มีคนถามว่ากองทัพแดงที่มีแต่กรรมกรและชาวนา ทำไมถึงมีความรู้ความสามารถทางทหารจนรบชนะในสงครามได้ ผมขอเริ่มเล่าอย่างนี้ครับ พอยึดอำนาจในการปฏิวัติเดือนตุลาคม ค.ศ.1917 เลนินก็ออกกฤษฎีกายุบกองทัพจักรวรรดิรัสเซีย เพื่อสลายองค์กรทหารที่มีลักษณะเป็นจักรวรรดินิยม คราวนั้น เลนินสั่งปลดทหารไปทั้งหมด 8 ล้านคนเลนินตั้งกองทัพแดงของกรรมกรและชาวนาที่มีส่วนประกอบ 2 พวก พวกแรกเป็นทหารอาชีพเดิมที่มีจิตสำนึกทางชนชั้น พวกที่สองเป็นอาสาสมัครของชนชั้นกรรมกรและชาวนา จุดประสงค์หลักของกองทัพแดงก็คือ “ปกป้องชัยชนะ” ของการปฏิวัติเดือนตุลาคมเพราะตอนนั้น กองทัพขาวที่นิยมกษัตริย์ยังพร้อมที่จะกลับมาโจมตีเอาอำนาจคืนที่ใช้ Red Army “กองทัพแดง” เพราะ “แดง” เป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวต่อสู้ของขบวนการแรงงาน คนยากคนจน และคนชั้นล่าง คนเหล่านี้สละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อโค่นระบบทุนนิยมด้วยความเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันกองทัพแดงในยุคแรกมีอาสาสมัคร 3 หมื่นคน กลางเดือนกุมภาพันธ์ 1918 เยอรมนีประกาศสงครามกับโซเวียต พอถึง 23 กุมภาพันธ์ รัฐบาลโซเวียตจึงได้เอากองทัพแดงเข้าสู้ (23 กุมภาพันธ์จึงเป็นวันกองทัพแดงหรือวันกองทัพโซเวียต) แต่สู้ไม่ไหว อาวุธ น้อยกว่า คนก็น้อยกว่าแถมส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวนา เพียงรบกันวันแรกๆเยอรมนีก็ยึดดินแดนโซเวียตไปเยอะโซเวียตขอความช่วยเหลือจากอังกฤษและฝรั่งเศส แต่เงียบ ประเทศน้องใหม่กำลังน้อยอย่างโซเวียตจึงถูกเยอรมนียื่นคำขาดให้เจรจาภายใน 48 ชั่วโมง หลังเจรจาแล้ว โซเวียตจะต้องลงนามในสัญญาสันติภาพภายในเวลา 72 ชั่วโมง และต้องถอนตัวออกจากสงครามโลกครั้งที่ 1ช่วงนั้นกองทัพแดงอ่อนแอมาก กองทัพขาวหรือรัสเซียขาวของฝ่ายกษัตริย์ที่อยู่ตามหัวเมืองรบชนะกองทัพแดงหลายแห่ง พวกชาวไร่ชาวนาที่เป็นอาสาสมัครในกองทัพแดงส่วนใหญ่มารบเพื่อจะเอาเงินมากกว่าอุทิศตนเพื่อโซเวียตปล่อยไว้อย่างนี้มีหวังแย่ ตรอตสกีจึงลาออกจากรัฐมนตรีต่างประเทศ เพื่อมาเป็นรัฐมนตรีสงครามและนาวี + ประธานสภาทหารปฏิวัติแห่งสาธารณรัฐ ตั้งเป้าที่จะสร้างกองทัพแดงให้เข้มแข็งโดยไม่ให้ความสำคัญกับการสร้างอุดมการณ์ผู้ชายอายุ 18-40 ปี ที่จะมาเป็นทหารต้องมาฝึกอบรมเข้มนาน 8 สัปดาห์เสียก่อน ผ่านการฝึก 2 เดือนแล้ว ตรอตสกีจึงค่อยปรับให้เป็นกองทัพปฏิวัติที่ติดอาวุธทางความคิดด้วยอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ ให้เก่งการรบและวินัยเสียก่อน จึงค่อยใส่อุดมการณ์เลนินให้ทหารยุคพระเจ้าซาร์กลับมาเป็นทหารอีกได้ แต่ต้องมีสถานะเป็นแค่ “ผู้เชี่ยวชาญทางทหาร” ผู้ฝึกทหารเกณฑ์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรรมกรและชาวนาเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญทางทหาร 1 คนจะถูกควบคุมโดยทหารคอมมิซซาร์ 2 คน สมัยเพิ่งปฏิวัติสำเร็จใหม่ๆยังไว้ใจใครไม่ได้ การออกคำสั่งทุกระดับต้องมีการลงนามร่วมกันระหว่างทหารคอมมิซซาร์กับกรรมาธิการจากสภาทหารปฏิวัติแห่งสาธารณรัฐอีก 3 คน ใหญ่สุดในแต่ละหน่วยคือทหารคอมมิซซาร์ทหารยุคพระเจ้าซาร์ที่มาอยู่ในกองทัพโซเวียตจะต้องมีลูกเมียและญาติสนิทเป็นตัวประกัน หากทรยศหรือทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกองทัพแดง ตัวประกันจะโดนโทษหนัก ส่วนการปกครองในกองทัพแดงเน้นความเสมอภาค เครื่องแบบทหารทุกระดับชั้นเหมือนกัน การควบคุมกองทัพแดงใช้ระบบความสัมพันธ์ทางอำนาจจากระดับล่างไปสู่ระดับสูงทหารกองทัพแดงต้องมีต้นแบบซึ่งคือสปาร์ตาคัส (นักต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่นำทาสมาทำกบฏต่อสาธารณรัฐโรมันเมื่อ 73-71 ปีก่อนคริสต์ศักราช) วีรชนแห่งคอมมูนปารีส และชอง ปอล มารา นักการเมืองหัวรุนแรงชาวฝรั่งเศสตรอตสกีประสบความสำเร็จในการปรับปรุงกองทัพแดง พอถึงฤดูร้อน ค.ศ.1918 ทหารแดงเพิ่มจำนวนมากถึง 4.5 แสนคน ปลาย ค.ศ.1919 เพิ่มถึง 3 ล้านคน และ ค.ศ.1920 มีมากถึง 4.5 ล้านคน ร้อยละ 70 ของทหารแดงมาจากชนชั้นชาวนา ร้อยละ 25 มาจากชนชั้นแรงงาน อีกร้อยละ 5 มาจากชนชั้นปัญญาชนและอภิสิทธิ์ชนในสังคมเก่าเรื่องของกองทัพแดงนี่มีอีกเยอะครับ วันหน้ามาเล่าต่อ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com