ในภาวะการระบาด “โควิด- 19” ในไทยก้าวเข้าสู่เดือนที่สาม ผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 2 พันคน และเสียชีวิตรายวัน แต่เป็นเรื่องน่ายินดีที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง มียอดผู้รักษาหายกลับบ้านต่อเนื่องสาเหตุอาจเกิดจาก “รัฐบาล” ใช้ “ยาแรง” ตามมาตรการ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกาศ “เคอร์ฟิวทั่วประเทศ” ห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ในการ “สู้” กับ “โควิด-19” หากยังไม่เห็นผลก็อาจยกระดับเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง เพื่อควบคุมหวังลดผู้ติดเชื้อลด การแพร่ระบาดนี้การใช้มาตรการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับสู้โควิด-19 มีตั้งแต่การสั่งปิดสถานที่เสี่ยงแพร่ระบาดเชื้อไวรัส ทั้งสถานบริการทุกประเภท ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ยกเว้นประเภทซุปเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร ร้านยา เป็นต้น เสมือนเป็นการจำกัดการเดินทาง การเคลื่อนย้ายบุคคล หรือรวมตัวของคนในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้ประชาชนอยู่แต่บ้านสนับสนุนให้ทำงานจากบ้าน หรือ Work From Home ตามสโลแกน...มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ทำให้คนไม่ออกจากบ้านกัน และหันมาสั่งซื้ออาหารผ่านออนไลน์แบบ “ดีลิเวอรี” เพิ่มขึ้น แทนการนั่งกินที่ร้าน แต่กลับกลายเกิดเป็นปัญหา “ขยะพลาสติกใส่ภาชนะ” มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งซอง กล่อง ช้อน ส้อม หรือไม้จิ้ม อีกทั้งยังมี “ขยะทางการแพทย์ ขยะติดเชื้อ” เช่น หน้ากากอนามัย ที่เป็น “ขยะอันตราย” ถูกทิ้งเกลื่อนเต็มถนน แม้มีถังขยะก็ไม่แยกทิ้งใส่ถุงปิดมิดชิด กลับมีการทิ้งปะปนกับขยะครัวเรือนในถังขยะทั่วไปทำให้ขยะพวกนี้...เป็นภาระปัญหากับ “พนักงานเก็บขยะ” มีหน้าที่รับผิดชอบเก็บทำลาย ในฐานะพนักงานเก็บขนมูลฝอยของกรุงเทพมหานคร ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เก็บขนมูลฝอย ขยะเปียก และขยะแห้ง ดูแลความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้แก่ประชาชนใน 50 เขต มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สูงตามมา...เรื่องราวชีวิต “คนหลังบ้าน หรือคนเก็บขยะ” ที่ยังทำหน้าที่เก็บขยะ ดูแลความสะอาดให้กับชุมชนให้มีความเป็นระเบียบน่าอยู่อาศัยในยามเกิดโรคระบาดนี้ ย่อมเป็นอีกหนึ่งอาชีพ ที่ต้องทำหน้าที่เสี่ยงกับเชื้อไวรัส “ทีมข่าวสกู๊ปหน้า 1” มีโอกาสได้ติดตามการทำงานของพนักงานเก็บขยะ เขตดินแดงเริ่มออกปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ในช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่นอนพักผ่อน ที่ต่างทุ่มเทเร่งรีบจัดเก็บขยะจากครัวเรือน และขยะติดเชื้อเพิ่มจำนวนมาก ที่ถูกทิ้งรวมกันอย่างเต็มไปหมด ทำให้พนักงานช่วยกันคัดแยกขยะ ที่มีอุปกรณ์ป้องกัน อาทิ หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง เฟซชิลด์ในบางช่วงรถเก็บขยะ ไม่สามารถเข้าภายในซอยแคบได้ ก็ต้องเดินชัก ลาก กลิ้งเข็นถังขยะมายังรถ และนำถังไปวางไว้จุดเดิม กว่าจะเก็บขยะหมดต้องใช้เวลา 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ที่อยู่บนความ “เสี่ยง” ติดเชื้อไวรัสนี้ การออกปฏิบัติหน้าที่ “เก็บขยะ” ตามเส้นทางในเขตหน้าที่ต้องรับผิดชอบนี้ ธนาคม จันทร์ประดิษฐ์ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาด สนง.