‘ประธานชวน’ เชือด มงคลกิตติ์ พลิกลิ้น หลังการแถลงข่าว! โชว์เครื่องตรวจบึม บิ๊กตู่แบ่งรับแบ่งสู้ไปแจง กมธ.ป.ป.ช.“ประยุทธ์” ส่ายหัวเซ็งสื่อจิกถามเมินแจง กมธ.ป.ป.ช.บอกไม่ต้องกลัวถ้าต้องไปก็ไป ถกสภากลาโหมสั่ง ผบ.เหล่าทัพเตรียมข้อมูลตอบฝ่ายค้านถล่มงบฯทหาร “เสรีพิศุทธ์” ซัด “ดิสทัต” เสียมารยาทเล่นแง่แทนนาย กมธ.ไม่รับหนังสือ สลน.ส่งเทียบเชิญซ้ำ 6 พ.ย. บี้ ป.ป.ช.ส่งเอกสารคดีนาฬิกาหรู “อนุดิษฐ์” รอซักฟอกรัฐบาลด้อยประสิทธิภาพ-ปล่อยทุจริต โอ่มีหมัดเด็ดน็อก-ขยี้ซ้ำปมแผลเก่า “มงคลกิตติ์” งานเข้าแถลงข่าวนำทีเอ็นทีผ่านเข้ารัฐสภาฉลุย อวดสรรพคุณเครื่องตรวจระเบิดรุ่นใหม่ “ชวน” ฉุนสั่งเข้มอย่าให้เกิดขึ้นอีก สั่งสอบให้ฝ่ายกฎหมายเอาผิด “เต้” พลิกลิ้นโร่แจงแค่สารประกอบ ศาลอาญาคดีทุจริตรับเรื่องฟ้อง 7 เสือ กกต.ละเว้นไม่ตรวจสอบคุณสมบัติ “แคนดิเดตนายกฯตู่” ด้านทนายวิญญัติบอกประชาชนพบช่องทางฟ้อง ม.157 ตรวจสอบองค์กรอิสระพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ถึงกับส่ายหัวเบื่อหน่ายเมื่อถูกสื่อมวลชนซักถามว่าจะไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธานส่งหนังสือเชิญหรือไม่ ขณะที่ กมธ. ป.ป.ช.มีมติไม่รับหนังสือสอบถามจากเลขาธิการนายกฯ พร้อมออกหนังสือเรียกนายกฯไปชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 6 พ.ย. “ประยุทธ์” โต้ครหาอยู่ 5 ปีไม่มีผลงานเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ต.ค.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานรัฐบาลดิจิทัลและมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล หน่วยงานภาครัฐกับความพร้อมไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล “ Digital Government Award 2019” จัดโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล องค์การมหาชน จากนั้นนายกฯกล่าวปาฐกถาพิเศษ “รัฐบาลดิจิทัล : กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ” ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญปรับเปลี่ยนทุกหน่วยงานให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล เพื่อทันการเปลี่ยนแปลงของโลก หลายคนบอกว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน เรามีผลงานเยอะแยะ พยายามทำให้ดีขึ้น ถ้าเราไม่ทำมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว วันนี้ยังไม่รู้ว่าประเทศยืนอยู่จุดไหน ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ตอบสนองนโยบายรัฐบาลยกเลิกใช้สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกบริการประชาชน ลดความขัดแย้งกระทบ กระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนได้ และสร้างความเชื่อมั่นความไว้วางใจในงานภาครัฐดีขึ้น หน่วยงานที่ยังไม่พร้อมขอให้เร่งดำเนินการสั่งปรับถ่ายรูปบัตร ปชช.ให้เหมือนจริงนายกฯกล่าวว่า วันนี้ทุกประเทศกำลังพัฒนาไปสู่ความเป็นรัฐบาลดิจิทัล เราไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีเดิมได้อีกต่อไป ภาครัฐได้ขับเคลื่อนนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาบริหารงาน มาบริการประชาชน ขอฝากหน่วยงานราชการรับฟังข้อมูลจากประชาชนอีกทางด้วยพอใจแค่ไหน ต้องดูในโซเชียลมีเดียด้วย เพราะสังคมโซเชียลแรง ดูกฎหมายเร่งสร้างความเข้าใจประชาชนควบคู่กันไป ความต้องการของมนุษย์ไม่มีวันสิ้นสุด สำคัญฝากหน่วยงานที่รับผิดชอบทำบัตรประชาชนให้ปรับปรุงการถ่ายภาพประชาชนให้เหมือนกับตัวจริง พบมีการนำบัตรไปใช้กับเครื่องอ่านบัตรแล้วแสดงผลไม่ได้ เพราะรูปถ่ายที่ปรากฏไม่เหมือนตัวจริง ส่งผลต่อการตรวจสอบและใช้บริการลั่นไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว-อ้อนขอกำลังใจนายกฯกล่าวว่า การทำงานภาครัฐวันนี้เดินถอยหลังไม่ได้แล้ว ต้องเดินไปข้างหน้า ต้องมีหัวหอก พวกซ้ายขวาต้องดู พวกหางหอกก็ต้องดูเดี๋ยวใครชักหอกไปข้างหลังอีก บางอย่างแก้ปัญหาแล้วต้องตรึงไว้ ทางทหารเรียกว่าตรึงไว้ เพื่อให้กองกำลังขนาดใหญ่ไปข้างหน้าได้ ต้องมีหน่วยลาดตระเวน มีหน่วยล่วงหน้าเคลียร์เส้นทาง