สั่งสมประสบการณ์มา 3 ทศวรรษ ในฐานะช่างแต่งหน้าระดับแนวหน้าของเกาหลี ที่อยู่เบื้องหลังความงามของเหล่าดาราคนดังนับไม่ถ้วน สำหรับ “จอง แซมมุล” แต่พอตัดสินใจลุกขึ้นมาเปิดแบรนด์ เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง ภายใต้ชื่อ JUNG SAEM MOOL เมื่อปลายปี 2015 ก็โด่งดังเปรี้ยงปร้างไปทั่วโลก เพราะทำเอาสาวหัวดำหัวทองฮือฮากับเมกอัปขั้นเทพ ที่เน้นงานผิวฉ่ำวาวราวกระจกแบบ “Glass Skin” ดูเรียบเนียนใสสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ ถอดแบบนางเอกซีรีส์เกาหลีมาเปี๊ยบฟินมากถึงมากที่สุดจริงๆ เมื่อทีมข่าวหน้าสตรีไทยรัฐ มีโอกาสได้กระทบไหล่ “อาจารย์จอง” อย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกระหว่างที่เมกอัปอาร์ติสต์คนดังบินมาเมืองไทย เพื่อเปิดเคาน์เตอร์ใหม่ JUNG SAEM MOOL ที่บิวตี้ ฮอลล์ ชั้น M พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ โดยงานนี้ “อาจารย์จอง” เปิดใจให้สัมภาษณ์แบบไม่มีกั๊กถึงเส้นทางการต่อสู้กว่าจะก้าวมาเป็นช่างแต่งหน้าระดับท็อปของประเทศ รวมทั้งเผยเคล็ดลับการแต่งหน้าแบบมืออาชีพ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถเนรมิตเองได้ ขอเพียงแต่ค้นพบความงามในแบบฉบับของตัวเอง หลงใหลการแต่งหน้าตั้งแต่ตอนไหนตอนเด็กๆฝันอยากเป็นศิลปินค่ะ เพราะคุณแม่เป็นจิตรกร มีผลงานวาดภาพประกอบตามหนังสือต่างๆ จึงชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก และคิดมาตลอดว่าโตขึ้นจะเป็นจิตรกรเหมือนแม่ ฉันมีโอกาสได้ไปเรียนไฟน์อาร์ตจริงจัง ตอนอายุ 37 ปี ที่อะคาเดมี อาร์ต ออฟ ยูนิเวอร์ซิตี้ ในซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับฉันการแต่งหน้ากับการวาดภาพก็เหมือนกัน แค่ต่างกันตรงวาดบนกระดาษกับวาดบนหน้าซึ่งมีมิติ ฉันจำคำพูดของแม่ได้ขึ้นใจ ท่านถามว่า “แซมมุล” รู้ไหมว่าคำว่าสมัครเล่นกับมือโปรแตกต่างกันอย่างไร ให้ดูแม่เป็นตัวอย่าง ถ้าค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบและทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ ตอนนั้นฉันค้นพบว่าตัวเองชอบการแต่งหน้า และอยากเป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ จึงเบนเข็มจากศิลปินมาเป็นช่างแต่งหน้า ต้องฟันฝ่าอุปสรรคหนักหน่วงขนาดไหน กว่าจะโด่งดังเป็นที่รู้จักในเกาหลีฉันเริ่มเป็นช่างแต่งหน้าเมื่อปี 1991 อายุ 21 ปี ย้อนกลับไป 30 ปีก่อน อะไรๆก็ยากกว่าวันนี้มาก ในช่วง 7 ปีแรก ฉันเป็นช่างแต่ง หน้าฟรีแลนซ์ยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่ กินเงินเดือนแค่ 300,000 วอน (เทียบเป็นเงินไทยประมาณ 7,600 บาท) แต่เริ่มมามีชื่อเสียงก็ตอนได้แต่งหน้าให้นักร้อง และตามมาด้วยดาราดังๆอีกหลายคน รวมถึง “คิมแตฮี” นางเอกอันดับหนึ่งของเกาหลี, นักร้องสาว “โบอา”, นักแสดงชั้นนำอย่าง “จอนจีฮุน” และ “เจสสิกา” หนึ่งในสมาชิกวงเกิร์ลส์ เจนเนอเรชั่นค้นพบเอกลักษณ์การสะบัดแปรงของตัวเองตอนไหนนอกเหนือจากการแต่งหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ และมีความกระจ่างใส ซึ่งคนพูดถึงกันเยอะแล้ว ฉันยังเชื่อในเรื่องการแต่งหน้าให้เหมาะกับตัวเอง เพื่อเผยผิวและความงามที่แท้จริงออกมาให้มากที่สุด ตรงนี้น่าจะเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ก่อนอื่นเราจะต้องค้นหาสีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เจอก่อน เช่น ดวงตาของฉันเป็นสีช็อกบราวน์ ฉะนั้นสีเมกอัปที่เหมาะกับฉันก็คือสีแดงและเขียว ส่วนคนที่มีดวงตาสีน้ำตาลอมส้ม เวลาแต่งหน้าก็ควรใช้เมกอัปสีสว่างขึ้น มีความเป็นส้มและเหลืองเจือปนอยู่ การเลือกสีที่เหมาะกับตัวเองจะทำให้แต่งหน้าออกมาแล้วสวยที่สุด สีที่เหมาะสมที่สุดคือสีที่กลมกลืนกับผิวของเราที่สุด ไม่ขาวหรือคล้ำเกินไป ไม่หนาหรือเบาเกินไป โปรดักส์เหล่านี้เป็นแค่ตัวซัพพอร์ตเพื่อให้เราเผยผิวธรรมชาติของเราได้ดีขึ้น ถ้าแต่งหน้าแล้วคนถามว่าใช้เครื่องสำอางยี่ห้ออะไร แปลว่าเราอาจรองพื้นหนาไป ต้องแต่งหน้าให้คนทักว่าทำอะไรมาผิวสวยใสจัง เรื่องปริมาณก็สำคัญ เวลาลงรองพื้นใช้แค่ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวก็เพียงพอ ถ้าจับลงไปแล้วเหนียวเหนอะหนะ แสดงว่าลงรองพื้นหนักไป แค่รู้สึกชุ่มชื้นเหมือนมีมอยส์เจอไรเซอร์ก็พอดีแล้ว ความสวยในอุดมคติของ “อาจารย์จอง” ต้องเลิศเลอเพอร์เฟกต์ ขนาดไหน(ยิ้ม) ฉันเชื่อว่าความงามต้องเริ่มจากตัวเราเอง แค่เชื่อมั่นในตัวเองก็สวยแล้ว ไม่มีใครที่เหมือนเรา และเราก็ไม่เหมือนใคร นี่คือนิยามความงามที่แท้จริงของผู้หญิงทั้งโลก หลายคนเข้าใจผิดว่าการแต่งหน้าให้ดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติคือการใช้เมกอัปเนื้อบางเบาที่สุด อันที่จริงแล้วเราจะต้องรู้จักโครงสร้างใบหน้าของตัวเอง ก่อน เพื่อกำหนดแสงและเงา ต้องรู้ว่าผิวหน้าของตัวเองมีโทนสีอุ่นหรือเย็น คนส่วนใหญ่ส่องกระจกทุกวัน แต่แทบไม่เคยสำรวจตัวเองจริงจัง ถ้าเรารู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ทุกซอกทุกมุม ก็จะ สามารถแต่งหน้าออกมาได้สวยทุกลุคตามแบบฉบับของเราเอง ฉันเชื่อว่าทุกคนสวยขึ้นได้เพียงแต่ต้องเรียนรู้วิธีเผยความงาม หรือสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง แทนที่จะคิดหาวิธีปกปิดอำพรางจุดด้อย ฉันอยากจะเป็นคนจุดประกายให้ผู้คนได้มองเห็นตัวเองว่าเป็นอัญมณีเม็ดงามที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คิดยังไงกับเรื่องความคลั่งศัลยกรรมของคนเกาหลีหลายคนมีความบกพร่องต้องพึ่งศัลยกรรม เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ซึ่งฉันเคารพในวิวัฒนาการทางแพทย์ของเกาหลีมาก ขณะเดียวกัน ก็อยากเตือนคนที่เสพติดศัลยกรรมมากเกินไปว่า คุณกำลังมองข้ามความงามที่แท้จริงของตัวเอง ความสวยงามจากภายในคือความงามที่แท้จริง บางคนมองแวบแรกอาจจะธรรมดา แต่พอได้คุยแล้วอยากคุยด้วยซ้ำอีก อันนี้คือคนที่สวยข้างในจริงๆ อย่ายึดติดกับความสวยภายนอกมากเกินไป พยายามดึงสิ่งดีๆของเราออกมา เหมือนการแต่งหน้า ทุกวันที่เราหยิบกระจกขึ้นมา อยากให้ดูว่าวันนี้เราตื่นขึ้นมาเพื่ออะไร ไม่ใช่ส่องกระจกเพื่อดูว่าเราสวยยัง วันนี้ประสบความสำเร็จอย่างใจนึกหรือยังฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ หรือไม่ประสบความสำเร็จ แค่คิดว่าทุกๆวันเป็นวันที่ดีที่สุด อย่างมาเมืองไทยรู้สึกมีความสุขมาก คนไทยใจดีและโอบอ้อมอารี ฉันดีใจมากที่คนไทยให้การต้อนรับอย่างดี และรักในผลิตภัณฑ์ของฉัน ถ้าให้มองกลับไปตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ชีวิตของฉันก็มีทั้งสุขทั้งทุกข์ปนกัน แต่ถึงวันนี้ฉันมีความสุขมาก และพยายามทำทุกวันให้ดีที่สุด ปีนี้ฉันอายุ 50 แล้วทำไม “อาจารย์จอง” ไม่หวงวิชาเลยฉันเปิดอะคาเดมีสอนการแต่งหน้า ตั้งแต่ปี 2014 เพราะอยากถ่ายทอดวิชาความรู้ให้คนอื่นๆมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้คนที่ชอบการแต่งหน้าได้มีวิชันเหมือนฉัน มีนักเรียนมาจากนานาประเทศ ทั้งยุโรป, อเมริกา, จีน, สิงคโปร์, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย รวมถึงนักเรียนไทยก็เยอะมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นช่างแต่งหน้าอยู่แล้ว แต่มาเรียนรู้เทคนิคการแต่งหน้าเพิ่มเพื่อนำไปต่อยอดอาชีพ ในฐานะเมกอัปอาร์ติสต์ที่มีชื่อเสียง “อาจารย์จอง” อยากใช้บทบาทของตัวเองในการสร้างสรรค์โลกนี้ให้ดีขึ้นอย่างไรในอนาคตฉันอยากใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองไปช่วยสร้างความมั่นใจให้เด็กๆ และผู้หญิงด้อยโอกาส เมื่อไหร่ที่สามารถช่วยคนเหล่านี้ได้จริงๆ ถึงจะเรียกว่าฉันประสบความสำเร็จในชีวิต!!ทีมข่าวหน้าสตรี