‘ศรี’ แฉ จนท.ไม่เซ็น ตู่กระตุ้นเจ้าสัวรีบๆ ส่งการบ้านช่วยชาติ“บิ๊กตู่” อ้อนมหาเศรษฐีไทย “เมื่อท่านเจ็บ ท่านเหนื่อย ผมก็เหนื่อยด้วย” กระตุ้นรีบส่งการบ้านช่วยชาติฝ่าวิกฤติ พรรคฝ่ายค้านยื่นหนังสือถึงนายกฯ กระทุ้งเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ “อนุดิษฐ์” ขอเปิดหูฟังเสียงชาวบ้านผ่าน ส.ส. “ภูมิธรรม-วิโรจน์” ย้ำจำเป็นจวกสำนึกเสียที ทุกข์คนจนหิวโหยคอยไม่ได้อีกแล้ว “นิยม” ซัดผู้นำต้องฟังทุกกลุ่มไม่ใช่แค่เศรษฐี “อนุสรณ์” จี้คลายล็อกอย่างปลอดภัย เปิดทางทำมาหากิน “เอกภพ” เตือนคนฆ่าตัวตายอ่วมพิษเศรษฐกิจ จะแซงยอดตายเซ่นโควิด “เต้” บอก ส.ส.พรรคเล็กพร้อมลงชื่อหนุน จ้องหวด พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านอุ้มหุ้นกู้เจ้าสัว บิ๊ก กฟผ.โต้วุ่นรถเข็นผัก 1.5 แสนบาท อยู่ในชุดเติมแก๊สป้องกันลัดวงจรนำเข้าจากญี่ปุ่นพร้อมสถานีไฟฟ้าแรงสูง “ศรีสุวรรณ” ยันได้ข้อมูลวงใน จนท.สถานีย่อยไม่กล้าเซ็นรับของ โร่แจ้งความไว้ที่อยุธยาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณขอให้ 20 มหาเศรษฐีไทย เร่งส่งเอกสารโครงการและข้อเสนอต่อรัฐบาล ในการช่วยกันแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระบุว่า “เมื่อท่านเจ็บ ท่านเหนื่อย ผมก็เหนื่อยด้วย” ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นหนังสือขอให้รัฐบาลเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ รับฟังเสียงของประชาชนผ่าน ส.ส. ไม่ใช่ฟังแต่กลุ่มเจ้าสัวหรือนายทุน “บิ๊กตู่” กระตุ้นเจ้าสัวส่งการบ้านกู้วิกฤติเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างเป็นประธานพิธีมอบกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และพิธีมอบกองทุนสนับสนุนและเยียวยาอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ที่มีนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธี ถึงการส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐีไทยว่า บริษัทบีทีเอสฯเป็น 1 ใน 20 มหาเศรษฐีของประเทศไทย ที่ได้ส่งจดหมายไปถึงขอให้รีบส่งเอกสารกลับมาให้ดูว่ามีแนวทางทำอย่างไรต่อไป กำลังจะทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะดูแลบุคลากรองค์กรตัวเอง เวลานี้ทุกคนมีหน้าที่ดูแลประชาชนด้วย ขอแนวทางรัฐบาลต้องปรับปรุงศักยภาพดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างไร ถือว่าทุกคนมีความสำคัญต่อสังคมไทยและคนไทยอ้อน “ท่านเหนื่อย ผมก็เหนื่อยด้วย”“ขณะที่การแก้ปัญหาเป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะต้องทำอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เพราะรู้ดีว่าถูกจับตาจากหลายภาคส่วน ผมตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาร่วมกับทุกคน เมื่อท่านเจ็บ ท่านเหนื่อย ผมก็เหนื่อยด้วย เมื่อท่านมีปัญหาผมเองต้องแก้ไขให้ได้ ซึ่งถือเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อแผ่นดิน ให้เกิดความสามัคคี ไม่แตกแยก เดินหน้าประเทศไปด้วยกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ เชื่อความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจจะทำให้ประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน เราจะสู้ไปด้วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว“แม่ธนาธร” ไม่ได้รับ จม.