รางวัลในวันนี้ถือเป็นกำลังใจทุกคน ตนก็ต้องการกำลังใจไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ยิ่งมีปัญหายิ่งต้องทำ เอาปัญหาประชาชนมาแก้และต้องสร้างความเข้าใจ ทุกประเทศแย่เหมือนกัน วันนี้ทุกคน ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ไม่ใช่กระทรวงโน้นกระทรวงนี้ทำดีเฉพาะตัวเอง แต่เชื่อมกระทรวงอื่นไม่ได้เลย ไม่ต้องการให้แข่งขันกันอย่างนี้ ทุกคนต้องรักกัน ขัดแย้งไม่ได้ เรื่องใดขัดแย้งต้องหยุดไว้ก่อนแล้วคุยกันคล่อยๆคลี่คลาย ถ้ายึดเอาซ้ายเอาขวา เอาตัวเอง ประเทศเดินไม่ได้ส่ายหัวถ้าต้องไปก็ไปชี้แจง กมธ.ต่อมาเวลา 10.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แนะนำว่าควรให้ความร่วมมือเมื่อคณะกรรมาธิการของสภาฯมีหนังสือเชิญเข้าชี้แจง หลังคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธานเชิญนายกฯไปชี้แจงกรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ทั้งที่ ครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ทันทีที่นายกฯได้ยินคำถามได้ส่ายหน้าแสดงความเบื่อหน่าย พร้อมกล่าวว่า “ถ้าไปก็ต้องไป” เมื่อถามว่าหารือกับฝ่ายกฎหมายหรือยัง นายกฯกล่าวว่า“เอาเหอะน่า อะไรที่ทำได้ผมก็ทำอยู่แล้วแหละ ไม่ต้องกลัวหรอกขอบคุณๆ ผมรับไว้พิจารณาอยู่แล้ว”สั่ง ผบ.เหล่าทัพรับมือถล่มงบฯทหารช่วงบ่ายที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม จากนั้น พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า นายกฯสั่งการแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือเฟกนิวส์ ขอให้เหล่าทัพติดตามข้อมูลอันเป็นเท็จและรีบทำความเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง ให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เผยแพร่เฟกนิวส์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และย้ำให้สนับสนุนการจัดประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียนซัมมิต) และการประชุมที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อย รวมถึงได้สั่งการให้ ผบ.เหล่าทัพเตรียมพร้อมชี้แจงงบฯปี 63 ต่อสภาฯถึงความจำเป็นเหตุผลการใช้งบฯหรือ กมธ.ที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าจะใช้กลไกสภาฯชี้แจงทำความเข้าใจเหตุผลและความจำเป็นการใช้งบฯของกระทรวงกลาโหม จะไม่พูดผ่านสื่อให้เกิดการโต้ตอบกันไปมา มีรายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ย้ำในที่ประชุมสภากลาโหมให้ ผบ.เหล่าทัพเตรียมพร้อมชี้แจงงบฯของแต่ละเหล่าทัพ เพราะอาจจะโดนหนักหน่อย เนื่องจากตนเป็นนายกฯมาจากทหาร “วิษณุ” ยักท่ารอ กมธ.ป.ป.ช.ตอบก่อนที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึง เรื่องนี้มันมีคำตอบ แต่ไม่อยากตอบขณะนี้ อยู่ระหว่างสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)ขอความชัดเจนจาก กมธ.ว่าจะเอาอะไรกันแน่ ชัดเจนแล้วถึงให้นายกฯตัดสินใจอีกครั้ง เพราะหนังสือที่ กมธ.มีมาไม่ชัดเจนบางอย่างเมื่อถามว่าการถวายสัตย์ฯ และการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 อยู่ในอำนาจของ กมธ.ชุดนี้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คงต้องถาม กมธ.เองหรือสภาฯมากกว่า เหตุนี้รัฐบาลจึงสอบถามไป เมื่อถามว่ารัฐบาลถามไปเพราะคิดว่าไม่เข้าข่ายจะเรียกได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ใครมองก็น่าสงสัยอยู่ แต่ถ้าเขายืนยันกลับมาอย่างไรจะได้พิจารณาอีกที ยังไม่ขอตอบถึง พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ยังไม่ถึงขั้นนั้น คำตอบจาก กมธ.จะนำมาพิจารณาว่าจะไปหรือไม่ไป เป็นอย่างที่ประธานสภาฯแนะนำหลักคือให้ความร่วมมือ แต่การจะร่วมมือต้องเป็นอำนาจหน้าที่ ความสะดวกและความเหมาะสม นำมาประกอบแล้วค่อยว่ากันไป ตอนนี้เข้าสู่เขตของการให้ความร่วมมือ แต่ยังไม่ เพราะ กมธ.ต้องการให้ไปชี้แจง เมื่อยังไม่ได้ไปชี้แจงก็ยังไม่ได้ให้ความร่วมมือทุกอย่างที่พูดหรือจะทำจะคิดต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ทุกเรื่องในทุกอิริยาบถ คือต้องมีสติ “เสรีพิศุทธ์” ซัด “ดิสทัต” เสียมารยาทเมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาฯ กล่าวถึงกรณีนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ ส่งหนังสือสอบถามมายัง กมธ.ป.ป.ช.ถึงการเรียก พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาชี้แจงต่อ กมธ.กรณีการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2563 เกี่ยวข้องกับการทุจริตอย่างไร ว่า ยังไม่เห็นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ได้รับทราบจากรายงานแล้ว ยืนยันว่า กมธ.ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 วรรค 4 เชิญ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจง การออกหนังสือเชิญเป็นมติ กมธ.ไม่ใช่ความเห็นประธานคนเดียวพิจารณารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของ กมธ.กับผู้ถูกเชิญเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับบุคคลที่ 3 บุคคลอื่นไม่สามารถส่งหนังสือมาสอบถามลักษณะนี้ได้ เลขาธิการนายกฯถามเป็นเรื่องที่นายกฯและรองนายกฯต้องมาตอบเอง บุคคลอื่นมาสอบถามแทนเป็นเรื่องเสียมารยาท ความรู้ก็มี การศึกษาก็มี แต่ไม่รู้จักหน้าที่ตัวเองเหน็บผู้นำใช้คนแบบนี้ถึงเจ๊งไปหมดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบว่า ยืนยันว่า กมธ.จะเชิญนายกฯและรองนายกฯมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ได้ และจะเชิญบุคคลอื่นอีกด้วย ที่ระบุว่านายกฯไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงก็ได้ เพราะไม่ใช่ข้าราชการประจำยืนยันว่าไม่มีข้อยกเว้น ให้ไปดูรัฐธรรมนูญมาตรา 129 ใช้คำว่าเชิญบุคคลใด ยกเว้นเพียงผู้พิพากษาที่กำลังพิจารณาคดี เมื่อถามว่าในหนังสือของเลขาธิการนายกฯ ถามว่าเหตุใดจึงมีปัญหาแค่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 แต่ไม่มีปัญหาในร่าง พ.ร.บ.อื่น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบว่า บุคคลดังกล่าวถามตนไม่ได้ ไม่ใช่หน้าที่เขา คนอื่นจะตอบได้เพียงแค่นายกฯ ไม่ว่างหรือติดภารกิจเท่านั้น นายกฯใช้คนแบบนี้เหรอ ถึงว่าเจ๊งไปหมดกมธ.ไม่รับหนังสือ สลน.เรียกอีก 6 พ.ย.ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เป็นประธานการประชุม กมธ.ป.ป.ช. มีวาระการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 แต่ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรไม่ได้มาชี้แจงต่อ กมธ. ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า กมธ.พิจารณากรณีนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ ทำหนังสือถึง กมธ.สอบถามถึงการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจงถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 แล้วมีมติไม่รับพิจารณาหนังสือดังกล่าวของ สลน.ยืนยันจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจงอีกครั้งวันที่ 6 พ.ย. พล.อ.ประวิตรได้ทำหนังสือขอเลื่อนมายัง กมธ.ระบุว่าติดภารกิจเร่งด่วนไม่สามารถมาชี้แจงได้ พร้อมกับชี้แจงมาสั้นๆ แต่ กมธ.พิจารณาแล้วต้องการคำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เขียนมาสั้นๆแค่ 3 บรรทัดเปรยเคยเห็น รมต.ทุจริตงบฯติดคุกไหมเมื่อถามว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 เกี่ยวข้องกับการทุจริตอย่างไร จึงต้องเชิญนายกฯมาชี้แจง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบว่า ไม่ขออธิบายตรงนี้ แต่จะซักถามใน กมธ. เคยเห็นรัฐมนตรีติดคุกเพราะการทุจริตงบประมาณหรือไม่ จะโยงให้เห็นว่าทุจริตงบประมาณกันอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรจะมาหรือไม่เป็นเรื่องของทั้งสองคน นายกฯตัดพี่ตัดน้องกับตน แต่ตนยังไม่ตัดเลยเรียกมาชี้แจงซักถาม คุยกันฉันพี่น้องบี้ ป.ป.ช.ขอเอกสารคดีนาฬิกาหรูพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ กมธ.ยังพิจารณากรณีนายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นเรื่องให้ กมธ.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร กมธ.