กระทรวงการต่างประเทศ ยุคที่มีนายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็น รมว.ต่างประเทศ และ นางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ยังคงเดินหน้าด้านการทูตและทำงานเชิงรุก เพื่อเป้าหมายการสร้างความอยู่ดีมีสุขของคนไทย และส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติทุกด้านอย่างยั่งยืนตามนโยบาย “การทูตเพื่อประชาชน” ที่มีกรมการกงสุล เป็นกลไกขับเคลื่อนหลัก ผลักดันงานบริการและโครงการใหม่ๆ ทั้งเชิงรุกและเชิงป้องกันให้แก่คนไทยทั้งในและต่างประเทศช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มุ่งหน้าพัฒนางาน บริการด้านกงสุลที่ก้าวหน้าทันสมัย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าโครงการฯ เพื่อบริการชาวไทยทั้งในและต่างประเทศ ตามนโยบาย “การทูตเพื่อประชาชน”.ปี 2563 นี้ รมว.การต่างประเทศ ได้มอบนโยบายที่ยังคงความสำคัญให้ ประชาชน เป็นศูนย์กลางการบริการ หมั่นดูแล “ทุกข์สุข” คนไทยในต่างประเทศ เพื่อให้คนไทยไม่ว่าอยู่ที่ใดในโลกสามารถเข้าถึงบริการด้านกงสุลได้อย่างทั่วถึง เสมอภาค และได้รับความสะดวกนอกจากนี้ มุ่งพัฒนาและยกระดับ “หนังสือเดินทางไทย” ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล คนไทยสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆได้อย่างเต็มภาคภูมิ นายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ผู้ขับเคลื่อนงานบริการชาวไทยทั่วโลกตามนโยบาย “การทูตเพื่อประชาชน” ด้วยสโลแกน “ทุกหนแห่งเราดูแล”.นายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล เปิดเผยว่า กรมการกงสุล มีอายุครบ 20 ปี เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2562 จึงมุ่งต่อยอดแนวคิด “e-Consular เพื่อประชาชน” ที่ขับเคลื่อนงานกงสุลด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทุกด้านโดยกำหนดให้ปี 2563 นี้ มีเป้าหมายให้งานบริการกงสุลในทุกมิติมุ่งสู่ “Smart & Best Services” เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่คนไทยตลอดทั้งปี และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนเริ่มจากการ ส่งท้ายปีเก่า-ทักทายปีใหม่ ด้วยการเปิดบริการพิเศษ คือ “ทำพาสปอร์ตได้ในวันเสาร์” เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวกในวันหยุด เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 14 และ 21 ธ.ค.2562 และจะเปิดให้บริการต่อไปในวันเสาร์ที่ 11 และ 18 ม.ค.2563 ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น.ที่สำนักงานหนังสือเดินทางในกรุงเทพฯ 4 แห่ง ได้แก่ 1.สนง.หนังสือเดินทางชั่วคราว ศรีนครินทร์ (ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค) 2.สนง.หนังสือเดินทางชั่วคราว ปิ่นเกล้า (อาคาร SC Plaza/สายใต้ใหม่) 3.สนง. หนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตย และ 4.สนง. หนังสือเดินทางชั่วคราวมีนบุรี สําหรับการทำหนังสือเดินทางธรรมดา โดยจัดส่งทางไปรษณีย์ (EMS) โดยมีประชาชนมาใช้บริการจำนวนมากนอกจากนี้ กรมการกงสุล ยังมีบริการพิเศษคือ “การให้บริการแปลเอกสารฟรีแก่ประชาชน” เป็นระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2562-17 ม.ค.2563 ณ กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ โดยเป็นการแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษโดยไม่เสียค่าแปล เฉพาะเอกสาร 19 ประเภทที่ประชาชนจะนำมา รับรองด้วยตนเองที่กรมการกงสุล บริการทำหนังสือเดินทาง ปรับเข้าสู่ยุคดิจิทัล รวดเร็วและทันสมัย.เปิดตัว e-Passport ระยะที่ 3 สะดวก ทันสมัย เพิ่มหลายจุดบริการ ที่ผ่านมา คนไทยทำ หนังสือเดินทาง ประมาณ 2 ล้านเล่มต่อปี โดยมีจุดบริการทั่วประเทศคือ สนง.หนังสือเดินทางชั่วคราว 14 แห่งในต่างจังหวัด และ 5 แห่งในกรุงเทพฯ รวมทั้งในสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ 96 แห่งทั่วโลกปี 2563 จะจัด “หน่วยบริการหนังสือเดินทางเคลื่อนที่” ไปให้บริการทำหนังสือเดินทางแก่ประชาชนในจังหวัดที่ไม่มีสำนักงานหนังสือเดินทางตั้งอยู่อีก 15 จังหวัด เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเน้นกลุ่มจังหวัดเมืองรองตามนโยบายของรัฐบาล อาทิ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ น่าน ระนอง บุรีรัมย์ อ่างทอง พังงา กาฬสินธุ์ สระแก้ว พิจิตร สกลนคร กระบี่ ยโสธร พะเยา และ หนองบัวลาภู นำ “คณะกรรมการสหวิชาชีพ” ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ไปให้ความรู้ พร้อมทั้งแก้ปัญหาแก่คนไทยและแรงงานไทยในต่างประเทศ.