แต่พร้อมชี้แนะวันเดียวกัน นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานมูลนิธิไทยซัมมิทพัฒนา มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์เพจ The Reporters กรณีจดหมายเชิญ 20 มหาเศรษฐีจากนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า ยังไม่ได้รับจดหมายเปิดผนึกจากนายกรัฐมนตรี กรณีที่มีข่าวว่านายกฯจะส่งจดหมายขอหารือกับมหาเศรษฐีของประเทศไทย 20 คน แต่ยินดีหากรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นนายกฯคนใดก็ตามจะขอคำแนะนำ เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมือง ที่ขณะนี้ทุกคนทุกฝ่ายต้องช่วยกันฝ่ายค้านยื่นขอเปิดประชุมสภาวิสามัญเมื่อเวลา 10.05 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ บริเวณสำนักงาน ก.พ. ตัวแทน 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน 8 คน นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เพื่อขอให้ดำเนินการให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เกี่ยวกับการกู้เงิน ผ่านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ขอผู้นำฟังเสียง ปชช.ทุกกลุ่มผ่าน ส.ส.โดย น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลต้องออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทุกภาคส่วนในสังคมได้รับผลกระทบ มีการตรา พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐมีมากกระจายไปทุกภาคส่วน การเยียวยาจำเป็นต้องให้โปร่งใส เป็นธรรมและทั่วถึง จำเป็นที่รัฐบาลต้องเปิดโอกาสรับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มิใช่เลือกรับฟังเฉพาะกลุ่ม รัฐสภาเป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกเป็นผู้แทนประชาชน จึงสมควรจะได้นำปัญหาเข้าพิจารณาเพื่อรับฟังความคิดเห็น จึงขอให้นายกฯ ปฏิบัติตามมาตรา 172 วรรคสามของรัฐธรรมนูญ ดำเนินการให้เรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญโดยเร็วต่อไป“ภูมิธรรม” ย้ำจำเป็นร่วมกันฝ่าวิกฤตินายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน โพสต์เฟซบุ๊กว่า ฝ่ายค้านเร่งให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพราะความเดือดร้อนของประชาชนจากพิษโควิด-19 เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า ทวีความรุนแรงขึ้น เรื่อยๆ การแก้ไขปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน รัฐบาลยังทำได้ไม่ครบถ้วน ทั่วถึงและไม่ทันการณ์ รัฐบาลยังไม่เคยรับฟัง หรือได้ยินเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ที่เดือดร้อน การเร่งรัดประชุมสภาสมัยวิสามัญจึงเป็นช่องทางที่รัฐบาลจะได้รับฟังข้อมูลจาก ส.ส. ตัวแทนประชาชนที่รับรู้ปัญหาชัดเจน อีกเหตุผลคือ พ.ร.ก.กู้เงินมหาศาลมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของรัฐบาล กู้เงินอนาคตของประชาชนมาใช้ จำเป็นยิ่งต้องมีแผนใช้ที่มียุทธศาสตร์ชัดเจน รอบคอบและโปร่งใส รัฐบาลต้องเสนอ พ.ร.ก.