มีมติให้ทำหนังสือถึงเลขาธิการ ป.ป.ช.เพื่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวมาศึกษา ให้ส่งต่อ กมธ.ภายในวันที่ 15 พ.ย. จากนั้น กมธ.จะตั้งคณะทำงานตรวจสอบต่อไป เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนสงสัยในมติ ป.ป.ช. ทำให้เกิดบรรทัดฐานยืมเพื่อนไม่ต้องชี้แจง ผิดเพี้ยนไปหมด ทั้งที่การยืมคือการเป็นหนี้ แต่กลับไม่ต้องชี้แจง ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ถูกร้องเรียนวางตัวใช้ตำแหน่งหน้าที่ไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง และกรณีความไม่โปร่งใสการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม กรมประชาสัมพันธ์ ได้รับเอกสารครบถ้วนแล้ว จะตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบต่อไป “บิ๊กป๊อก” ขำๆพร้อมแจง กมธ.ทุกคณะเมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาฯ มีนายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงถึงการใช้งบฯแก้ไขและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดการใช้งบฯปี 62 ว่าพื้นที่ภัยพิบัติ 74 จังหวัด มี 72 จังหวัดได้รับงบฯจังหวัดละ 200 ล้านบาท มีจ.สุรินทร์ และ จ.อุบลราชธานี ได้จังหวัดละ 500 ล้านบาท ยืนยันว่าใช้จ่ายงบฯเป็นไปตามขั้นตอน ได้รับความเห็นและข้อเสนอแนะจาก กมธ.ที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการทำงานที่ต้องละเอียดรอบคอบมากขึ้น เมื่อถามว่าการมาแจง กมธ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมควรปฏิบัติตามด้วยหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ไม่เพียงแต่หัวเราะและกล่าวว่า “มาถามอะไรผม ผมพร้อมมาชี้แจงทุกคณะ”“วิสาร” จองกฐินไม่ไว้วางใจ มท.1นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในที่ประชุม กมธ.ป้องกันสาธารณภัยฯ พล.อ.อนุพงษ์ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะเข้าชี้แจงข้อมูลงบฯ 15,800 ล้านบาท แก้ภัยแล้งและน้ำท่วม พล.อ.อนุพงษ์ชี้แจงได้ระดับหนึ่ง ยืนยันว่างบฯกระทรวงมหาดไทยโปร่งใสไม่มีคอร์รัปชัน ส่วนการใช้จ่ายงบฯไม่เหมาะสม พล.อ.อนุพงษ์อ้างว่าเป็นเรื่องที่สำนักงบประมาณดำเนินการ ไม่ได้เป็นผู้กำหนดว่าจังหวัดใดควรได้เท่าไหร่ กมธ.จะเร่งตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไป โดยเฉพาะโครงการถนนพาราซอยซีเมนต์ที่กันงบฯไว้หลายพันล้านบาท กระทรวงมหาดไทยคงจะเป็นหนึ่งกระทรวงที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน กังขา พณ.กู้ 200 ล้านซื้อตึกหรูที่สวิสนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบฯปี 63 กล่าวว่างบฯของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งไว้ 7,500 ล้านบาท ยังมีข้อสงสัยหลายประการที่ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ตอบคำถามไม่ชัดเจน เช่น การใช้งบฯ 203 ล้านซื้อที่ดินพร้อมอาคารที่ทำการคณะผู้แทนการค้าไทยถาวรประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญา ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์คุ้มค่าหรือไม่ ขณะที่อาคารหลังนี้เช่ามาเป็นเวลา 24 ปีแล้ว จึงต้องพิจารณาว่าจะเอางบฯจากการกู้ไปซื้อจะคุ้มดอกเบี้ยและค่าดูแลที่ต้องเสียหรือไม่เทียบกับค่าเช่า ภายใต้สถานการณ์ของประเทศและประชาชนกำลังเดือดร้อน ไม่เหมาะสมจะใช้จ่ายเงินไหลออกไปต่างประเทศโฆษก พท.ไล่ไปสอบ “ไก่อู” กุข่าวเท็จนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกฯขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งข่าวปลอมเข้ามาจะได้สอบสวนสืบสวนหาต้นตอว่านายกฯควรเริ่มต้นโดยตั้งกรรมการสอบสวน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ถูกร้องเรียนประพฤติมิชอบไม่เป็นกลางทางการเมือง หากกระทำจริงถือว่าเป็นต้นตอผลิตและเผยแพร่ข่าวปลอมหรือไม่ รวมถึงการใช้งบฯ 25,166,800 ล้านบาท จัดซื้อจัดจ้างการก่อสร้างอาคารอย่างเร่งรีบ ต้องตรวจสอบว่ารับเงินจากบริษัทผู้รับจ้างเพื่อเร่งรัดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำเรื่องเบิกจ่ายหรือไม่ นายกฯต้องทำให้กระจ่าง อย่าให้ประชาชนเข้าใจว่าศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมตั้งขึ้นเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง “อนุดิษฐ์” รอฉะ รบ.อ่อนด้อย-ปล่อยโกงน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ขณะนี้ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อมาสรุปหลังเปิดสมัยประชุมสภาฯสมัยสามัญวันที่ 1 พ.ย. ข่าวที่ว่าฝ่ายค้านตั้งเป้าอภิปรายรัฐมนตรีคนนั้นคนนี้จึงมีมูลความจริงส่วนเดียว ยังไม่ได้ล็อกเป้าใครเป็นพิเศษ การอภิปรายไม่ไว้วางใจหลักๆแล้วจะมี 2 ประเด็น คือประเด็นแรกการบริหารขาดประสิทธิภาพ ไม่ตรงตามที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาฯ จำเลยที่ 1 ที่ต้องรับผิดชอบคือตัวนายกฯที่แต่งตั้งบุคคลเหล่านี้มาและเป็นคนกำกับดูแลการทำงาน ประเด็นที่ 2 คือการทุจริตคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในกระทรวงต่างๆ จำเลยที่ 1 จะเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงที่ปล่อยปละละเลยหรืออาจมีส่วนกับการทุจริต จำเลยที่ 2 คือเป็นนายกฯที่มีหน้าที่ดูแลการทำงานรัฐบาลในภาพรวมโอ่มีหมัดเด็ดน็อก-ขยี้ซ้ำแผลเก่าน.อ.อนุดิษฐ์กล่าวอีกว่า ที่บอกว่าข่าวที่ออกมามีมูลเพียงส่วนหนึ่งเพราะที่ผ่านมามีหลายคำถามที่สภาฯถามนายกฯไปและไม่ได้รับคำตอบ เช่น การถวายสัตย์ปฏิญาณ หากมีการอภิปรายขึ้นมาจะหยิบยกเอาคำถามต่างๆที่นายกฯยังไม่ตอบมาถามแน่นอน ส่วนการล็อกเป้ารัฐมนตรีนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงของกระทรวงต่างๆ เรามีข้อมูลครบถ้วนชัดเจนพอสมควร แต่จะตัดสินใจยื่นอภิปรายหรือไม่และล็อกเป้ารัฐมนตรีคนใดเป็นพิเศษต้องขึ้นอยู่กับผลการประชุมของพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าถ้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในปีปฏิทินนี้เรามีหมัดเด็ดแน่นอน แต่จะพูดว่าจะอภิปรายใครประเด็นใดบ้างจะเปิดเผยเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมชี้สมาชิก อนค.ออกเเค่ผัวเมียหย่ากันนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีอดีตผู้สมัคร ส.ส.และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ลาออกว่า ยังมั่นใจไม่ใช่เรื่องผิดปกติ บังเอิญเป็นพรรคอนาคตใหม่จึงดูผิดปกติไปมาก บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ตรงกับสิ่งที่เขาคิดหรืออาจไม่ได้ตำแหน่งตามที่เป็นข่าวไปแล้วย้ายไป แต่การมาให้ร้ายพรรคว่าแบ่งชนชั้นยืนยันว่าพรรคให้โอกาสคน เรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนผัวเมียหย่ากัน แต่จะไปล้มสถาบันครอบครัวทำไม่ได้ เมื่อถามว่าพรรคอนาคตใหม่ยังแข็งแรงอยู่หรือไม่ นายคารม กล่าวว่า ไม่คิดว่าพรรคจะไป เพราะอนาคตใหม่เพิ่งเกิดขึ้นและยังไม่เคยเป็นรัฐบาล อุปสรรคที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะอัตลักษณ์ของพรรคที่ไม่ได้ใช้เงินรวมเสียง แต่มาเพราะอุดมการณ์และเปิดโอกาส พรรคจึงได้เรียนรู้ ความกังวลเป็นเรื่องธรรมดา เราเป็น ส.ส.อยากให้พรรคมั่นคงต่อไปเร่งสอบจริยธรรม 7 ส.ส.สวนมติพรรคนายคารมกล่าวว่า ส่วนเรื่องคดีหุ้นวี-ลัคมีเดีย ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินวันที่ 20 พ.ย. ไม่เกี่ยวกับการยุบพรรค แต่เป็นเรื่องของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ส่วนการสอบจริยธรรม ส.ส.โหวตสวนมติพรรค ขณะนี้คณะกรรมการจริยธรรมพรรคกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ทั้งหมด 7 คนเป็นสิทธิของกรรมการบริหารพรรค จะฟังความเห็น ส.ส.