“มั่วจัดเลย”อารมณ์แบบที่ “นักการทูตมืออาชีพ” ระดับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ฟันธงเปรี้ยงแบบไม่ลังเลเลยว่า “มั่วแบบฟ้องกันได้เลยในเรื่องนี้”เป็นปฏิกิริยาแรงๆต่อกรณี “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ จัดเต็มเสื้อผ้า หน้า ผม แอ็กชันบนโพเดียม พร้อมฉากหลังเป็นภาพแผนผังแสดงเส้นสายความเชื่อมโยงของตัวละครตามท้องเรื่อง เหมือนภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนของฮอลลีวูดเต็มสูตร โชว์มาตรฐาน “นักการเมืองรุ่นใหม่”ปฏิบัติการเปิดอภิปรายนอกสภา ถล่มรัฐบาล “บิ๊กตู่” ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในคดี 1MDB กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัฐบาลมาเลเซีย ที่ก่อตั้งโดยอดีตนายกฯนาจิบ ราซัค ของมาเลเซียโยงเป็นฉากๆปะติดปะต่อข้อมูลได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจเรียกเสียงซี้ดซ้าดจากกองเชียร์สีส้ม แนวร่วม “คณะอนาคตใหม่” สรรเสริญเยินยอกันตัวลอยแต่สังเกตว่า สื่อมวลชน หนังสือพิมพ์นำเสนอเนื้อหาข่าวแบบระมัดระวัง โดยใช้คำ น.ส.พรรณิการ์ “อ้างว่า” เป็นส่วนใหญ่ นั่นหมายถึงสื่อไม่กล้าเอาตัวเข้าเสี่ยงเป็น “จำเลยร่วม”แม้แต่เจ้าตัว “ช่อ” เองก็เถอะ ยังเบี่ยงๆเลี่ยงใช้คำว่า “อาจจะ” ในการแฉตีกินรัฐบาล “บิ๊กตู่”เพราะรู้ดีว่า ปมแหลมๆคมๆแบบนี้ จับแพะชนแกะลอยๆโดยไม่มีหลักฐานชัดๆมันอันตรายต่อความมั่นคง “ชักศึกเข้าบ้าน” เสี่ยงกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญ “น้องช่อ” ต้องไม่ลืมว่า ตัวเองหลุดสถานะ ส.ส.ไปแล้วจากคดียุบพรรคอนาคตใหม่“ไร้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง” ถ้าโดนฟ้องคดีอาญาตามสถานการณ์จัดให้แบบทันทีทันควัน พล.อ.ประยุทธ์ส่งสัญญาณคลื่นความถี่สูงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ อันไหนไม่จริงก็ต้องฟ้องสำทับโดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 1MDB แต่อย่างใด เป็นการกล่าวหาให้ร้ายทำให้สังคมสับสน และขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาจะดำเนินคดีทางกฎหมายรวดเร็วทันใจแบบที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับลูกทันที ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมาย พิจารณาตรวจสอบถ้อยคำทั้งหมดของ น.ส.พรรณิการ์ว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรเพราะเป็นการกล่าวหา พาดพิง ให้ร้ายรัฐบาล หน่วยงานรัฐ และเจ้าหน้าที่หลายราย ทำให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรและเกิดความสับสนแก่พี่น้องประชาชนประเดิมอภิปรายนอกสภา “คณะอนาคตใหม่” ใส่แฟ้มเพิ่มอีก 1 คดีและเกมนี้ ไม่แน่ใจ “ขาใหญ่” ทีมเพื่อไทยจะแอบหมั่นไส้หรือไม่เพราะตามจังหวะโดน “คณะอนาคตใหม่” แย่งซีน ชิงเรตติ้งกันต่อหน้าต่อตา โดยเงื่อนไขสถานการณ์ปาดหน้าคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจในเวทีสภา“กดดัน” ทีมดูไบ ถ้าทำได้ไม่สมราคาคุย โดนด่าอายเด็กแน่แต่มาถึงจุดนี้ เบรกยังไงก็ไม่อยู่แล้ว กับพฤติการณ์ “เด็กเล่นไม้ขีดไฟ”โดยความตั้งใจท้าทายฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย ย้อนรอยประวัติศาสตร์เลือดไม่มีเหตุผลอื่นใดให้คิดได้ กับการตั้ง “คณะอนาคตใหม่” ล้อกับ “คณะราษฎร”ใช้ “ลานโพธิ์” มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นจุดเริ่มจุดม็อบปัญญาชน เดินยุทธการแห่กระแสคนรุ่นใหม่บลัฟคนหัวเก่า ลากเอาองค์การนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยเคลื่อนไหวต่อต้านคำตัดสินยุบพรรค อนาคตใหม่ ชูวาทกรรมไม่มีความยุติธรรมในประเทศไทยสร้างฉากย้อนอดีตยุค 2475 ผ่าน 14 ตุลามหาวิปโยค 2516 ถึง 6 ตุลาฯ 2519เร้าเด็กหัวใหม่ยุคออนไลน์ ไม่สนใจวิชาประวัติศาสตร์ ส่วนใหญ่อ่านข่าวแค่ 3-4 บรรทัดและที่ต้องวัดกันต่อไป คือการยืนระยะ เพราะเทียบกับปัญญาชนยุคเก่าที่สู้ด้วยอุดมการณ์ล้วนๆแบบไร้ดราม่าปรุงแต่ง แตกต่างกับคนรุ่นใหม่ยุคมโนโซเชียลฯที่ยังฉาบฉวยรักประชาธิปไตยผ่าน “เกรียนคีย์บอร์ด” ม็อบสมาร์ทโฟนไม่ทนแดดทนฝน ร้อนก็หลบตากแอร์ในห้าง.ทีมข่าวการเมือง