วันนี้ (13 ตุลาคม 2562) เป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งสำหรับพสกนิกรชาวไทยทั้งปวงที่ยังรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาโดยตลอดและได้ร่วมกันจัดงานถวายความจงรักภักดีอย่างพร้อมเพรียงทั่งประเทศพระราชกรณียกิจจากโครงการในพระราชดำริต่างๆของพระองค์ท่าน ยังคงก่อประโยชน์อย่างยิ่งยวดต่อพสกนิกรชาวไทย ทั้งในท้องถิ่นทุรกันดารอันห่างไกลและในเมืองใหญ่อันเจริญรุ่งเรือง เช่น กรุงเทพมหานครตราบเท่าทุกวันนี้พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทที่ทรงแนะนำสั่งสอนให้ประพฤติแต่ความดีงาม รู้รักสามัคคีและอุทิศตนแก่ชาติบ้านเมือง ในโอกาสต่างๆยังคงกึกก้องอยู่ในความทรงจำของปวงประชาเสมอมาแม้ ณ กาลปัจจุบันพระองค์ท่านจะเสด็จสู่สรวงสวรรคาลัยครบ 3 ปีแล้ว แต่พสกนิกรชาวไทยยังคงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่เปรียบมิได้อยู่ตลอด และจะสำนึกไปตราบกาลนิรันดร์ โดยไม่มีเสื่อมคลายสำหรับเรื่องราวที่จะเขียนถึงในวันนี้ จะเกี่ยวกับบุคคลสำคัญของโลก ที่ได้รับการยกย่อง โดยยูเนสโกอีกท่านหนึ่ง และเป็นบุคคลที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นเวลายาวนานตราบจนวาระสุดท้ายของบุคคลผู้นี้ได้แก่ ครู เอื้อ สุนทรสนาน หรือที่รู้จักกันในนามของ “สุนทราภรณ์” ผู้ก่อตั้งวงดนตรี “สุนทราภรณ์” อันโด่งดัง ซึ่งทุกวันนี้แม้ตัวคุณครูเองจะจากไปหลายปีแล้ว แต่วงดนตรีของท่านก็ยังคงอยู่ รวมทั้งเพลงต่างๆที่คุณครูแต่งหรือร่วมแต่งไว้กว่า 2,000 เพลง ก็ยังคงความไพเราะและเป็นอมตะ ได้รับการบรรเลงขับร้องจากนักร้องรุ่นหลังๆเรื่อยมา โดยไม่มีวี่แววว่าประชาชนจะหลงลืมเพลงเหล่านี้แต่อย่างใดเลยครูเอื้อเกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2453 ที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2524 และได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในสาขาวัฒนธรรมดนตรีไทยสากล ในวาระครบรอบ 100 ปีชาตกาล เมื่อ พ.ศ.2552ท่านก่อตั้งวงดนตรี “สุนทราภรณ์” เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2482 ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าวงดนตรีกรมโฆษณาการ หรือกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน ครูเอื้อไม่ประสงค์จะใช้วงดนตรีของทางราชการไปรับงานแสดงส่วนตัว จึงได้ดำริจัดตั้งวงดนตรี “สุนทราภรณ์” ขึ้น เพื่อรับบรรเลงตามสถานที่ต่างๆในเวลานอกราชการคำว่า “สุนทราภรณ์” ได้มาจากการนำนามสกุลท่อนแรกของท่าน คือ “สุนทร” มาสนธิกับชื่อสุภาพสตรีอันเป็นที่รักของท่าน ได้แก่ “อาภรณ์” (กรรณสูต) กลายเป็น “สุนทราภรณ์” ซึ่งเป็นทั้งชื่อวงดนตรีและนามแฝงในการขับร้องเพลงของท่านควบคู่กันไปเพลงของสุนทราภรณ์มีทุกแนว นับตั้งแต่เพลงปลุกใจ เพลงสดุดีเทอดพระเกียรติ เพลงประจำสถาบันต่างๆ มาจนถึงเพลงรักเพลงคติธรรมชีวิต ไปจนถึงเพลงรำวงและลีลาศอันสนุกสนานหลายๆเพลงยังคงความอมตะและได้รับความนิยมสืบเนื่องจนกลายเป็นสมบัติของชาติเคียงคู่สังคมไทยตราบเท่าทุกวันนี้ ได้แก่ เพลงเทศกาลต่างๆ เช่น เริงสงกรานต์, รำวงสงกรานต์, รำวงลอยกระทง, สวัสดีปีใหม่, รื่นเริงเถลิงศก, รำวงปีใหม่ ฯลฯ เป็นต้นไม่เพียงแต่จะเป็นที่รู้จักในประเทศไทยเท่านั้น เพลง “รำวงลอยกระทง” ของท่านยังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในฐานะเพลงสัญลักษณ์เพลงหนึ่งของประเทศไทย และเล่ากันว่าในการเสนอชื่อท่านต่อยูเนสโก เพื่อให้ยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกนั้น หากผลงานของบุคคลสำคัญเป็นที่รู้จักในต่างประเทศด้วย ก็จะได้รับการพิจารณา เป็นพิเศษทางฝ่ายไทยจึงแนบเทปเพลง “รำวง ลอยกระทง” ไปด้วย เมื่อเปิดขึ้นคณะกรรมการพิจารณาก็ยิ้มทันที เพราะรู้จักเพลงนี้กันทุกคนครูเอื้อ สุนทรสนาน ได้รับพระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ “มหามงคล” จากในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นเพลงเปิดวงในโอกาสฉลองครบรอบปีที่ 20 แห่งการตั้งวง เมื่อ พ.ศ.2502 และทางวงดนตรีสุนทราภรณ์ก็ได้อัญเชิญบรรเลงเป็นเพลงเปิดวงแม้จนทุกวันนี้เมื่อครั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์มีอายุครบ 30 ปี ใน พ.ศ.2512 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระราชวโรกาสให้ครูเอื้อ สุนทรสนาน นำนักร้อง นักดนตรี และนักเรียนจากโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี เข้าเฝ้า ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม และพระราชทานเหรียญเสมาทองคำ “ภปร.” แก่หัวหน้าวง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นแก่ครูเอื้อในงานฉลอง 70 ปี ของการตั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์ เมื่อ พ.ศ.2552 นาย แก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวังใน พ.ศ.ดังกล่าว ได้กล่าวไว้ว่า “วงดนตรีสุนทราภรณ์ถือเป็นวงในพระราชสำนัก เพราะได้บรรเลงดนตรีถวายต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบปี”เมื่อครูเอื้อถึงแก่กรรม ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพด้วยพระองค์เอง ณ วัดเทพศิรินทราวาส นับเป็นศิลปินคนที่ 2 และคนสุดท้ายที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 80 ของวงดนตรีสุนทราภรณ์ ในเดือนพฤศจิกายนที่จะมาถึงนี้ จะมีการแสดงพิเศษเฉลิมฉลองในวันเสาร์ที่ 23 และวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. ทั้ง 2 วัน ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยมีคุณ เอมอร ศรีวัฒนประภา เป็นประธานจัดงาน และจะมีนักร้องรุ่นใหม่ เช่น กัน-นภัทร, นัททิว และ พริม พริตา มาร่วมด้วย ส่วนนักร้องรุ่นเก่าคู่บารมีของวงสุนทราภรณ์จะมาร่วมหลายท่าน รวมทั้ง สุปาณี พุกสมบุญ วัย 95 ปี และ รวงทอง ทองลั่นธม วัย 82 ปีมีข่าวว่าบัตรจำหน่ายไปเกือบหมดแล้ว ผู้สนใจเข้าร่วมในงานฉลองครั้งนี้ลองติดต่อหาข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการสุนทราภรณ์ 08–1285– 1427 นะครับเผื่อจะมีเหลืออยู่บ้าง.“ซูม”