การสูญเสียบุคคลหนึ่งในตำนาน การเมืองไทย ที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ “ชัย ชิดชอบ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงแก่อนิจกรรมด้วยวัย 92 ปี ผู้ริเริ่มให้มีการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ สร้างความเสียใจให้กับผู้รักและเคารพในแวดวงคนการเมืองอย่างมากบุคคลในตำนานนี้มีชีวิตโลดแล่นอยู่วงการเมืองมาตั้งแต่ปี 2500 สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.บุรีรัมย์ (ส.ส.) พรรคประชาธิปัตย์ ในปี 2521 เป็น ส.ส.พรรคอิสระ และอยู่บนเส้นทางการเมืองมายาวนานกว่า 63 ปี...ในปี 2551 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรก่อนได้รับฉายา “ตลกเฒ่าร้อยเล่ห์” จากการทำหน้าที่ประธานสภาฯ ที่มีลูกล่อลูกชน และมีมุกตลกแพรวพราว สร้างความสนุกสนาน ลดความตึงเครียดในที่ประชุมเสมอมา...อีกมุม...คือ บุคคลสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จของ “เนวิน ชิดชอบ” ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม และ “พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ” ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในการสร้างพัฒนา จังหวัดบุรีรัมย์...จากเมืองที่ไม่มีใครรู้จัก...เมืองที่เป็นได้เพียงแค่ทางผ่านเพื่อไปยังจุดหมายอื่นๆ แทบจะไม่เย้ายวนใจนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่น้อย...ในวันนี้ได้รับการพัฒนา...จนเป็นเมืองฮอตฮิตเป็นที่รู้จัก...ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับในไทยและนานาชาติไปแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...“ครอบครัวชิดชอบ” นำโดย “ปู่ชัย ชิดชอบ” เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญคนหนึ่ง...สร้างคุณประโยชน์ให้กับคนบุรีรัมย์อย่างมาก ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ ร่วมกับชาวบุรีรัมย์ “ปลุกปั้นพลิกโฉม” ทำให้จังหวัดได้เติบโตขึ้นมา กลายเป็นเมืองต้นแบบอย่างมีประสิทธิภาพไม่ต้องสงสัยเลยว่า...“คนบุรีรัมย์” ให้ความเคารพนับถือ และมีความรักให้แก่ “ปู่ชัย ชิดชอบ” มากมายขนาดไหน และต่างมีความรู้สึกเสียใจ และอาลัยกับการสูญเสียครั้งนี้... การนี้เปิดให้ประชาชน “เคารพศพปู่ชัย” ในเวลา 10.00 น. และเวลา 19.00 น. ทำพิธีสวดอภิธรรม วันที่ 26-31 ม.ค.นี้ ที่ศาลาโรงโม่หินศิลาชัย อ.เมืองบุรีรัมย์ มีกำหนดพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 1 ก.พ.นี้...ตลอดการจัดงาน “งดรับพวงหรีด” หากประสงค์ทำบุญบริจาคให้ รพ.บุรีรัมย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย ผ่าน “ธนาคารกรุงไทย สาขาบุรีรัมย์ เลขที่บัญชี 308-0-70047-3 ชื่อบัญชี เงินบริจาคของโรงพยาบาลบุรีรัมย์”คนในแวดวงการเมืองต่างร่วมไว้อาลัยแสดงความเสียใจอย่างยิ่งนี้...วิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ อดีต ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคไทยรักไทย เล่าให้ฟังว่า ในปี 2526 สมัยแรกของการเป็น ส.ส.