เพื่อนำไปประกอบการพิจารณา ส่วนใหญ่มีความเห็นว่ามติที่จะออกมาต้องทำให้พรรคเสียหายน้อยที่สุด และไม่ขัดต่อหลักการของพรรค ส่วนตัวไม่อยากให้ร้ายใคร แต่ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นเหมือนอย่างที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคพูดไว้ว่าถ้าไม่อย่างนั้นไม่รู้จะมีพรรคไว้ทำไม ไม่เช่นนั้นวันหลังใครก็ฝ่าฝืนมติพรรคได้ “เต้” โชว์เครื่องตรวจระเบิดรุ่นใหม่เมื่อเวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการทหาร สภาฯ ได้นำเจ้าหน้าที่อีโอดี 4 คน และตัวแทนบริษัทเอกชน มาแถลงข่าวรับมอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นใหม่จากบริษัทในสหรัฐฯที่จะมอบให้รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 เครื่อง โดยระบุว่าเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดเคลื่อนที่จะใช้ทดสอบในการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในวันที่ 31 ต.ค.-5 พ.ย.ไทยไม่เคยมีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดมีแต่จีที 200 ที่ใช้การไม่ได้ เครื่องรุ่นใหม่นี้ เคยทดสอบที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้ว ตรวจหาทีเอ็นทีครึ่งปอนด์ในระยะ 8 เมตร ถ้าทีเอ็นที 1 กรัมตรวจจับได้ภายใน 30 วินาทีอึ้งคุยนำทีเอ็นทีเข้ารัฐสภาฉลุย“ได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ให้นำระเบิดทีเอ็นทีเข้ามาในรัฐสภา ปรากฏเครื่องตรวจในสภาฯ ไม่สามารถตรวจพบได้ แสดงว่ารัฐสภาแห่งนี้ไม่มีความปลอดภัย ทีมอีโอดีได้นำระเบิดเข้าไปในห้องฝ่ายค้านอิสระหรือห้องทำงานตน อยู่ใจกลางตรงฐานรากที่ประชุมสภาฯ อนาคตถ้าไม่มีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่มีประสิทธิภาพ ใครก็ได้นำระเบิดมาระเบิดใต้ฐานห้องประชุมสภาฯได้เลย ทราบข่าวจากฝ่ายความมั่นคงว่ามีผู้ก่อการร้ายจากภาคใต้ขึ้นมาใน กทม.ที่มีเหตุการณ์หน้า สตช.ประมาณ 100 กว่าคนน่ากังวลมาก ถ้าได้เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดนี้มาใช้จะเรียกคืนความเชื่อมั่นความปลอดภัยได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า เครื่องมูลค่าเท่าใด นายมงคลกิตติ์และตัวแทนผู้ผลิตไม่ยอมบอกราคา กล่าวเพียงว่าเอาเครื่องมาใช้งานก่อน ราคายังไม่พูดถึงยังบอกไม่ได้ “ชวน” ฉุนสั่งสอบให้ฝ่าย ก.ม.เอาผิดต่อมาเวลา 14.50 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวว่า ต้องถามว่าใครเป็นคนมอบหมายให้นายมงคลกิตติ์ทำเบื้องต้นจะติดตามดูว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร แต่ไม่มีการขออนุญาตตนนำสารประกอบวัตถุระเบิดเข้ามาตรวจสอบในสภาฯ ปกติแล้วพื้นที่รัฐสภาต้องดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่อาจไม่เข้มงวดเหมือนทำเนียบรัฐบาลและที่อื่น เพราะมีคนเข้าออกเยอะ ทั้ง ส.ส. ส.ว. กรรมาธิการ ข้าราชการ และผู้มาชี้แจง จะติดตามดูว่าเรื่องเป็นอย่างไร เชื่อว่ามีการตรวจสอบระดับหนึ่งเป็นไปตามระเบียบ แต่ถ้าบังเอิญมีคนมีเจตนาร้ายก็อันตรายนพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ แถลงว่าหลังนายมงคลกิตติ์นำวัตถุบรรจุกล่องอ้างเป็นผงสารตั้งต้นระเบิดผ่านเครื่องสแกนวัตถุระเบิดของสภาฯแต่ไม่ร้องเตือนพร้อมนำเครื่องตรวจระเบิดที่อ้างว่ามีคุณภาพมากมาทดสอบ ไม่แน่ใจว่ามีเจตนาขายของหรือไม่ แต่ประธานสภาฯ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย และนายสุชาติ โรจน์ทองคำ รองเลขาธิการสภาฯ มาสอบถาม กำชับให้ทุกหน่วยงานดูแลความปลอดภัยให้เข้มข้นมากขึ้น อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก หากเป็นสารตั้งต้นวัตถุระเบิดจริง ถือเป็นความผิดรุนแรง นายชวนจึงมอบให้ฝ่ายกฎหมาย สภาฯไปพิจารณาว่าจะดำเนินการกับนายมงคลกิตติ์อย่างไร“สิระ”สับ ส.ส.ทำผิดเองบี้ ผบ.ตร.จัดการนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และโฆษกคณะกรรมาธิการทหาร นำวัตถุต้องห้ามครอบครองเข้าไปในอาคารรัฐสภาเป็นการกระทำผิดกฎหมาย เป็น ส.ส.เป็นสมาชิกรัฐสภามีหน้าที่ในการตรากฎหมายโดยตรง แต่กลับมาทำความผิดเสียเอง ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ ทั้งนายมงคลกิตติ์และเจ้าหน้าที่อีโอดี เพราะถือเป็นความผิดที่สำเร็จแล้วจนท.