คัมแบ็กมาหาที่ยืนทางการเมืองจากคิวที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีชื่อร่วมอยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาทตีคู่ไปกับการประกาศส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้นำท้องถิ่น 4,000 แห่ง ตั้งแต่ระดับ อบต.ยัน อบจ. จากจำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7,800 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้โลโก้ “คณะก้าวหน้า”จ่อลงสนามท้องถิ่นเต็มสูบ เล็งยึด 4,000 อปท. อดีตค่ายสีส้มกำลังฮึกเหิม ตามผลสำรวจความเห็นประชาชนของ “ซูเปอร์โพล” ล่าสุดที่ระบุ พรรคก้าวไกลมีคะแนนนำโด่ง ถ้ามีการเลือกตั้งในวันนี้ยี่ห้อ “ก้าวไกล” เริ่มติดตลาด ฝันหวานยึดทั้งสภาใหญ่และสภาท้องถิ่นแต่นั่นแค่จินตนาการ ไม่ใช่สภาพความจริง เพราะคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทีม “ธนาธร” จะฝ่าขวากหนามคืนชีพกลับมาแจ้งเกิดอีกได้ง่ายๆเอาแค่อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เข้ามาเป็น กมธ.งบประมาณปี 2564 ก็โดนเจาะยางทันที ถูก พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. บลัฟ นำคนมีมลทินการเมืองมาใช้งาน สวนทางคอนเซปต์พรรคคนรุ่นใหม่จ้องส่งตีความ คนถูกตัดสิทธิการเมืองเป็น กมธ.วิสามัญงบฯรายจ่ายปี 2564 ได้หรือไม่ หรือการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่นยังถูกมองก้าวก่ายแทรกแซงยุ่งเกี่ยวการเมืองพวกหมั่นไส้รอจองกฐินอยู่เป็นขบวน ต้องลุ้นชะตากรรมจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายพอๆกับศึกแย่งอำนาจในก๊วนพลังประชารัฐ ที่ยังสาดโคลนใส่กันมันหยดทีมอำนาจเก่าฮึดสู้ สันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ระบายอารมณ์ตอกกลับรุนแรง “คนเนรคุณ–จิตใจต่ำทราม” ถล่มยับคนแปรพักตร์หักหลังเพื่อน เพื่อให้ตัวเองได้ดิบได้ดีมหาศึกชิงอำนาจห้ำหั่นกันไม่มีใครยอมใคร คนเก่ายังไม่อยากออก แต่คนใหม่อยากเข้าใจจะขาดเช่นเดียวกับท่าทีคนกลาง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังลอยตัว ทอดเวลาเปลี่ยนโฉม ครม.ไปเรื่อยๆผู้นำไม่แคร์ใบสั่งฝ่ายกุมขุมกำลังหลักในพรรคที่อยากให้ล้างไพ่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล เป็นใจให้ก๊วน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ต่อวีซ่า อย่างน้อยลากไปได้อีก 2 เดือน ให้เสร็จการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯรายจ่ายปี 2564 ในวาระ 2-3ทีม 4 กุมารได้พิสูจน์ฝีมืออีกเฮือกใหญ่ ต้องเร่งเครื่องพลิกวิกฤติเป็นโอกาสเซฟเก้าอี้รัฐมนตรีอย่างที่เห็นการเรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรก ในวันที่ 10 ก.ค.2563 หลังปลดล็อกดาวน์โควิด เพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจไทย และหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19“ลุงตู่” กลับมานั่งหัวโต๊ะบัญชาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม ในฐานะกัปตันทีมเศรษฐกิจ ใช้อำนาจสั่งการกระทรวงคมนาคม พาณิชย์ เกษตรและสหกรณ์ การท่องเที่ยวและกีฬา จูนพรรคร่วมรัฐบาลทำงานไปทางเดียวกัน แยกกระทรวงคลังออกไปให้ “สมคิด” รับผิดชอบโดยเฉพาะเร่งกู้ความเป็นเอกภาพการทำงานคืนมา ให้ทุกอย่างกลับเข้ารูปเข้ารอย หยุดเกียร์ว่างในหมู่ข้าราชการ ซ้ำเติมปัญหาให้รุนแรงขึ้น“กรุ๊ปสมคิด” มีโอกาสแก้ตัวโค้งสุดท้าย จะได้ไปต่อหรือหยุดพักในจุดที่ “นายกฯตู่” เอง ต้องคิดหนักถึงการปรับโฉมทัพเศรษฐกิจให้ถี่ถ้วน พลาดไม่ได้ ตามไฟต์บังคับที่มหาวิกฤติเศรษฐกิจเป็นด่านมหาหินรออยู่ข้างหน้าเงื่อนไขสำคัญที่มีความอยู่รอดของประเทศเป็นเดิมพัน “บิ๊กตู่” เองก็ทราบดี จะใช้พวกของปลอมมากู้วิกฤติลอยแพบ้านเมืองไปตามยถากรรม ปรับ ครม.ตามแรงกดดันของแก๊งขาใหญ่ในพรรคไม่ได้ยิ่งผลโพลสำนักต่างๆทั้ง “ซูเปอร์โพล” และ “นิด้าโพล” สะท้อนอารมณ์ชาวบ้านออกมาตรงกันไม่โอเคชื่อ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล ที่มีข่าวพรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวมาทีแรกจะให้คุมทัพเศรษฐกิจเพราะมือไม่ถึง แต่ก็ไม่ชื่นชอบ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ที่ผลงานไม่โดดเด่น เชียร์ให้ปรับออกจากตำแหน่งแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นภาพรวมยังไว้ใจทีมเศรษฐกิจชุดเดิมมากกว่าชุดใหม่ ผลโพลชี้ชัดเจน เรตติ้งรัฐบาลดิ่งลงเรื่อยๆ คนเก่าก็ยี้คนใหม่ก็ไม่อยากได้ขณะที่พวกมืออาชีพของจริงไม่มีใครอยากเข้ามาเปลืองตัว รับเผือกร้อนในสถานการณ์เช่นนี้“บิ๊กตู่” อุดรูรั่วเรือเหล็กที่มีจุดบอดเรื่องปัญหาเศรษฐกิจไม่อยู่ ต้องคอยพะวงบาลานซ์ความขัดแย้ง 2 ขั้วอำนาจระหว่างทีมพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กับ “กรุ๊ปสมคิด” ที่ไปต่อด้วยกันไม่ได้แล้วครั้นจะเสี่ยงวัดดวงยุบสภาผ่าทางตัน ก็กลัวจะยิ่งลงเหว ในยามที่พลังประชารัฐเหลือต้นทุนแค่ “ลุงตู่” อยู่คนเดียว.ทีมข่าวการเมือง