กาฬสินธุ์ เข้าทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร นามพรรคชาติประชาธิปไตย ผมมีโอกาสได้เจอกับ “ปู่ชัย” ซึ่งเป็น ส.ส.สังกัดพรรคกิจสังคมและในปี 2529 ก็ย้ายมาอยู่สังกัดพรรคกิจสังคม มีโอกาสอยู่ร่วมพรรคการเมืองเดียวกัน ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่นานมาก ก่อนที่ “ปู่ชัย” ย้ายมาสังกัดพรรคสหประชาธิปไตย ในปี 2548 ต่างคนต่างย้ายมาเจอกันอยู่ในสังกัดพรรคไทยรักไทยด้วยกัน ซึ่งได้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทั้งคู่ ทำให้สนิทสนมใกล้ชิดกันมากขึ้นหากย้อนอดีต...ในการทำหน้าที่ของ “ปู่ชัย” ถือว่าเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าดั้งเดิม มีความเก๋าของการอภิปราย ด้วยลีลาเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีลูกล่อลูกชนแพรวพราวทางการเมือง ที่เคยปะทะคารมเดือดกลางสภาฯ มานักต่อนัก แต่ท่านก็สามารถรับมือสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบสภาฯยุคนั้น...มีนักการเมือง นักอภิปรายระดับหัวกะทิ ที่มีความเก่งของลูกล่อลูกชนครบเครื่องทุกรูปแบบ เช่น ท่านชวน หลีกภัย ท่านสมคิด ศรีสังคม ท่านแคล้ว นรปติ ท่านทรงธรรม ปัญญาดี ท่านปัญจะ เกสรทอง บุคคลที่กล่าวมานี้นับว่า “เป็นดาวเด่นสภาฯ” ในตำนาน แต่ละคนมีเทคนิคการอภิปรายแพรวพราวอย่างมากแต่ช่วง “ปู่ชัย” ขึ้นอภิปราย ก็ไม่ด้อยน้อยหน้าไปกว่ากัน ทุกคนต่างจับจ้องทุกครั้ง เพราะท่านมีเทคนิคการพูดผสมผสาน “มุกตลก” สามารถเรียก “เสียงฮือฮา”...เมื่อเกิดความสนใจ ได้จังหวะโอกาสแล้ว ก็หักมุมเข้าประเด็นอภิปราย ในลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนคนอื่น ทำให้นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามถึงกับตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว...“ท่านมีวิสัยทัศน์กว้างไกล การอภิปรายสนับสนุน คัดค้าน ในการแก้กฎหมายต่างๆ มักมองเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จนทำให้นักการเมืองคราวนั้น มองว่า “พูดเกินเลยไป” แต่สิ่งที่อภิปรายไว้เมื่อ 30 กว่าปีก่อนนั้น กลับมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงในยุคนี้หลายเรื่อง” วิวรรธนไชย ว่า ยกตัวอย่าง...ราวในปี 2535 “แก้กฎหมาย” ในเรื่องการข่มขืนกระทำอนาจารแก่เด็ก เดิมการทำอนาจารกับผู้เยาว์ไม่เกิน 13 ปี ต้องแก้กฎหมายเป็น 18 ปี ตอนนั้น “ปู่ชัย” สนับสนุนแก้กฎหมายนี้เพื่อคุ้มครองเยาวชน มีการศึกษาข้อมูลครบถ้วน ในอนาคตต้องมีเหตุข่มขืน อนาจารแก่เด็ก ที่ไม่ใช่เด็กต่ำกว่า 13 ปีสาเหตุพัฒนาการเจริญพันธุ์ของเด็กเร็วกว่าปกติ เพราะดื่มนมมาก ทำให้มีร่างกายเติบโตเร็วเกินวัยตามอายุจริง ส่งผลให้ “พวกบ้ากามราคะ” มองเป็นหญิงสาวเต็มวัยแล้ว แต่เด็กนี้ยังวุฒิภาวะเป็นเด็กเช่นเดิม ทำให้ต้องแก้กฎหมายจากการข่มขืนเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี เป็น 18 ปี เพิ่มโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต มาจนถึงทุกวันนี้อีกมุม...นิสัยส่วนตัว “ปู่ชัย” เป็นบุคคลน่ารัก...