ทางด่วนยมุนาเอกซ์เพรส (Yamuna Express) สายใหม่ ล่าสุด ช่วยร่นเวลาการเดินทางจากลัคเนาว์ สู่อักราได้มากพอควร จากที่ต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่า 8 ชั่วโมง เหลือเพียง 4 ชั่วโมงเศษๆรวมเวลาแวะพักแล้วเท่านั้นเมื่อพูดถึง อักรา คนทั่วไปอาจไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่อย่างน้อยก็คุ้นเคยมากกว่าลัคเนาว์ เพราะเป็นที่ตั้งของทัชมาฮาล (Taj Mahal) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกและอนุสรณ์แห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าชาห์ ชหานชีร์ และพระนางมุมตัช ทาฮาล ซึ่งตั้งอยู่บริเวณโค้งน้ำที่สวยที่สุดของแม่น้ำยมุนา ในเมืองอักรา อักรา อยู่ห่างจากลัคเนาว์ราว 400 กิโลเมตร ไกลกว่ากรุงนิวเดลีที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา เป็นเมืองเก่าแก่ไม่แพ้พาราณสี เคยมีชื่อปรากฏในมหาภารตะ ว่า เมืองอัครีวนา (Agrevana) ซึ่งแปลว่า เมืองชายป่า เริ่มโด่งดังในฐานะเมืองหลวงของจักรวรรดิโมกุล ที่มีการสร้างโบราณสถานสำคัญๆหลายแห่งหนึ่งในนั้นคือ ป้อมอักรา หรือ Agra Fort ที่เป็นเสมือนโศกนาฏกรรมของ พระเจ้าชาห์ ชหานชีร์ ที่ถูกพระโอรส คือ พระเจ้าออรังเซบ ยึดอำนาจแล้วจับพ่อไปขังไว้ในป้อม สิ่งที่พระเจ้าชาห์ ชหานชีร์ ทำได้ในช่วงเวลาสุดท้าย คือ การเฝ้ามองทัชมาฮาลผ่านกระจกสะท้อนด้วยความรักต่อพระนางมุมตัช จนสิ้นพระชนม์ หลายคนอาจชื่นชมความสวยงามของทัชมาฮาล แต่ในแง่มุมการสะท้อนเงาแห่งอดีตแล้ว อักรา ฟอร์ต น่าจะเป็นสถานที่ที่บอกเล่าเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์โมกุลได้ดีกว่าทัชมาฮาลสายการบินไทยสมายล์ นำเราสู่ดินแดนและเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ในเมืองอักรา ผ่าน อักรา ฟอร์ต (Agra Fort) ป้อมปราการขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบอักระ เดิมเคยใช้เป็นป้อมทหาร แต่เปลี่ยนมาเป็นพระราชวังในภายหลัง ตัวป้อมปราการมีลักษณะคล้ายกำแพงหินสีแดง ตั้งเด่นตระหง่านสูงกว่า 20 เมตร เป็นแนวยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร ภายในมีการตกแต่งห้องอย่างสวยงามด้วยหินอ่อนแกะสลักฝังโดยรอบ มองจากภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร สำหรับอักรา ฟอร์ต แต่เมื่อเข้าไปด้านในจะพบกับสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม บอกถึงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ราชวงศ์โมกุลสมัยก่อนไม่ว่าจะเป็น ดิวัน-อิ-อัม (Diwan-i-Am) หรือท้องพระโรง ที่ใช้สำหรับออกว่าราชการ ท้องพระโรงแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ บัลลังก์นกยูงทอง (Peacock Throne) ที่ว่ากันว่ามีความงดงามมาก เมื่อเดินผ่านท้องพระโรงด้านนอกเข้าไปจะพบกับ ดิวัน-อิ-กัส (Diwan-i-Khas) หรือท้องพระโรงส่วนพระองค์ ที่ใช้สำหรับต้อนรับกษัตริย์จากเมืองอื่นๆ คณะทูตานุทูต และแขกสำคัญเป็นการส่วนพระองค์ลึกเข้าไปด้านใน เป็น หมู่พระราชมณเทียรทอง ของ เจ้าหญิงชะฮันนารา เบกุม ซาฮิบ (Jahanara Begum Sahib) และ เจ้าหญิงรชนารา เบกุม (Roshanara Begum) พระราชธิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ ชหานชีร์ เป็นพระราชมณเทียรที่ตกแต่งอย่างงดงาม มีหลังคาทรงกระท่อมแบบเบงกาลี บริเวณโดยรอบยังมี อันกุรี บักห์ (Anguri Bagh) หรือสวนองุ่นที่จัดเรียงอย่างสวยงาม มักคี ภาวัน (Macchi Bhawan) หรือหมู่อาคารที่เป็นที่ตั้งของฮาเร็ม บางจุดเคยมีสระน้ำและน้ำพุต่าง นอกจากนี้ยังมี โนบัต กานา (Naubat Khana) หรือหอกลอง สถานที่ที่กษัตริย์และพระราชวงศ์จะเสด็จมาประทับเพื่อทรงฟังดนตรี ในช่วงที่อังกฤษปกครองอินเดีย ราวปี พ.ศ.2378 ได้มีการตั้งระบบการปกครองขึ้น เรียกว่า “เพรสิเดนซีแห่งอักรา” (Presidency of Agra) ทำให้อักรากลายเป็นที่ตั้งของหน่วยราชการต่างๆ ในช่วงนั้นเมืองอักรา ถือเป็น แหล่งงานฝีมือการฝังหินสีหรืออัญมณีลงในหินอ่อนที่เรียกว่า อินเลย์ (inlay) ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากเปอร์เซียต่อเนื่องมาจนถึงจักรวรรดิโมกุล มีบันทึกว่า ตามช่องหินต่างๆที่ว่างเปล่าบนทัชมาฮาล อดีตเคยมีอินเลย์ฝังอยู่ แต่ถูกรื้อออกตอนที่อังกฤษเข้ามาปกครอง ทำให้อินเลย์เหล่านี้ถูกขนกลับไปอังกฤษจนเกลี้ยง แต่ด้วยความที่สุดยอดช่างฝีมือการแกะสลักอินเลย์ของชาวอักรา ปัจจุบันชาวอักรายังคงมีอาชีพฝังหินสีหรืออัญมณีลงในหินอ่อน สามารถซื้อเป็นของที่ระลึกได้ หากทัชมาฮาลเป็นอนุสรณ์ความรักอันยิ่งใหญ่แล้ว อักรา ฟอร์ต ก็น่าจะเป็นทั้งอนุสรณ์ของความยิ่งใหญ่และโศกนาฏกรรมความรัก...ที่น่าจดจำเรื่องหนึ่งของโลก.