ดังกล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาอยู่แล้ว ย่อมเป็นผลดีกว่าแน่นอน หากเร่งนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อฟังข้อเสนอแนะ ท้วงติง ที่เป็นประโยชน์ต่อการนำงบฯไปใช้ให้เกิดศักยภาพสูงสุด และเป็นแนวทางสำคัญอย่างหนึ่งในกลไกการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่รัฐบาลและฝ่ายค้านจะร่วมมือนำพาประเทศชาติผ่านวิกฤติไปด้วยกัน ไม่อยากเห็นรัฐบาลประกาศชัยชนะต่อไวรัสโควิด-19 ขณะที่ประชาชนกำลังจะอดตาย จี้คลายล็อกหยุดชักแถวฆ่าตัวตายนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินและเคอร์ฟิวออกไปไม่ต่ำกว่า 1 เดือน ว่าระหว่างสถานการณ์การติดเชื้อโควิดกับวิกฤติเศรษฐกิจที่ลามถึงปากท้องความอยู่รอดของประชาชน อย่างไหนหนักกว่ากัน ในขณะเฝ้าติดตามยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่จะกลายเป็นศูนย์เมื่อไหร่ สถิติการฆ่าตัวตายรายวันจากการล็อกดาวน์อาจพุ่งแซงผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ได้ไม่ใช่ทุกอาชีพสามารถทำงานจากที่บ้านได้ทั้งหมด แม้แต่เคอร์ฟิวยังเกิดปัญหาในการบังคับใช้ มาตรฐานในการตั้งด่านเคอร์ฟิวแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน มีหลายกรณีสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ต้องผ่านด่านเป็นอย่างมาก บางด่านมีการใช้อำนาจเกินความจำเป็น เช่น กรณีจับรถขนผักที่จะมาตลาดสี่มุมเมือง หรือการฉีกใบอนุญาตคนงานก่อสร้างบางพื้นที่บอกว่าหนังสือขออนุญาตผ่านด่านเคอร์ฟิวต้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือฝ่ายปกครองลงนาม แต่บางพื้นที่ให้ต้นสังกัดลงนามก็ใช้ได้ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน โควิด-19 ทำลายปอด แต่ล็อกดาวน์ทำลายเงินในกระเป๋าทุกวัน ความทุกข์ของประชาชนรอไม่ได้ รัฐบาลต้องคลายล็อกอย่างปลอดภัย ประชาชนจะได้กลับไปทำมาหากินอย่างมีศักดิ์ศรี ปลอดโรค ปลอดภัยบี้ “ลุงตู่” รับฟังทุกกลุ่มไม่ใช่แค่เศรษฐีนายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯออกหนังสือเปิดผนึกถึงกลุ่มนักธุรกิจมหาเศรษฐี ขอความคิดเห็นและความร่วมมือแก้ปัญหาวิกฤติประเทศ จะดีกว่านี้หากรัฐบาลจะสอบถามปัญหาทุกกลุ่ม เพื่อทราบถึงปัญหาแท้จริง ทั้งคนชั้นกลางและคนยากจนทุกภาคส่วน กลุ่มอาชีพต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ไม่ว่าภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การค้าและภาคบริการ เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและสะท้อนปัญหาได้ทั่วถึง นำข้อมูลทั้งหมดมาบูรณาการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด หลังจากนี้ต้องให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรมากขึ้น จะเป็นเครื่องจักรสำคัญสร้างรายได้เข้าประเทศ รัฐต้องจริงจังและจริงใจและแก้ปัญหาภาคเกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพแนะใช้ ก.ม.ปกติเข้มแทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินน.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวโน้มการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ส่งผลกระทบภาพรวมในวงกว้าง ทั้งการค้าการลงทุน เพราะนักลงทุนจะไม่มีการเพิ่มทุนเพื่อขยายกิจการ หรือบางส่วนปิดกิจการ เพราะไม่มั่นใจในรัฐบาล รัฐบาลควรใช้กฎหมายปกติ หรือ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ จะสร้างบรรยากาศด้านการลงทุน และความเชื่อมั่นมากกว่ากฎหมายพิเศษจวก รบ.ไม่จริงใจสอบตกทุกเรื่องนพ.