เขตดินแดง มา 2 ปี เล่าว่า ในช่วงไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดประชาชนไม่กล้าออกบ้าน ทำให้ขยะเพิ่มขึ้นต่อวันจากเดิม 3 ตัน เป็น 5 ตัน โดยเฉพาะขยะติดเชื้อถูกทิ้งรวมขยะทั่วไปแม้ว่ามีโรคระบาด...ก็ต้องออกเก็บขยะในชุมชนไม่ให้มีปัญหาตกค้าง เริ่มตั้งแต่ 04.00-09.00 น. หรือจนกว่าเก็บขยะพื้นที่รับผิดชอบหมด แต่ละวันต้องเจอ “สารพัดเศษขยะ” ทั้งพลาสติก ขวด แก้ว กระดาษชำระ ผ้าอนามัย เศษอาหารเน่าบูด และซากสัตว์ ส่วนกลิ่นไม่ต้องพูดถึง...จนตอนนี้ไม่รู้สึกเหม็นจากความเคยชินไปแล้วเมื่อเป็นเช่นนี้...ต้องระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม จากเคยทำงานเก็บขยะแบบความเคยชิน ด้วยการใช้ถุงมือ หน้ากากปิดปากจมูกบ้าง หรือไม่ใส่บ้าง ที่ไม่ค่อยระวังป้องกันตัว ตอนนี้ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น สวมหน้ากากอนามัย ถุงมือยาง แต่งกายรัดกุม และพกพาแอลกอฮอล์ล้างมืออยู่ตลอดเวลามองว่า...ถ้าไม่ระวังป้องกันตัว อาจกลายเป็น “ตัวกลาง” แพร่เชื้อสู่ “ครอบครัว” หรือ “คนใกล้ชิด” จนสร้างความเดือดร้อนให้บุคคลอื่น ดังนั้นอยากให้ประชาชนเห็นใจผู้ปฏิบัติงานเก็บขยะ ช่วยกันคัดแยกขยะติดเชื้อ ออกจากขยะทั่วไป เพื่อลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ที่ต้องเจอทุกวัน ปัญหานี้ทาง “กรุงเทพมหานคร” ก็ได้จัดหา “ถังขยะสีแดง” ติดป้ายข้อความ “สำหรับทิ้งหน้ากากอนามัยเท่านั้น” ตั้งวางถังให้ประชาชนพับหน้ากากอนามัย ใส่ถุงปิดมัดปากถุงให้แน่นแล้วทิ้งถังนี้เฉพาะ เพื่อนำไปกำจัดด้วยวิธีการเผามูลฝอยติดเชื้อ ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช“ตอนนี้ประชาชนต่างเห็นใจกับเจ้าหน้าที่เก็บขยะ มีการแยกขยะติดเชื้อออกจากขยะทั่วไปมากขึ้น ในบางคนก็มีสิ่งของมอบให้เป็นขวัญกำลังใจ ทั้งอาหารของกิน หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เพราะเห็นพวกเราทำงานกันทุกวัน และทุกคนเต็มใจทำ ที่ต้องการให้บ้านเมืองสะอาดที่สุดเช่นกัน” ธนาคมว่าสอดคล้องกับ ว่าที่ร้อยตรี สันติ ชุ่มชวย อายุ 39 ปี ผู้ควบคุมงานเก็บขนขยะมูลฝอย บอกว่า ขยะครัวเรือนเพิ่มกว่า 40% ต่อวัน เพราะทุกคนไม่อยากออกจากบ้านตามนโยบาย “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เจ้าหน้าที่ต่างต้องทำงานหนัก และมีความเสี่ยงสูงขึ้น เพราะมีขยะติดเชื้อ ที่ไม่ได้แยกถูกทิ้งรวมกับขยะทั่วไป แม้ว่า...ในช่วงนี้จะมีโรคระบาด แต่พนักงานเก็บขยะก็ยังทำหน้าที่ในงานที่รับผิดชอบตามปกติ แต่ก็กำชับให้ยกระดับมาตรการป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวดสูงสุด เพราะหากพลาดมาอาจติดเชื้อขึ้นได้เริ่มตั้งแต่เข้างาน...