ทางอีสานฉบับส่งท้ายปี มีเรื่องสาระน่ารู้ลุ่มลึกมากมาย... ผมอ่านคอลัมน์ห้องศิลป์อีสาน เรื่อง คิดถึง อ.เปลื้อง ฉายรัศมี ชายดื้อผู้ถือกำเนิดโปงลาง ธีรภาพ โลหิตกุล เขียน อ่านแล้วหัวใจเต็มอิ่มความรู้เดิมๆ “เกราะลอ” ชาวบ้านใช้ตีไล่นกไล่กา ตามท้องไร่ปลายนา พวกนายฮ้อยใช้ตีให้สัญญาณในการคุมขบวนวัวควายระหว่างเดินทางความรู้ใหม่ ชาวอีสานเชื่อว่า ใครเอาเข้ามาเคาะในหมู่บ้าน จะเกิดอาถรรพณ์ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ความอดอยากที่จะมาเยือน เนิ่นนานมา เกราะลอจึงเป็นของ “ต้องห้าม” แขวนไว้ตามเถียงนามีตำนานเล่า ท้าวพรหมโคตร อพยพข้ามโขงจากฝั่งลาว ประดิษฐ์เกราะลอขึ้น โดยเลียนแบบเกราะลอเดิม ที่ผู้ใหญ่บ้านเคาะเรียกลูกบ้านประชุมเกราะลอทำจากไม้หมากเลื่อมลูกเดียว ถูกนำมามัดเรียงด้วยเถาวัลย์ รวมกัน 6 ลูก เอาไปใช้ตีไล่ฝูงนกกาที่จิกกินข้าวในไร่นา ตีได้ 5 เสียง เทียบกับโน้ตสากล ซอล ลา โด เร มี แล้วก็ใช้ตีเป็นเพลงคลายเหงาของหนุ่มอีสานราวปี 2490 เปลื้อง ฉายรัศมี หนุ่มกาฬสินธุ์ พัฒนาเกราะลอ เปลี่ยนจากไม้หมากเลื่อม มาเป็นไม้มะหาด ไม้เนื้อแข็ง ไม่บวมง่าย ตีแล้วเสียงดังกังวาน แล้วค่อยๆเพิ่มลูกเป็น 13 ลูก ทำให้บันไดเสียงเพิ่มเป็น 6 เสียงคือเพิ่มเสียง ฟา สามารถบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีอื่นๆได้ไพเราะ และเป็นสากลมากขึ้นชาวบ้านเรียก หมากกลิ้งกล่อม หมากเตอะเติ่น หมากขอลอเล่าขานกันว่า ชาวอีสานบอกเล่าความในใจออกมาทางเสียงแคน ทว่าลายเสียงแคนค่อนข้างเศร้าสร้อย แคนจึงสะท้อนด้านที่โศกเศร้าเกราะลอเป็นตัวแทนของความสนุกสนานม่วนซื่นโฮแซว ได้ยินเสียงครั้งใด ให้รู้สึกครึกครื้นจนออกอาการขยับเท้า ส่ายหัว เขยื้อนเอว ไปตามลายเพลงเย็นย่ำวันทีที่ลายเพลงโปงลางเย้ายวนใจ ธีรภาพ โลหิตกุล รอนแรมไปค้อมคารวะ อาจารย์เปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) พ.ศ.2529 ถึงกาฬสินธุ์เขาแปลกใจ แท้ที่จริง โปงลาง ดนตรีพื้นบ้านอีสาน ที่ต่อมาโด่งดังไปถึงเมืองต่างด้าวท้าวต่างแดน คืออัญมณีน้ำงาม ที่พัฒนาขึ้นมาจากดินตม ในท้องไร่ปลายนาธีรภาพ บอกว่า ความดื้อของ เปลื้อง ฉายรัศมี หนุ่มอีสาน ผู้หลงเสน่ห์เสียงเคาะเกราะลออย่างหัวปักหัวปํา เขาเฝ้าเพียรเรียนวิธีทำเกราะลอ ต่อลายเพลงจากผู้เฒ่าและสำคัญที่สุด คือ ความกล้า กล้าฝืนความเชื่อชาวบ้าน นำเกราะลอเข้ามาตีเล่นในหมู่บ้านเป็นคนแรกไม่มีใครจำได้ ปีนั้นฝนฟ้าเป็นอย่างไร จำได้กันแต่ว่า ต่อมาไม่นาน เกราะลอก็เริ่มเป็นที่นิยม เปลื้อง ฉายรัศมี สร้างสรรค์เพลงไพเราะกินใจขึ้นมาใหม่ลายเพลงลมพัดพร้าว นกไซบินข้ามทุ่ง ไล่งัวขึ้นภู หรือลายกาเต้นก้อน ฯลฯคำเรียก “เกราะลอ” เปลี่ยนมาเป็น “โปงลาง” ที่แปลว่า “เครื่องตีเพื่อบอกเหตุแห่งความรื่นเริง” กลายเป็นภาพลักษณ์ทาง ดนตรีของชาวอีสาน ในสายตาชาวโลก ควบคู่ไปกับเสียงพิณเสียงแคนครูเปลื้อง ฉายรัศมี ตายเมื่อ 2 ธ.ค.2550 แต่เสียงโปงลางยังคงดังกังวาน กล่อมหัวใจชาวอีสานต่อไปถ้าไม่มีหนุ่มกาฬสินธุ์ กล้าแหกขนบเกราะลออาถรรพณ์ ... เอาเข้ามาตีในบ้านจะเกิดฝนแล้ง...โลกก็คงไม่มีเครื่องดนตรีไพเราะชิ้นใหม่ความกล้าที่บางสถานการณ์ถูกเรียก “ความดื้อ” เหมือนพรรคการเมืองหนุ่มสาวพรรคหนึ่ง...ที่กำลังถูกทดสอบบทเรียนแห่งความดื้อ...ซึ่งไม่แน่นักว่า พวกเขาอาจจะสร้างสรรค์สิ่งดีๆสิ่งที่งดงาม แปลกใหม่ผมไม่แน่ใจ ผู้เฒ่าที่เป็นขื่อแปบ้านเมือง จะเข้าใจและมองมุมนี้ด้วยความเมตตามากน้อย.กิเลน ประลองเชิง