ทศพร เสรีรักษ์ ประธานศูนย์โควิด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากรายงานของสาธารณสุขในต่างประเทศ พบว่าคนติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการพบมากกว่าคนที่ติดเชื้อแล้วแสดงอาการ โอกาสจะแพร่เชื้อในอนาคตมีได้มาก หากรัฐไม่ทำอะไรเลย รัฐต้องตรวจหาเชื้อเพื่อรักษาชีวิตของประชาชน ต้องรายงานให้ครบถ้วน ทั้งการตรวจหา การรักษา ไม่ใช่รายงานอย่างที่เป็นอยู่ ไม่เกิดประโยชน์และสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือประชาชนที่ต้องอยู่ในศูนย์กักกันเชื้อสถานที่ต่างๆในหลายจังหวัด มีหลายคนจากไม่ติดเชื้อกลับกลายเป็นว่ามาติดเชื้อภายในศูนย์กักกัน รัฐต้องมีมาตรการที่ดีกว่านี้กักกันดูอาการ อาทิ โรงเรียน หรือ โรงแรมที่มีอยู่ ใช้เป็นศูนย์กักกันให้นอนเพียงห้องละ 1 คนป้องกันการแพร่กระจาย จะเสียงบฯเท่าไหร่ต้องยอม เงินภาษีประชาชนควรใช้ปกป้องชีวิตประชาชน ที่ผ่านมารัฐไม่จริงใจปกป้องประชาชน มาตรการรัฐบาลที่ออกมาจึงสอบตกทุกเรื่อง“วิโรจน” ชี้ ปชช.ไม่ไหวเปิดเร็ว 1 วันก็มีค่านายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า อยากส่งสัญญาณถึงรัฐบาลว่าขณะนี้ประชาชนอดทนรอไม่ไหวอีกแล้ว ประชาชนจำนวนมากจำไม่ได้แล้วว่าวันสุดท้ายที่ออกไปทำงานหารายได้ตามปกติวันที่เท่าไหร่ปัจจุบันรายได้ไม่มี เงินออมหมดสิ้น ค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทุกวัน ลูกยังร้องหิวนม หิวข้าว หนี้นอกระบบต้องหยิบยืมไปทั่วจนล้นพ้นตัวแล้ว การเปิดสมัยประชุมวิสามัญจะช่วยร่นเวลาให้รัฐบาลช่วยประชาชนได้เร็วขึ้น อยากให้รัฐบาลพิจารณาด้วย สำหรับประชาชนอย่าว่าเร็ว ขึ้น 2 สัปดาห์เลยเร็วขึ้นได้ 1 วันมีความหมายต่อชีวิตเขามากๆ สำหรับข้ออ้างที่ว่าถ้ามีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ มี ส.ส. มาประชุมกัน แล้วอาจเกิดการแพร่ ระบาดแบบ Super Spreader เหมือนกรณีของสนามมวยลุมพินีเมื่อวันที่ 6 มี.ค. เป็นข้ออ้างจะมาเป็นเหตุไม่ยอมเปิดประชุม และสะท้อนว่ารัฐบาลไม่กระตือรือร้นเร่งรัดแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเลยสำนึกสักทีคนหิวโหยคอยไม่ได้อีกแล้วนายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ห้องประชุมสุริยันมีที่นั่งรองรับได้ถึง 1,209 ที่นั่ง และยังซักซ้อมพรรคต่างๆ ให้มอบหมาย ส.ส.มาประชุมเพียงจำนวนหนึ่ง เพื่อรักษาองค์ประชุมให้พอครบ หากมาประชุมกัน 244-260 คนกับที่นั่งที่มีอยู่ทั้งหมด 1,209 ที่นั่งยังรักษาระยะห่างทางสังคมได้ หรือต่อให้จำเป็นต้องประชุมในห้องประชุมจันทราที่นั่ง 350 ที่ทำได้ไม่มีปัญหา ข้ออ้างวิปรัฐบาลไม่สมเหตุสมผล เดิมสภาฯจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณฯทั้ง 3 วาระ วันที่ 28 พ.ค. ช่วงนั้นโรคโควิด-19 ยังระบาดไม่หมดอยู่ดี อยากให้รัฐบาลทบทวน คิดถึงความทุกข์ร้อนและความหิวโหยของประชาชนให้มากๆ มีสำนึกเสียทีว่าประชาชนรอคอยไม่ได้อีกแล้ว เร่งตัดสินใจเปิดสมัยประชุมวิสามัญให้สภาฯช่วยร่นเวลา เร่งรัดการแก้ไขปัญหาปากท้อง และการทำมาหากินให้ประชาชนได้แล้ว ความกลัวการแพร่ระบาด หากใช้สติปัญญามุ่งมั่นตั้งใจแก้ไขปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง รู้จักถอดบทเรียนกรณีสนามมวย การวางแผนป้องกันการแพร่ระบาดไม่เกินวิสัยทำได้อยู่แล้วคนฆ่าตัวลาโลกจะมากกว่าตายเซ่นโควิดนพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลอย่ารายงานสถานการณ์วิกฤติไวรัสโควิด-19 เน้นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพียงมิติด้านตัวเลขอย่างเดียว แต่ควรต้องรายงานแง่ความยากลำบากของประชาชนด้วย ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่ติดตามผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 และจำนวนผู้ที่ฆ่าตัวตายจากผลกระทบจากมาตรการรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1-21 เม.