ระบุเป็นสารตั้งต้นเลยตรวจไม่พบด้านนายอภิรักษ์ บัวทอง เจ้าหน้าที่สำนักรักษาความปลอดภัย สภาฯกล่าวว่า อยู่ในเหตุการณ์ที่นำเครื่องตรวจสารตั้งต้นวัตถุระเบิดมาแถลงข่าว เครื่องตรวจวัตถุระเบิดของสภาฯตรวจสอบไม่พบเพราะเป็นเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ไม่ใช่เครื่องตรวจหาสารตั้งต้น จึงตรวจสอบไม่เจอ รวมถึงสารตั้งต้นที่นำมาปริมาณน้อย เครื่องของสภาฯจึงตรวจจับไม่ได้ ยืนยันว่าระบบรักษาความปลอดภัยของสภาฯได้มาตรฐานแน่นอน ขณะที่นายสุชาติ โรจน์ทองคำ รองเลขาธิการสภาฯ กล่าวว่าได้รับรายงานว่านำผงซีโฟร์สีเหลืองใช้ประกอบทำระเบิดแต่ไม่ใช่ระเบิดจริง เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดสภาฯจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่เจ้าหน้าที่บันทึกภาพไว้หมดแล้ว ถ้าเป็นผงระเบิดจริงเจ้าหน้าที่ต้องจับกุมไว้แล้ว ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่อีโอดีที่มาร่วมแถลงข่าวเป็นเจ้าหน้าที่อีโอดีจริงหรือไม่ ถ้าใช่จะสอบถามหน่วยอีโอดีว่าที่นายมงคลกิตติ์แถลงข่าวเป็นภารกิจที่อีโอดีเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เชื่อว่าหากระเบียบสภาฯ เรื่องการแถลงข่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว การแถลงข่าวหลังจากนี้จะตรวจสอบเข้มข้นมากขึ้น “มงคลกิตติ์” พลิกลิ้นโร่แจงข้อเท็จจริงจากนั้นเวลา 16.00 น. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่นำไปแถลงข่าวที่รัฐสภา เป็นเพียงสารประกอบวัตถุระเบิดคือไนโตรเจนผง ไม่ใช่ระเบิด จะไม่เกิดระเบิดแน่นอน เพราะไม่มีอุปกรณ์อื่นประกอบระเบิด เครื่องตรวจวัตถุระเบิดของสภาฯตรวจสอบไม่พบ เพราะมีหลายระดับ เมื่อถามว่าได้ขออนุญาตสภาฯหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ตอบว่าสารตัวนี้ไม่ผิดกฎหมาย เหมือนไนโตรเจน แคลเซียมอะไรประมาณนี้ เผอิญว่าบริษัทที่อเมริกาต้องการเอาเครื่องมาทดสอบว่าตรวจเช็กสารตั้งต้นได้หรือไม่ จะได้นำไปใช้ในการประชุมอาเซียน ในฐานะกรรมาธิการทหาร สภาฯ จึงขอให้อีโอดีมาช่วยทดสอบที่รัฐสภา จึงไม่ได้ขออนุญาตสภาฯว่าจะนำอุปกรณ์เกี่ยวกับระเบิดเข้ามาในพื้นที่ ที่มีการเตรียมเอาผิดตามกฎหมาย เดี๋ยวจะโทรศัพท์ไปทำความเข้าใจกับ นพ.สุกิจเรามีเครื่องตรวจวัตถุระเบิด แต่ถ้าไม่มีหน่วยอีโอดีมาก็ตรวจไม่ได้หน่วยอีโอดีมีสารประกอบอยู่แล้วเป็นสารเคมี แต่ไม่ใช่ระเบิด เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการประกอบวัตถุระเบิด องค์ประกอบหนึ่งของสารเคมีร้อง กมธ.สอบ กทม.ปิดสถานีวิทยุขณะที่นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำตัวแทนผู้จัดรายการวิทยุและ ประชาชนจำนวนหนึ่ง เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยกล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้จัดรายการวิทยุคลื่น “เอเอ็ม 873 ปชส.7” สถานีวิทยุในสังกัดของกรุงเทพฯ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 ดำเนินรายการตลอด 24 ชั่วโมง ให้บริการข่าวสาร สาระ และประชาสัมพันธ์ของส่วนราชการมานานถึง 60 ปี จนถึงปัจจุบันกลับถูกคำสั่งปิดสถานีวิทยุดังกล่าวอ้างเหตุผลว่าขาดทุน ทั้งที่ปี 63 จะมีการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นทั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.จากการเลือกตั้ง ไม่ใช่แต่งตั้งในยุคทหาร ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันรู้เรื่องคำสั่งให้ปิดสถานีวิทยุแห่งนี้แล้วหรือยัง จะปิดกันง่ายๆเช่นนี้หรือ โดยตัวแทนคณะกรรมาธิการได้รับเรื่องนี้ไว้พิจารณาตรวจสอบต่อไป8 ส.ส.พรรคเล็กรวมพลังตั้งขั้วใหม่ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 12 พ.ย.กลุ่มพรรค การเมืองขนาดเล็กจะแถลงการณ์รวมกลุ่มทางการเมือง 8 ส.ส.จาก 5 พรรค นำโดยพรรคพลังท้องถิ่นไทยที่มี ส.ส. 3 เสียง พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง พรรคประชาธรรมไทย พรรค ครูไทยเพื่อประชาชนและพรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคละ 1 เสียง เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคขนาดเล็กไม่ได้รับความสำคัญจากรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังท้องถิ่นไทยที่มีนายชัชวาลล์ คงอุดม เป็นหัวหน้าพรรค แต่มีสภาพเหมือนตกงานไม่มีงานทำ การจะอภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นใดๆเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในสภาฯทำได้ลำบาก จึงต้องการรวมตัวกันให้ข้อเสนอแนะต่างๆที่จะส่งไปยังรัฐบาลมีพลังมากขึ้นร้อง กกต.