วางตัวให้เกียรติกับบุคคลอื่นเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่ามีเงินทอง หรือยากจน เพราะท่านมีบุคลิกลักษณะเหมือนชาวบ้านคนธรรมดา ไม่ถือตัวเข้าถึงง่ายมาก ทำให้เป็นที่น่าเคารพนับถือกับคนรอบข้างด้วยการ “ใช้รอยยิ้ม” เป็นสื่อแสดงความเป็นมิตรกับทุกคนแม้แต่กับคนไม่ชอบ ท่านก็ยังมีมิตรให้เสมอ ซึ่งมีน้อยมาก หรือแทบไม่เคยเห็นด้วยซ้ำที่ท่านจะโกรธใครจริงจัง ทำให้นักการเมืองในสภาฯ ชอบมานั่งพูดคุยตลอด เพราะท่านมีเรื่องราว มีมุกตลก เพื่อให้คนมาพูดคุยมีรอยยิ้มสนุกสนาน...หากใครใกล้ชิด คือ ต้องหลงรัก เพราะท่านมีเสน่ห์...บางครั้งก็พูดแฝงตลกด้วยการให้คำแนะนำรุ่นน้องในการปฏิบัติตัว หรือเทคนิคการอภิปรายในสภาฯ...เท่าที่เคยรู้จักกัน...ท่านมุ่งทำงานเพื่อประชาชน ชาติบ้านเมืองมาตลอด ไม่เคยหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองหรือเดินเข้ากระทรวงใด เพราะท่านไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงินทองต่างจากยุคนี้มักมีข่าวบ่อยว่า...มีบางคนพูดตีกินในสภาฯ...และพากันเดินขึ้นกระทรวง...แต่สิ่งปรากฏ...ท่านเป็นนักพูด มีคารมคมคายปะทะกันเฉพาะในสภาฯ แม้มีการอภิปรายกันดุเดือดเพียงใด เมื่อออกด้านนอกก็ให้เกียรติทุกคนเสมือนมิตรอาชีพเดียวกัน ที่ต่างมาทำหน้าที่เสียสละเพื่อส่วนรวม นับได้ว่า มีความซื่อสัตย์ สุจริตต่ออาชีพนักการเมือง และมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์สูงสุดทำให้ประสบความสำเร็จสูงสุดของชีวิต ในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จนคนการเมืองยอมรับเคารพนับถือเสมอมา กลายเป็น “ปูชนียบุคคล ทรงคุณค่า” ในสภาผู้แทนราษฎร ยึดปฏิบัติเป็นแบบอย่างของการดำรงตน เพราะท่านเล่นการเมือง ยึดหลักตามกฎระเบียบ ที่ไม่เคยปฏิบัตินอกกรอบท่านมักเน้นย้ำการปฏิบัติตามข้อกฎหมายและข้อบังคับในสภาฯ มีหลักเกณฑ์ในการอภิปรายที่น่าฟัง และเคารพประธานสภาฯสูงสุด ที่ปัจจุบันนี้มีน้อยมากสิ่งสำคัญ...ส่งเสริมลูกหลาน เดินตามรอยสืบทอดความมุ่งมั่นทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมานานกว่า 63 ปี จนวินาทีสุดท้ายของตัวเอง จากการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62 ใน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย มีอายุ 91 ปี ถือเป็นอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานชั่วคราว ดำเนินการโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่...หนำซ้ำ...มักเอาใจใส่ต่อเรื่องราวในสภาฯ และประชาธิปไตยอย่างมาก ที่มีความพยายามเป็นแบบอย่างที่ดีมาตลอด สิ่งสำคัญหากนักการเมืองไทย ยึดหลัก “ความซื่อสัตย์ สุจริต” ที่ควรต้องมีสองเรื่องนี้ ถ้ามีเกินร้อยละ 50 ของคนในสภาฯ นับว่าเป็นเรื่องดี แต่มีถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ประเทศชาติ จะมีความเจริญรุ่งเรืองแน่นอนสิ้น “ชัย ชิดชอบ” นับเป็นการสูญเสีย...บุคคลที่ได้ชื่อว่า “ทั้งชีวิตทุ่มเทให้กับประชาชน” ที่ได้ฝากแนวทางการปฏิบัติตนบนเส้นทางการเมืองไทย เป็นแบบอย่างให้จดจำไว้ตลอดกาล.