ย. พบว่าการตายสะสมเท่ากันที่ 38 ราย เส้นกราฟอาจเป็นจุดตัดที่เส้นการตายจากโควิด-19 อยู่ทิศทางขาลงสวนทางกับเส้นจำนวนผู้ฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจที่เป็นขาขึ้น ส่วนใหญ่ผู้ตายอยู่ในวัยเป็นเสาหลักทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เมื่อตกงานหรือขาดรายได้แบบเฉียบพลัน จึงเกิดแรงกดดันมหาศาลทำให้ฆ่าตัวตาย น่าพอจะนำมาพิจารณาให้กลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมได้บ้าง ก่อนเจอภาวะคนฆ่าตัวตายมากกว่าคนติดเชื้อโควิด ที่สำคัญคือ การพักหนี้ภาคครัวเรือนและพักหนี้กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กแบบหยุดทั้งต้นทั้งดอกเพื่อต่อลมหายใจ “เต้” บอกพรรคเล็กพร้อมเข้าชื่อนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศิวิไลย์ กล่าวถึงพรรคฝ่ายค้านขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญหาทางออกวิกฤติโรคโควิด-19 และเพื่อพิจารณาการใช้งบฯจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทอย่างมีประสิทธิภาพว่า ส่วนตัวและส.ส.พรรคเล็กอย่างน้อย 3 คนเห็นด้วย พร้อมลงนามร่วมกับพรรคฝ่ายค้านหากเป็นไปได้ที่จะมีเสียงพอ พร้อมลงนามให้ทันที ห้องสุริยันมีความพร้อม แต่ต้องเข้มมาตรการเว้นระยะห่าง คัดกรองบุคคล การนัดประชุมไม่จำเป็นต้องมาให้ครบทุกคน ขอให้มาแค่ 420 คนหรือเกินกึ่งหนึ่งที่เป็นองค์ประชุมได้เท่านั้น เพื่อให้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในห้องประชุมทำได้ ได้เตรียมอภิปราย พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 วงเงิน 4 แสนล้านบาท ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมปล่อยกู้ ให้เอกชนนำไปชดใช้หุ้นกู้ของเอกชนที่จะหมดอายุ ไม่เห็นด้วยที่นำเงินของรัฐช่วยเหลือกลุ่มเจ้าสัวติดอันดับมีหุ้นกู้สูงสุดและใกล้ครบกำหนดไถ่ถอน อยากเสนอให้เจ้าสัวต้องนำสินทรัพย์ค้ำประกันด้วย เช่น กลุ่มซีพีต้องนำร้านสะดวกซื้อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากเบี้ยวหนี้รัฐยึดสินทรัพย์เป็นของรัฐได้“เทพไท” หนุนต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจะต่ออายุการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯออกๆไปว่า ไม่ขัดข้องเพราะอยากให้ตัวเลขการติดเชื้อคงที่เลขตัวเดียวหรือต่ำ 10 ต่อไประยะหนึ่งจนแน่ใจว่าการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดลงหรือคงที่ จะไม่ขยายตัวอีกต่อไป จึงค่อยมาพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือผ่อนคลายมาตรการต่างๆของรัฐบาลต่อไป ไม่อยากให้มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบสองอีก จะกระทบต่อประเทศชาติและประชาชนทุกด้านจะได้ไม่คุ้มเสีย แต่สิ่งสำคัญมากกว่าการปลดล็อกคือปัญหาปากท้องของประชาชน หลังมาตรการล็อกดาวน์ ใช้เคอร์ฟิวมานานนับเดือน แต่มาตรการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐบาลไม่ทั่วถึงครอบคลุมทุกสาขาอาชีพ ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ไม่ชัดเจนว่าจะนานแค่ไหนขอเร่งดูแลมุสลิมเดือนรอมฎอนนายเทพไทกล่าวอีกว่า