เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่านอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในปี 2563 หรือปีนี้ เราตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวไว้ที่ 7.5 ล้านตัน ต่ำกว่าปี 2562 ที่ส่งออกได้ 7.58 ล้านตันเล็กน้อยทั้งๆที่ตั้งเป้าหมายต่ำลงมา แต่จะทำได้ตามเป้าหรือไม่ยังไม่รู้เลย เพราะในช่วงเดือนเศษๆของปีนี้ ระหว่างมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์ เราส่งข้าวออกได้เพียง 699,000 ตันเท่านั้น ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีกลายถึง 39 เปอร์เซ็นต์พอถึงปลายปีจะเป็นอันดับที่เท่าไรของโลก ยังต้องลุ้นกันต่อไปเหตุเพราะเมื่อปีที่แล้วที่เราส่งออกได้ 7.58 ล้านตันนั้น เราเป็นเพียงที่ 2 ของโลก แพ้อินเดียแชมป์โลกประเทศใหม่ ซึ่งส่งได้ถึง 10.6 ล้านตันไป ขาดลอยพอสมควรโชคดีที่เรายังชนะเวียดนาม ที่ส่งออก 6.85 ล้านตัน อยู่ราวๆ 6 แสน 3 หมื่นตันเศษๆ ทำให้เรายังรักษาตำแหน่งที่ 2 ไว้ได้ดังนั้น เมื่อเดือนแรกๆของปีนี้ เราส่งออกลดลงเยอะ เช่นนี้ โอกาสที่จะกลับไปคว้าแชมป์โลกชนะอินเดียคงยาก และเผลอๆ อาจจะหล่นไปเป็นอันดับ 3 เอาด้วย หากเวียดนามเขาเร่งสปีดขึ้นมาได้หน้าเศรษฐกิจไทยรัฐ ที่รายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงกับพาดหัวตัวเบ้อเริ่มไว้ว่า “หมดยุคแชมป์โลกส่งออกข้าวไทย” เลยทีเดียวเหตุที่เราตั้งเป้าหมายต่ำกว่าปีกลาย เป็นเพราะเราเจอภัยแล้ง ทำให้คาดว่าผลผลิตจะลดน้อยลงมาก ประกอบกับค่าเงินบาทก็แข็งโป๊กขึ้นด้วย ทำให้ข้าวไทยมีราคาแพงกว่าข้าวของประเทศคู่แข่งไปโดยปริยายนอกจากนี้ เมื่อดูในรายละเอียดยังพบว่า ผลผลิตข้าวของไทยเราไม่หลากหลาย และไม่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดข้าวโลก ที่ต้องการของดีราคาปานกลางอย่างเช่น ข้าวหอมมะลิของเรานั้น แม้จะนุ่ม กินอร่อย แต่หลายๆ ประเทศมักไม่ค่อยสู้ราคา...ประกอบกับระยะหลังๆคู่แข่งเราผลิตข้าวรสชาติคล้ายๆ แม้ความอร่อยจะด้อยกว่าหน่อย แต่ราคาจูงใจกว่า เขาก็หันไปรับประทานข้าวที่ว่านั้นเป็นส่วนมากเท่าที่ท่านอธิบดีแถลงไว้ ทางราชการไทยก็พยายามฮึดสู้ มีการวิจัยมีการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ๆ มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้ผลิตคือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับผู้ขายคือกระทรวงพาณิชย์บ่อยๆ ครั้งในการที่จะพัฒนาข้าวของเราเพื่อให้สู้กับเขาได้อยู่ตลอดเวลาผมต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ท่าน กีรติ รัชโน ไว้ ณ ที่นี้ และในฐานะกองเชียร์ไทยแลนด์ตลอดกาล ซึ่งเชียร์ทุกอย่างที่ประเทศไทยลงสนามแข่งขันไม่ว่าการกีฬา การค้าขาย การผลิตการส่งออก การประกวดดุริยางค์ ประกวดสลักหิมะ แข่งขันโอลิมปิกคณิตศาสตร์ โอลิมปิกวิทยาศาสตร์ ฯลฯผมเชียร์ทุกเรื่อง ใครได้แชมป์อะไรมาผมก็พลอยภูมิใจไปด้วย และในยุคก่อนๆก็เคยภูมิใจที่เราเป็น “แชมป์ส่งออกข้าว” ได้เป็นแชมป์โลกมาโดยตลอดเป็นเวลายาวนานแต่เมื่อเชียร์ไปนานๆ ก็รู้สึกท้อถอยเหมือนกัน เพราะไม่ว่าเป็นแชมป์โลกกี่ปีกี่สมัยชาวนาไทยส่วนใหญ่ก็ยังยากจนอยู่นั่นเองจนมาระยะหลังๆ ผมชักเริ่มเปลี่ยนใจ บอกกับตัวเองว่า หากเราจะต้องเสียแชมป์โลกส่งออกข้าวไปก็อย่าได้เสียใจเลย ขอเพียงให้ชาวนาของเรามีรายได้ที่ดี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็แล้วกันเคยมีอยู่ยุคหนึ่งรัฐบาลไทยถึงกับแนะนำเกษตรกรให้ปลูกข้าวน้อยลง หันไปปลูกพืชผักหรือทำเกษตรอย่างอื่นๆ ที่มีราคาดีกว่าขายทำเงินมากกว่าเพิ่มขึ้นเยอะๆ เพื่อให้รายได้ดีขึ้นแม้นโยบายเช่นนี้อาจทำให้เราส่งข้าวออกน้อยลงบ้าง และเสียแชมป์โลกส่งออกข้าวในที่สุด แต่หากทำให้เกษตรกรมีฐานะดีขึ้น ผมก็ว่าเราควรจะยอมรับ เพราะข้อเท็จจริงพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า ในยุคที่เราเป็นแชมป์โลกนั้น ชาวนามีแต่จนลงและพ่อค้ามีแต่รวยขึ้นในอดีตเราเคยมีนักมวยแชมป์โลกอยู่หลายคน แต่ลงท้ายต้องจบชีวิตอย่างยากจนชนิดแทบไม่มีเงินค่าทำศพ ผมก็เลยไม่อยากเห็นชาวนาของเราเป็นเช่นนั้นไม่ต้องเป็นแชมป์โลกส่งออกข้าวก็ได้ครับ อยู่ที่ 2 ที่ 3 นี่แหละ แต่ขอให้ชาวนารํ่ารวยขึ้น อย่าให้เหมือน “โผน กิ่งเพชร” หรือไอ้แสบ “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” และอีกหลายแชมป์โลกบ้านเราที่จบชีวิตอย่างยากจนข้นแค้นก็แล้วกันครับ.“ซูม”