แล้ว “ความลับซื้ออาวุธ” ของ กองทัพเรือ ก็แตกโพล๊ะท่ามกลางวิกฤติไวรัสระบาดจนเกือบจะปิดประเทศอยู่แล้ว เศรษฐกิจปีนี้แบงก์ชาติคาดว่า อาจติดลบถึง 5.3% วันนี้ห้างปิด ร้านค้าปิด สนามบินปิด รถบัส เครื่องบินจอดเป็นตับ คนตกงานเป็นล้านคน จนรัฐบาลต้องแจกเงิน 3 ล้านคน คนละ 5,000 บาท 3 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราว แต่การประชุม ครม.วันอังคาร กระทรวงกลาโหม กลับเสนอขออนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการเกี่ยวกับ โครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำ โดยระบุในเอกสารว่า “เอกสารแจกและเก็บคืนในที่ประชุม” ไม่ให้เหลือเอกสารหลักฐานในที่ประชุม ครม.การประชุมครั้งนี้มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เป็นประธานความลับแตก เพราะมีข่าวตามสื่อว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ขอถอนเรื่องดังกล่าวออกจาก ครม. และ พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ ออกมาชี้แจงว่า ไม่ใช่เป็นการขออนุมัติต่อเรือยกพลขึ้นบก เพราะโครงการนี้ ครม. ได้อนุมัติและทำสัญญาซื้อจากจีนไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 แล้ว ในวงเงินลำละ 6,100 ล้านบาท ที่มาขอ ครม. เพื่อส่งคณะกรรมการไปตรวจแบบเรือ เตรียมส่งทหารไปฝึก เมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิด–19 คลี่คลาย ทุกคนจึงถึงบางอ้อทำให้ประชาชนได้รู้ว่า ครม.อนุมัติให้กองทัพเรือจัดซื้อเงียบๆ ไปตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำในประเทศ คนไทยเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ผลกระทบจากสงครามการค้า และวิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่กองทัพก็ยังซื้ออาวุธไม่หยุดการแถลงของโฆษกกองทัพเรือครั้งนี้ ทำให้คนไทยได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ซื้อเรือดำนํ้า 1 ลำ มีการซื้อเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สนับสนุนอีก 1 ลำ ไม่รู้จะมีเรืออื่นพ่วงอีกหรือไม่ โครงการนี้เกิดขึ้นสมัย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีกลาโหม จัดซื้อเรือดำนํ้าจากจีน 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้มีการพูดถึง เรือสนับสนุนยกพลขึ้นบกลำละ 6,100 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเรือดำนํ้าระยะที่ 1 อีก 1 ลำวันก่อนเพิ่งมีนักเลงดีจัดทำ กราฟฟิกเรือดำนํ้า 1 ลำ มูลค่า 1.13 หมื่นล้านบาท นำไปซื้อหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ที่ขาดแคลนได้มากขนาดไหน ตัวเลขอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ในภาพรวมก็ถือว่าใกล้เคียง เช่น ซื้อหน้ากากอนามัย (ชิ้นละ 2 บาท) ได้ 4,250 ล้านชิ้น (ถ้าชิ้นละ 2.50 บาทตามราคาควบคุมก็อาจได้น้อยกว่านี้) ชุดป้องกันเชื้อ PPE (ชุดละ 250 บาท) ได้ 45.2 ล้านชุด เครื่องช่วยหายใจ (เครื่องละ 1.5 แสนบาท) ได้ 75,000 กว่าชุด และ โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยมูลค่า 100 ล้านบาทได้ 113 โรงโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย 100 ล้านบาท ผมเข้าใจว่าอ้างอิงตัวเลขมาจากโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยของ เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ที่มี กำลังการผลิตวันละ 100,000 ชิ้น เดือนละ 3 ล้านชิ้น เพื่อแจกให้บุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก โรงงาน 113 แห่ง ผลิตหน้ากากได้วันละ 11.3 ล้านชิ้น เดือนละ 339 ล้านชิ้น เหลือส่งออกไปขายได้ทั่วโลกเลยวันนี้ เศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤติ ถึงขั้นที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เตรียมเสนอให้ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดงบประมาณปี 63 กระทรวงละ 10% ทุกกระทรวง เพื่อนำมาเป็นงบฉุกเฉินกลาง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ต้องขอออก พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉินอีก 2 แสนล้านบาท เพื่อให้มีเงินรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งยังไม่รู้จะพอหรือไม่ ลองคิดทบทวนใหม่อีกทีก็ดีนะครับ ท่านนายกฯ.“ลม เปลี่ยนทิศ”