เดือนถือศีลอดช่วงเดือนรอมฎอน อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือดูแลผู้นับถือศาสนาอิสลามเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ บางคนตกงานไม่มีรายได้ อาจต้องอดอาหารทั้งกลางวันและกลางคืนอีกหนึ่งเดือนเต็มๆ ที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ในเวลากลางวันปกติ เจอสภาพการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และเคอร์ฟิวอีกยิ่งซ้ำเติมการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องมุสลิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตนจะไปเยี่ยมมัสยิดต่างๆ นำหน้ากากอนามัย เจลล้างมือสเปรย์แอลกอฮอล์ 75% อินทผลัมไปแจกจ่าย “เสรี” ฉะฝ่ายค้านดิสเครดิต รบ.นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงข้อเสนอของฝ่ายค้านให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อแก้แนวทางแก้ปัญหาเชื้อโควิด-19 ว่า ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่สมควรให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ การแก้ปัญหาบ้านเมืองช่วงนี้ ต้องแก้ด้วยความตั้งใจและจริงใจ ด้วยความรักสามัคคี ไม่เลือกฝ่าย เท่าที่ติดตามข้อเสนอฝ่ายค้านเห็นได้ชัดเจนว่า เหตุผลแต่ละคนที่ออกมาพูดเป็นข้อเสนอทางการเมือง ไม่ใช่ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม เท่าที่ติดตามเป็นข้อเสนอดิสเครดิตเป็นส่วนใหญ่ และอีกไม่กี่วันจะเปิดสมัยประชุมฯอยู่แล้ว ในฐานะ ส.ว.พร้อมให้ความร่วมมือเสมอ แต่ควรมีเหตุผล ความจำเป็นเป็นประโยชน์กับส่วนรวมจริงๆ รวมทั้งต้องไม่สร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้น ขณะนี้ทุกฝ่ายช่วยกันอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้เชื้อโรคโควิดกลับมากระจายเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งกรรมาธิการทุกคณะประชุมและเสนอกันได้อยู่แล้ว ยังไม่ถึงขนาดต้องเปิดประชุมสภาวิสามัญจี้ ผบ.ทบ.หยุดผลาญภาษีซื้ออาวุธที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อนายสมาพันธ์ ศรีเทพ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 53 และนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่น้องเกด พยาบาลอาสา มายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ขอให้ยุตินำภาษีของประชาชนไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในช่วงวิกฤติโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ระบุควรนำเงินส่วนนี้มาช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ไร้งานทำ ขาดแคลนอาหารและอุปกรณ์ป้องกัน โดยเฉพาะโรงพยาบาลหลายแห่งขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์การรักษา ปรากฏข่าวรายวันว่ามีคนฆ่าตัวตายอันเนื่องการขาดแคลนอาหาร สิ้นหวัง ไร้รายได้ ประชาชนจำนวนมากต้องรอรับบริจาคอาหารจากผู้มีจิตเมตตา ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤติอันยากจะเยียวยา ทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและระยะฟื้นฟู ต้องใช้เวลาอีกหลายปี ขณะที่กองทัพบกกลับจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก สวนทางกับภาวะประเทศประสบปัญหา ขอให้กองทัพงดเว้นจัดซื้ออาวุธตามงบฯ ปี 63 รวมทั้งงบฯผูกพันทั้งหมดค้านหั่นงบบัตรทองเข้ากองทุนโควิดที่กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ นำโดยนายนิมิตร์ เทียนอุดม เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หารือแนวทางคัดค้านการตัดงบฯหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(งบบัตรทอง) 2,400 ล้านบาท สมทบกองทุนช่วยเหลือปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19นายนิมิตร์กล่าวภายหลังการประชุมว่ากลุ่มคนรักหลักประกันและนายอนุทิน มีเจตนาเดียวกันอยากให้บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ ที่ร่วมต่อสู้โควิด-19 รวม 45,684 คน แต่เนื่องจาก สปสช.และกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานดูแลสุขภาพ และปฏิบัติหน้าที่ในภาวะวิกฤติจึงไม่ควรตัดงบฯของทั้ง 2 หน่วยงาน เช่นงบเหมาจ่ายรายหัว 3,600 บาท เป็นงบฯดูแลสุขภาพประชาชนถ้าตัดออกไปโรงพยาบาล และประชาชนย่อมได้รับผลกระทบ จะจับตางบฯบัตรทองในไตรมาส 3-4 ต้องได้รับตามปกติ ส่วนค่าตอบแทนข้าราชการที่บรรจุใหม่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขต้องไปเจรจากับสำนักงบประมาณ ควรตั้งงบฯขึ้นใหม่“เสี่ยหนู”เผยคุยนายกฯแล้วไม่ให้ตัด“จากการหารือ นายอนุทินพูดชัดว่าเงินนี้ ไม่ควรถูกตัด ไม่ควรไปแตะต้อง บอกว่าเงินตัวนี้ศักดิ์สิทธิ์ หากไปตัดออกจะมีผลกระทบกับการดูแลประชาชนเติมเงินเหมาจ่าย 3,000 บาท เป็นสิทธิประโยชน์ต่างๆสำหรับผู้ป่วยที่จะเกิดขึ้น เป็นคนละเรื่องกับกรณีโควิด-19 เท่าที่ทราบรองนายกฯ บอกว่าเรื่องนี้ได้มีการเจรจากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯรับปากว่าจะไม่มีการตัดงบนี้” นายนิมิตร์กล่าวด้านนายอนุทินกล่าวเพียงสั้นๆว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 เม.ย.ได้หารือกับนายกฯจริงเกี่ยวกับเรื่องขอให้ไม่มีการตัดงบบัตรทอง 2,400 ล้านบาท แต่ในรายละเอียดขอให้นายกฯเป็นผู้แถลงด้วยตัวเอง “เจ๊หน่อย” ค้านตัดงบรักษาชีวิตคนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า แทนที่รัฐบาลจะจัดงบเพิ่มให้โรงพยาบาล แพทย์ พยาบาลเต็มที่ แต่กลับไปตัดงบบัตรทอง ทั้งที่งบฯปี 63 มีสูงถึง 3.2 ล้านล้านบาท มีงบฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็นเร่งด่วนมากมายที่ควรตัด ทั้งซื้ออาวุธ สร้างตึกใหม่ ซื้อรถใหม่ อบรมสัมมนา ดูงาน แต่กลับเลือกตัดงบฯที่มีไว้รักษาชีวิตประชาชน ศัตรูของชาติวันนี้คือเชื้อโรคที่ใช้รถถัง เรือดำน้ำไปปราบไม่ได้ ถ้าตัดงบบัตรทองจะทำให้โรงพยาบาลทั่วประเทศประสบปัญหามากขึ้น เพราะงบฯไม่เพียงพอ อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือก็ขาดแคลน แม้แต่หน้ากากอนามัย ชุด PPE ต้องขอรับบริจาคกันเอง จึงขอให้รัฐบาลทบทวนตัดงบบัตรทองและงบกระทรวงสาธารณสุข รวม 3,600 ล้านบาท ท่านอาจจะไม่ใช่คนสร้างนโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ได้โปรดอย่าเป็นผู้ทำลายโครงการที่ช่วยรักษาชีวิตและสุขภาพของคนไทยเลยกฟผ.แจงรถเข็นอยู่ในชุดเติมแก๊สอีกเรื่องนายจรัญ คำเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ชิ้นส่วนของอุปกรณ์ภายในสถานีไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ.โดยระบุว่าเป็นรถขนผัก กฟผ.ขอชี้แจงว่า อุปกรณ์ดังกล่าวคือชุดอุปกรณ์เติมแก๊สฉนวนไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ (SF6 Gas Filling Cart Set) ที่ใช้กับสถานีไฟฟ้าแรงสูงที่ระดับแรงดันไฟฟ้า 500,000 โวลต์ ประกอบด้วย 1.