สอบ “พิเชษฐ”โอน 1 ล้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันที่ 31 ต.ค. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมืองมาตรา 72 ที่ห้ามรับบริจาคเงิน ทรัพย์สินโดยรู้ว่าได้มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีหลักฐาน สลิปโอนเงิน 1 ล้านบาทของนายพิเชษฐ ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสะพานใหม่ ดอนเมือง ไปยังหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง เมื่อวันที่ 1 เม.ย.62 โดยไม่ทราบเหตุผล ถือเป็นเรื่องผิดปกติมีพิรุธ อาจเป็นการวางมัดจำเพื่อจูงใจให้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นไปได้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ กกต.ต้องสืบเสาะนำความจริงมาเปิดเผย และอาจเข้าข่ายให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้“เสี่ยหมา” เชื่อฝีมือโจทก์เก่านายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีนายศรีสุวรรณเตรียมยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบอ้างว่าได้รับหลักฐานสลิปโอนเงิน 1 ล้านบาทของตนไปยังบัญชี ออมทรัพย์ของหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องปกติ ปล่อยให้เขายื่นไปได้ให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตรวจสอบอยู่เอกสารดังกล่าวหลุดออกมาได้อย่างไรเพราะเป็นบัญชีส่วนตัว “ผมจะให้ใครยืมเงินเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่อง ธรรมดา แต่สงสัยว่าเอกสารหลุดออกมาได้อย่างไร เรื่องนี้เกิดขึ้นเดือน เม.ย.คาดว่าอดีตเลขาฯพรรคผม ที่ถูกผมขับออกจากพรรคติดต่อไปยังนายศรีสุวรรณใช่หรือไม่ ผมมีหลักฐานทางไลน์ที่อดีตเลขาฯติดต่อพูดคุยกับนายศรีสุวรรณ และผมเองก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร มีปัญหาแต่กับอดีตเลขาฯพรรค”ศาลคดีทุจริตรับเรื่องฟ้อง กกต.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลอ่านคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ที่นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ กับพวก ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กับพวก กกต.รวม 7 คน จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่ไม่ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกฯ และร่วมกันออกประกาศ กกต. เรื่องการแจ้งรายชื่อบุคคล ที่พรรคการเมืองจะเสนอให้สภาฯพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกฯ โดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 7 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น คดีนี้เป็นคดีทุจริตและประพฤติมิชอบอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตฯจึงมีคำสั่งให้รับคดีไว้ตรวจฟ้อง นัดฟังคำสั่งในวันที่ 3 ธ.ค.62มีสิทธิฟ้ององค์กรอิสระได้ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความและเลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) กล่าวว่า ในฐานะที่เคยยื่นหนังสือคัดค้านการประกาศรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และขอให้เพิกถอน ชื่อต่อ กกต.และได้ทราบคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยให้คดีฟ้องว่า กกต.เป็นคดีอยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ประชาชนสามารถฟ้องเองได้ ถือเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่รับรองถึงการใช้สิทธิฟ้ององค์กรอิสระต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้โดยตรง แม้โจทก์ที่ยื่นฟ้องคดีปัจจุบันได้เป็น ส.ส.ได้ถอนฟ้อง กกต.ทั้ง 7 คนแล้วก็ตาม แต่คำวินิจฉัยนี้จะเป็นบรรทัดฐานว่าด้วยผู้มีอำนาจฟ้องคดีที่สำคัญต่อไป ถือเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา