แรงงานไทยผู้เคยไปทำงานในสาธารณรัฐอิรักก่อน พ.ศ.2523 เล่าให้ฟังตรงกันว่า อิรักเป็นสาธารณรัฐร่ำรวยและสงบ คนอิรักเป็นนายจ้างคนไทยที่เข้าไปปีละถึงหมื่นคนพ.ศ.2544-2560 มีชาวอิรักสูงวัยเวียนกันมาพักที่บ้านของผมในกรุงเทพฯ ผมจึงมีโอกาสได้ฟังเรื่องอิรักสมัยก่อน ตอนที่ยังมีคนไทยไปทำงานในดินแดนนี้ปีละนับหมื่น หลับตาจินตนาการนึกถึงอิรักในสมัยนั้น อิรักก็คงจะยิ่งใหญ่และร่ำรวยไม่แพ้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในสมัยนี้ใครจะนึกเล่าครับ ว่าตั้งแต่อังคารวันที่ 1 ตุลาคม 2562 จนถึงวันที่ผมเขียนต้นฉบับรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพ คนอิรักออกมาประท้วงในกรุงแบกแดดและหลายเมืองทางตอนใต้ทำให้มีคนตายไปเกือบ 100 คน ประท้วงเรื่องไม่มีงานทำ เรื่องคนว่างงานบานเบอะเยอะแยะทั้งประเทศ จิ้มไปตรงไหนก็มีแต่คอร์รัปชัน ผู้คนทนกันไม่ไหว ยอมตายในการประท้วงเพื่อให้ประเทศดีขึ้นอิรักพังเพราะถูกมหาอำนาจเข้าไปเปลี่ยนแปลง โดยบอกกับประชาชนคนทั้งโลกว่า พวกตนจะเข้าไปทำให้อิรักดีขึ้น ทว่าเวลาผ่านไป 16 ปี ประเทศกลับแย่ลง พวกที่ก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนคนอิรักคือ สหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ที่ร่วมมือกันเข้าไปทำปฏิบัติการ Operation Iraqi Freedom ใช้กำลังบุกเข้าไปโจมตีอิรักระหว่าง 20 มีนาคม-1 พฤษภาคม 2546สำหรับคนที่สนใจการเมืองระหว่างประเทศ การโจมตีอิรักในครั้งนั้นไม่ถูกกฎหมายและไม่มีความชอบธรรม เพราะเป็นการอ้างมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแบบหมาป่ากับลูกแกะ มติของคณะมนตรีความมั่นคงฯ บางข้อในอดีต ให้แนวแต่เพียงว่า หากอิรักไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของมติที่สั่งอิรักให้ความร่วมมือโดยไม่มีข้อแม้ต่อมาตรการการตรวจค้นอาวุธทำลายล้างร้ายแรง สหประชาชาติก็มีสิทธิที่จะพิจารณาการบังคับอิรักให้ปฏิบัติการโดยใช้กำลังได้ข้อเท็จจริงคือ สหประชาชาติส่งคนเข้าไปตรวจอาวุธเป็นร้อยครั้งก็ไม่เคยพบอาวุธทำลายล้างร้ายแรงหรืออาวุธเคมีชีวภาพแต่อย่างใด ทั้งที่ไม่เจออาวุธ แต่สหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ก็ยังฝ่าฝืนกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศโดยโจมตีอิรัก ตอนที่จับและฆ่าลูกชายของซัดดัม ฮุสเซน 2 คนคือ อุดอย และกุซอย รวมทั้งจับซัดดัม ฮุสเซน ได้ สหรัฐฯตะโกนก้องร้องโม้ว่า สันติภาพ ประชาธิปไตย และความมั่นคงจะเกิดขึ้นในอิรักอย่างแท้ แน่นอนแล้วแต่สถานการณ์กลับรุนแรงเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง ตอนที่สหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย บุกอิรักเมื่อ พ.ศ.2546 พ่อผมก็อยู่ในเหตุการณ์ทั้งที่ซีเรียและอิรัก และวิจารณ์การใช้กำลังในคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลก เช่นเดียวกับเยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน ที่ไม่เห็นด้วยยังจำได้ว่าอดีตประธานาธิบดีชัค ชีรัก (เพิ่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ 26 กันยายน 2562) ของฝรั่งเศส ก็ค้านสหรัฐฯและพันธมิตร แถมยังทำนายทายว่าการกระทำของสหรัฐฯและพันธมิตรจะสร้างความเลวร้ายหายนะให้คนอิรักอย่างร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์หลายพันปีแล้วก็เป็นความจริงตามที่ท่านชัค ชีรัก กล่าวไว้ สถานการณ์ในอิรักเละเทะลงไปเรื่อยๆ จากสาธารณรัฐมหาเศรษฐีกลายเป็นประเทศที่ผู้คนไม่มีอะไรจะกินและไม่มีงานทำการได้รับเชิญไปบรรยายที่วิทยาลัยรัฐศาสตร์ในกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรักของ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย เมื่อ พ.ศ.2559 และไปซ้ำอีกครั้งเมื่อ พ.ศ.2560 มีผู้ฟังชาวอิรักคนหนึ่งถามว่า “คุณคิดว่าทำไมสหรัฐฯจึงต้องบุกอิรัก?”พ่อของผมตอบว่า ไม่ใช่เรื่องอาว้งอาวุธเคมีชีวภาพอะไรดอก แต่เป็นเรื่องที่ประเทศใหม่อย่างสหรัฐฯต้องทำลายเมโสโปเตเมียซึ่งเป็นอารยธรรมเก่าแก่ของโลกและเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรอัคคาเดีย บาบิโลเนีย อัสซีเรีย เฮเลนิสติก ปาร์เทีย ซัสซานิด และอับบาซิดประเทศที่มีพื้นฐานอารยธรรมแข็งแรงในอดีตอย่างอิรัก อิหร่าน และซีเรีย เมื่อผ่านพ้นห้วงแห่งความลำบากยากเข็ญแล้วก็มีโอกาสผงาดขึ้นมาเหมือนจีนและรัสเซียเรื่องที่คนออกมาประท้วงจนตายไปเกือบร้อยเมื่อต้นเดือนนี้เป็นสถานการณ์ที่สหรัฐฯและพันธมิตรอยากให้เป็นครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com