รถเคลื่อนย้ายถังแก๊สปรับระดับ (SF6 Gas Cylinder Cart) รับน้ำหนักถังแก๊สได้ถึง 500 กิโลกรัมและปรับระดับสูง-ต่ำได้ 2.ชุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ (Coupling/Adapter) ใช้ปรับเปลี่ยนชุดเชื่อมต่อจากมาตรฐานผู้ผลิตประเทศญี่ปุ่น ให้เป็นมาตรฐานสากล 3.ชุดสายเติมแก๊ส (Filling Hose) คุณสมบัติทนแรงดันสูงป้องกันความชื้น 4.มาตรวัดแรงดันแก๊สและเครื่องควบคุมแรงดัน (Pressure Gauges with SF6 Regulator) ปรับและควบคุมแรงดันแก๊สเพื่อเติมแก๊สเข้ากับอุปกรณ์ และ 5.อุปกรณ์เชื่อมต่อกับชุดวาล์วนิรภัย (Coupling/Adapter Set with Safety Valve) เชื่อมต่อระหว่างชุดเติมแก๊สเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้า 500,000 โวลต์ มีคุณสมบัติทนแก๊สแรงดันสูง มีระบบป้องกันการรั่วไหลเพื่อความปลอดภัยต่อคนและอุปกรณ์อ้างนำเข้าจากญี่ปุ่นควบสถานีไฟฟ้านายจรัญกล่าวว่า ชุดอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับสถานีไฟฟ้าแรงสูงที่ทันสมัยของ กฟผ. เป็นสถานีไฟฟ้าแรงสูงที่ออกแบบให้อยู่ภายในอาคาร ลดการใช้พื้นที่ให้มีขนาดเล็กลง และลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม โดยใช้แก๊สเป็นฉนวนไฟฟ้าป้องกันการลัดวงจร เมื่อแรงดันแก๊สฉนวนไฟฟ้าต่ำ ชุดอุปกรณ์เติมแก๊สฉนวนไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ จะเติมแก๊สเข้ากับอุปกรณ์ของสถานีไฟฟ้าให้กลับสู่แรงดันปกติ จ่ายไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง โดยอุปกรณ์เติมแก๊สฉนวนไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่นำเข้ามาพร้อมกับสถานีไฟฟ้าแรงสูงจากประเทศญี่ปุ่นชุดละประมาณ 152,000 บาท เป็นราคารวมค่าอุปกรณ์ ค่าอากรนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่มและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ“ศรีสุวรรณ” ปูด จนท.ไม่กล้าเซ็นรับของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ที่ กฟผ. ระบุว่ารถเข็นเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของชุดอุปกรณ์นั้น ข้อมูลได้มาจากคนวงในของ กฟผ.เป็นข้อมูลที่เขาเพิ่งร้องเรียนมาไม่กี่วัน เอารูปถ่ายเหล่านี้พร้อมครุภัณฑ์อื่นๆอีก 15 รายการมาร้องเรียนว่า มีราคาที่เขาไม่กล้าเซ็นรับมอบจากฝ่ายจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเขาอยู่ฝ่ายสถานีย่อย เมื่อไม่อยากเซ็นรับมอบ จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยืนยันไม่ใช่ข้อมูลเก่า เอกสารตอบรับปรากฏเมื่อปี 2560 แต่กว่าจะมีการส่งมอบเลื่อนมาถึงปี 2562-2563 เป็นเรื่องธรรมดาของระบบราชการหรือรัฐวิสาหกิจ จะอ้างเป็นเอกสารเก่าคงไม่ใช่ เป็นข้อมูลใหม่ เมื่อประธานบอร์ด กฟผ. สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบใน 2 สัปดาห์ ให้เป็นเรื่องภายใน จะรอผลตรวจสอบของ สตง. ตามกลไกกฎหมายทั่วไปเลื่อนอ่านฎีกาคดีบุกบ้าน “ป๋าเปรม”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน นายวันชัย นาพุทธา นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นจำเลยที่ 1-7 ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองกรณีไปปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเมื่อปี 2550 ล่าสุดมีคำสั่งเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปเป็นวันที่ 26 มิ.ย. เนื่องจากอยู่ในช่วงระบาดของไวรัสโควิด-19