สําหรับคนไทยที่พำนักอาศัยในต่างประเทศนั้น กรมการกงสุล ได้จัดสรรงบประมาณให้ สถานเอกอัครราชทูต และ สถานกงสุลใหญ่ ทั่วโลกจัด โครงการ “กงสุลสัญจร” ออกให้บริการทำหนังสือเดินทางอย่างสม่ำเสมอกรมการกงสุล จะเปิดตัวโครงการ หนังสือ เดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 ในเดือน มิ.ย.2563 ซึ่งจะทำให้คนไทยมีหนังสือเดินทางที่ทันสมัย มีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยที่สูงมากขึ้น สะดวกรวดเร็ว ลดเวลาการรับคำร้องจาก 20 นาที เหลือเพียง 12 นาที และการผลิตเล่มจาก 2 วันเป็นเพียง 1 วัน รวมทั้งเพิ่มอายุจากเดิม 5 ปีเป็น 10 ปีบริการรับรองนิติกรณ์เอกสาร เพิ่มอีก 1 แห่ง ในต่างจังหวัด ที่ สนง.เดินทางชั่วคราวพัทยา จ.ชลบุรี นอกเหนือจากที่กรมการกงสุล, เชียงใหม่, สงขลา, อุบลราชธานี และสถานีรถไฟฟ้า MRTคลองเตย กทม.การ “คุ้มครอง-ป้องกัน-เสริมสร้าง” เพื่อให้คนไทยอยู่ดีมีสุข โดย โครงการเชิงรุกด้านกงสุล ปัจจุบัน มีคนไทยอาศัยอยู่ในต่างประเทศจำนวน 1.6 ล้านคน และไปท่องเที่ยวในต่างประเทศเกือบ 10 ล้านคน ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นแต่ด้วยขาดการเตรียมพร้อมก่อนเดินทางไปทำงาน ท่องเที่ยว หรือศึกษาต่อในต่างประเทศ ทำให้ประสบปัญหาเมื่อไปถึงต่างประเทศ ในปี 2562 ได้ให้ความช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ในต่างประเทศประมาณ 20,000 คนทั้งแรงงานผิดกฎหมาย แรงงานประมง หญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ นักศึกษา และประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการไปเสี่ยงโชคหางานในต่างประเทศและหาคู่รักชาวต่างชาติผ่านสื่อโซเชียลด้วยดังนั้น ปี 2563 กรมการกงสุลจึงให้ความสำคัญร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ ให้ความรู้แก่แรงงานและหญิงไทย เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อหลอกไปทำงานผิดกฎหมาย และปัญหาการใช้ชีวิตคู่ในต่างแดนในปี 2563 กรมการกงสุลจะเน้นให้ความสำคัญกับภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่มีสถิติคนไทยถูกหลอกลวงไปค้าประเวณีจำนวนมาก โดยจะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเจ้าหน้าที่กงสุลในภูมิภาค เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการช่วยเหลือผู้ที่อาจเข้าข่ายเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ และจะเริ่มที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้านการเสริมสร้าง กรมการกงสุลบูรณาการโครงการ หรือกิจกรรมกับหน่วยงานต่างๆ ภายใต้ “คณะกรรมการสหวิชาชีพ” สถานเอกอัครราชทูตและ สถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก และเครือข่าย “กงสุลอาสา” ในไทยและในต่างประเทศ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของคนไทยในต่างประเทศผ่านโครงการสนับสนุนกิจกรรมคนไทยกว่า 150 โครงการ ตามยุทธศาสตร์ 5H ในการ เสริมสร้างความรู้ (Head) สุขภาพ (Health) ทักษะอาชีพ (Hand) ที่พึ่งทางใจ (Heart) และ ความสามัคคี (Harmony) ให้แก่คนไทยที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ โดยจัดโครงการไปฝึกอาชีพให้นอกเหนือจากให้คำปรึกษาด้านต่างๆการสนองนโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (Hub) ของการท่องเที่ยว การรักษาพยาบาล และการประชุมทางธุรกิจ กรมการกงสุลได้เปิดตัว “ไทย e-Visa” หรือระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2562 เป็นต้นมาสําหรับในปี 2563 มีแผนจะขยายการใช้ e-Visa ให้ครอบคลุมไปยังจีนทั้งประเทศ ไต้หวัน และภูมิภาคอเมริกาเหนือ เพราะสะดวกรวดเร็วและช่วยให้ ตม.คัดกรองบุคคลเข้าประเทศได้ง่าย เพื่อกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวและการลงทุน โดยชาวต่างชาติยื่นขอวีซ่าเข้าไทยทุกประเภทผ่านทางออนไลน์ เว็บไซต์ www.thaievisa.go.th นี่เป็นแผนงานการทูตเพื่อประชาชนปี 2563 ของกรมการกงสุล ที่มีความมุ่งมั่นจะพัฒนาบริการและการดูแลแก่พี่น้องชาวไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศในระดับมาตรฐานสากล เข้าถึงได้ง่าย ลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งนี้ ติดตามการทำงานของ “กรมการกงสุล” ได้อย่างต่อเนื่องที่เว็บไซต์ www.consular.go.th และ facebook “กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ”.ทีมข่าวภูมิภาค