏว่า รองอรรษิษฐ์ เป็นรอง ผวจ.ก่อนเมื่อปี 2557 ที่สิงห์บุรี ส่วน รองนิรัตน์ เป็นรอง ผวจ.นนทบุรี เมื่อปี 2558 แต่ถ้าดูตามคำสั่งล่าสุดชื่อ รองนิรัตน์ ขึ้นก่อนสำหรับตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มีการย้ายคราวนี้การย้ายสลับกันระหว่าง สุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผวจ.ระยอง กับ ชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.นครปฐม ไม่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ทหารอียิปต์ แพร่เชื้อโควิดที่ระยองอย่างแน่นอน กรุณาอย่ามโนไปเอง ส่วนการขยับตำแหน่งที่น่าจับตาก็มี วันชัย คงเกษม จากร้อยเอ็ดมาเป็นผู้ว่าฯสมุทรปราการ ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม จากเลย มาเป็นผู้ว่าฯปทุมธานี และที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ ณัฐภัทร สุวรรณประทีป ได้ลุกจากเก้าอี้ผู้ตรวจราชการกระทรวงไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นการออกไปเป็น ผวจ.อีกครั้งหลังจากเจอขวากหนามเมื่อคราวก่อนที่ไปเป็นผู้ว่าฯกาฬสินธุ์เมื่อปี 2559 ได้ไม่ทันครบปีมีข้อกล่าวหาทำให้ถูกคำสั่ง คสช.เข้ามาเป็นผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแต่ก็ได้ใช้ความอดทนแก้ข้อกล่าวหาจนพ้นมลทินได้กลับมาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเมื่อปีที่แล้วและคราวนี้ได้โอกาสไปเป็นเจ้าเมืองอีกครั้งที่สุพรรณบุรีหวังว่าประสบการณ์อันมีค่าในช่วงเวลาที่ผ่านมากับ 4 ปีที่ยังเหลือในราชการคงได้สร้างผลงานฝากชื่อเสียงไว้ในชีวิตสำหรับ ทรงพล ใจกริ่ม เมื่อปีที่แล้วเป็นรองผู้ว่าฯที่มีอาวุโสสูงสุดแต่ได้ขึ้นแค่ผู้ตรวจราชการกระทรวงมาปีนี้ได้เป็นผู้ว่าฯกาฬสินธุ์เพื่อแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับ ราชิต สุดพุ่ม ที่รับราชการวนเวียนอยู่ทางภาคใต้โดยเฉพาะที่นครศรีธรรมราชเป็นนายอำเภอหลายอำเภอจนเป็นปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราชแล้วขึ้นรองผู้ว่าฯที่ยะลาและสงขลาแห่งละ 2 ปี ก่อนเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงเมื่อปีที่แล้ว คราวนี้ได้ทำงานเต็มศักยภาพที่ล้นเหลือในฐานะ เจ้าเมืองปัตตานี สำหรับรายอื่นๆที่ยังมิได้กล่าวขวัญถึงขอให้ทราบถึงมุทิตาจิตที่มีต่อกันและความยินดีที่มีโอกาสในการไปทำงานรับใช้ประชาชน“ซี.12”