เทศกาลถือศีลกินเจในปีนี้ตรงกับวันที่ 28 กันยายน-7 ตุลาคม 2562 ในช่วงนี้ พืช ผัก ผลไม้สดราคาจะปรับตัวสูงขึ้น โดยประเภทอาหารที่นิยมบริโภคในช่วงนี้ได้แก่ ผัก เต้าหู้ และโปรตีนเกษตรชนิดต่างๆและที่จะขาดไม่ได้ในสำรับคือ “กานาฉ่าย” ซึ่งมีส่วนผสมของผักกาดดองสับ ลูกสมอดอง และเห็ดหอม นำมาตุ๋นและเคี่ยวจนได้ที่หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป ขายในหลายรูปแบบ ทั้งตักแบ่งและบรรจุในผลิตภัณฑ์หลากหลาย นำมากินกับข้าวต้มจะเพิ่มรสชาติให้อร่อยลิ้นการแปรรูปกานาฉ่ายต้องมีความพิถีพิถัน ดังนั้น ผู้ผลิตหลายรายต้องการให้กานาฉ่ายเก็บไว้ขายหรือเก็บไว้กินได้นานๆ จึงต้องหาตัวช่วยซึ่งหนีไม่พ้น นั่นคือ สารกันบูด เช่น กรดเบนโซอิก กรดซอร์บิก นำมาเติมลงในกานาฉ่าย โดยสารทั้ง 2 ชนิด ในทางกฎหมายไทยอนุญาตให้เติมในอาหารได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณตามที่กำหนดเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยสำหรับสารกันบูด หากได้รับปริมาณที่ไม่สูง ร่างกายจะสามารถขับออกเองได้ตามธรรมชาติ แต่ถ้าปริมาณมากเกิน และได้รับต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดพิษเรื้อรัง และเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เพื่อลดความกังวล สถาบันอาหาร ได้สุ่มเก็บตัวอย่างกานาฉ่ายจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ร้าน ในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดนครราชสีมา นำมาวิเคราะห์สารกันบูด 2 ชนิด คือ กรดเบนโซอิก และกรดซอร์บิกผลปรากฏเป็นที่น่าพอใจ เพราะจากการสุ่มเก็บตัวอย่างดังกล่าว ไม่พบว่ามีกรดซอร์บิกมาผสมในกานาฉ่าย แต่พบกรดเบนโซอิกในกานาฉ่ายทั้ง 5 ตัวอย่าง และมีอยู่ 3 ตัวอย่างที่พบในปริมาณที่เกินค่ามาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 389) พ.ศ.2561 เรื่องวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) ที่กำหนดให้ใช้กรดเบนโซอิกได้ไม่เกิน 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัมเห็นอย่างนี้แล้วขอแนะว่าเลือกซื้อ เลือกกินอาหารที่ไม่ใส่สารกันบูดจะดีกว่า โดยดูรายการส่วนประกอบบนฉลาก หรือเลือกซื้อจากร้านที่มั่นใจได้ว่าไม่ใช้สารกันบูด ที่สำคัญเลือกทานอาหารให้หลากหลายเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว.ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย