ในขณะที่บิ๊กตู่กำลังสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าจะขับเคลื่อนประเทศไทยหลังโควิด-19 อย่างไรบ้างกับพวกเรา ผู้บริหารและคอลัมนิสต์ไทยรัฐ เมื่อสายๆ ของวันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคมอยู่นั้นเองน้องๆ ฝ่ายข่าวการเมืองที่เข้าร่วมหารือด้วยก็ได้รับ “เมสเสจ” จากผู้สื่อข่าวในภาคสนามว่า “4 กุมาร” กำลังตั้งโต๊ะเตรียมแถลงข่าวลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ที่โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวจึงหยิบมาเป็นประเด็นในการสนทนา โดยเอ่ยถึงเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นและถามท่านว่า จะจัดการอย่างไร? ซึ่งท่านก็ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า“ลาออกก็มีคนทำ ผมก็เป็นหัวหน้าเหมือนเดิม จริงๆแล้ว ผมเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่ใช่เหรอ ข้อมูลผมก็ฟังจากที่ปรึกษา จากธนาคาร จากหอการค้า ผู้ประกอบการ ฟังข้อมูลทั้งหมดแล้วมาคัดกรอง”“ต้องมองความเป็นหนึ่งของรัฐบาลทั้งคณะ ทั้ง ครม. สมมติถ้ากระทรวงนี้ไม่มีคนใช่ไหม? คุณลาออกใช่ไหม? ใครจะมาเป็นรัฐมนตรีแทน ไม่ใช่ไม่มีนะ นายกฯกำกับอีกที หรือให้รองนายกฯมาดูก็ได้ในการบริหาร”“ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ใช้ปลัดกระทรวงเพื่อให้การทำงานเดินได้ ทุกกระทรวงต้องส่งมาเข้า ครม.อยู่แล้ว และรัฐบาลต้องรับผิดชอบ” แสดงถึงความมั่นใจและพร้อมจะเดินหน้าต่อไปแม้จะไม่มี “4 กุมาร”ท่านมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาของพรรคการเมืองที่มาสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งก็จะต้องแก้ปัญหากันไป แต่ท่านในฐานะผู้ชี้ขาดว่าใครสมควรจะเป็นรัฐมนตรีก็จะดูว่าใครเหมาะหรือไม่เหมาะอย่างไร?รวมทั้งกระทรวงเศรษฐกิจที่มีความสำคัญยิ่งยวด สำหรับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ผมได้แสดงความเห็นมาตลอดว่า ถ้าไม่เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจเลยก็จะเป็นเรื่องที่ดีแก่ประเทศชาติ เพราะจะเป็นผลทางจิตวิทยาว่า รัฐบาลมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมจะนำทุกภาคส่วนในประเทศไทยของเราสู้กับปัญหาเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ที่จะหนักหน่วงที่สุดจะดีจะร้ายอย่างไร ทีมเศรษฐกิจชุดนี้ร่วมกับภาคราชการ และธนาคารแห่งประเทศไทยได้เตรียมตัวต่อสู้มาในระดับหนึ่ง มีการเตรียมเงินกู้ เตรียมสภาพคล่องจาก พ.ร.ก.ต่างๆ ดังที่ทราบกันแล้วเมื่อจะต้องโบกมือลาไปก่อนก็น่าเสียดาย แต่อะไรจะเกิดก็คงต้องให้เกิด และก็ถูกต้องแล้วที่บิ๊กตู่จะตอบคำถามดังที่ท่านตอบแก่พวกเราชาวคณะไทยรัฐ ที่มีโอกาสเรียนถามท่านเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วนั่นก็คือ ท่านเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจตัวจริงและยังอยู่ต่อไป พร้อมจะทำหน้าที่ต่อไป และตีความตามคำตอบของท่านได้ว่า จะตั้งคนดีมีฝีมือทางด้านเศรษฐกิจมาทำหน้าที่ต่อไปแม้นไม่มีใคร ก็ยังมีปลัดกระทรวงที่จะทำงานได้ ว่างั้นเถอะผมลองประเมินความสามารถของท่านในทางเศรษฐกิจ จากคำถามคำตอบเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ซึ่งแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ชั่วโมงครึ่ง และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินได้ฟัง และได้มีโอกาสถามท่านตรงๆอย่างซึ่งหน้าไม่ใช่จากจอทีวีที่ผมเห็นท่านอ่านจากกระดาษ และมักอ่านอย่างตะกุกตะกัก หรือแม้เวลาพูดในสภาฯก็มักอ่านมากกว่าพูดสด หรือเวลาพูดสดท่านก็มักมีอารมณ์ เพราะถูกแหย่แยงจนทำให้พูดสับสนครั้นมาฟังท่านพูดเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ เกี่ยวกับปัญหาอันใหญ่หลวงของชาติที่เกิดขึ้น และท่านกับทีมกำลังแก้อยู่...โดยพูดอย่างช้าๆ อย่างอารมณ์ดี และไม่มีบท ไม่มีสคริปต์ใดๆทั้งสิ้นผมให้คะแนนท่าน 7 ใน 10 ครับ เป็นคะแนนที่ค่อนข้างดีพอสมควร ที่ทำให้ผมเชื่อว่าท่านจะสามารถ “ลีด” หรือเป็นผู้นำประเทศไทย ฝ่าสงครามเศรษฐกิจครั้งนี้ไปได้หากได้ขุนพลทางเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์ และสังคมไทยให้การยอมรับมาช่วยอีกสัก 2-3 คน (และนักการเมืองที่วุ่นวายขายปลาช่อนไม่รู้จบ ขณะนี้เลิกวุ่นกันได้เสียที)ท่านเลขาธิการสภาพัฒน์ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ จะเกษียณกันยายนนี้ พอช่วยได้ไหม? ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ไม่ยอมเป็นต่อ ทั้งๆ ที่ยังหนุ่มแน่นและมีฝีมืออย่างมาก ไม่คิดจะช่วยประเทศชาติบ้างหรือ? คุณบัณฑูร ลํ่าซำ, คุณประสาร ไตรรัตน์วรกุล คุณปรีดี ดาวฉาย และ ฯลฯ ช่วยหน่อยเถอะครับใจคอจะปล่อยประเทศไทยของเราจมลงไปต่อหน้าต่อตาหรือครับ น้องๆที่ผมเชื่อมือและเอ่ยชื่อมาทั้งหมดนี้.“ซูม”