ทุกคนต้องคัดกรอง ตรวจสอบอุณหภูมิ ใส่หน้ากากปิดปาก จมูก ล้างมือก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ต้องสวมใส่ชุดป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากากอนามัย สวมหมวกพลาสติกคลุมศีรษะ เฟซชิลด์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานในการป้องกันเชื้อโรค และสิ่งปนเปื้อนเชื้อโรคต่างๆสิ่งสำคัญเน้นย้ำพยายามสังเกตขยะเสี่ยงเชื้อโรคเป็นหลัก เช่น หน้ากากอนามัย ทิชชู หรือขยะติดเชื้ออื่นๆ หากพบเห็น...อย่าใช้มือสัมผัสโดยตรง เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19ทว่า...“พื้นที่เสี่ยง”...ตามที่สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. แจ้งว่า “พบผู้ติดเชื้อชุมชน” ในเขตดินแดง มีชุมชนติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 2-3 ชุมชน และชุมชนแฟลต 2 แห่ง ก็จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่เก็บขยะสวมใส่ชุด PPE เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามมาตรฐาน จนกว่าจะได้รับแจ้งให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยตามปกติวงรอบเก็บขยะชุมชนหนึ่งสัปดาห์นั้น ต้องเวียนมาเก็บขยะ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ถ้าเข้าพื้นที่ “เสี่ยงสีแดง” ใช้มาตรการบังคับพนักงานสวมใส่ชุด PPE ทำให้อาจเป็น “อุปสรรค” ในการทำงานที่ไม่คุ้นเคยกับชุด เพราะใส่นานๆ มักร้อนกัน แต่ทุกคนต้องทนใส่ชุดนี้ เพื่อป้องกันตัวเองให้มากที่สุดเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ...ต้องอาบน้ำ สระผม ทำความสะอาดร่างกาย และก่อนเข้าบ้าน ควรล้างมืออีกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อโรคสู่ครอบครัว ซึ่งสำนักสิ่งแวดล้อม นำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัยมาสนับสนุนตลอด เบื้องต้นนี้ก็มีเจ้าหน้าที่เฝ้าใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยงแยกกักตัว 14 วัน จำนวน 2 คนส่วนเส้นทางเข้าเก็บขยะแบ่ง 2 ประเภท คือ รถขยะขนาด 2 ตัน มีพนักงาน 3 คน คนขับ 1 คน และรถขยะ 5 ตัน พนักงาน 4 คน และคนขับ 1 คน ซึ่งแต่ละคนมีความชำนาญในเส้นรับผิดชอบดีมาก ที่ไม่สามารถสลับโยกย้ายเส้นทางกันได้ หากสลับมักเกิดปัญหาทันที เช่น ถังขยะสลับบ้าน หรือไม่ชำนาญเส้นทาง“ฝากขอความร่วมมือประชาชนทิ้งหน้ากากอนามัย หรือขยะติดเชื้อ ควรแยกใส่ถุงเฉพาะออกจากถุงขยะทั่วไป และปิดปากถุงให้มิดชิดแน่นหนา หากเป็นไปได้ทำสัญลักษณ์ถุงขยะติดเชื้อด้วย ในการผูกเชือก หรือเขียนข้อความ...เพื่อให้พนักงานรับทราบ ที่ง่ายต่อการเก็บ และเพื่อความปลอดภัยของพนักงานด้วย” สันติว่า อีกทั้งยังง่ายต่อการแยกขยะติดเชื้อไว้ใน “ถังสีแดง” เฉพาะ เพื่อเข้าไปสู่การ “ทำลาย” อย่างถูกวิธีที่ “ขยะติดเชื้อ” ต้องนำไปทำลายด้วยความร้อนสูงเท่านั้น...“ชีวิตคนหลังบ้าน”...แม้รู้ตัวว่า “เสี่ยงโรคร้าย” ก็ยังมุ่งรักษาความสะอาดให้ชุมชน ที่มีเพียงคำขอวิงวอนเล็กๆ ให้ทุกคน “แยกทิ้ง” อย่างชัดเจน เพื่อ “ป้องกัน” คนเก็บที่สุ่มเสี่ยงติดเชื้อได้ ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ แล้วก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน.