ในวิวัฒนาการของมนุษย์นั้น สายพันธุ์ออสตราโลพิเธคัส อะนาเมนซิส (Australopithecus anamensis) นับว่าเก่าแก่ที่สุดในกลุ่มออสตราโลพิเธคัส ถูกยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นบรรพบุรุษของลูซี (Lucy) ที่เป็นซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลโครงกระดูกมนุษย์วานรอายุ 3,200,000 ปี อยู่ในสายพันธุ์ออสตราโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส (Australopithecus afarensis) ทว่าออสตราโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส มีหลักฐานส่วนใหญ่คือขากรรไกรและฟันเท่านั้นแต่เมื่อเร็วๆนี้ นักวิจัยจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติคลีฟแลนด์ในสหรัฐอเมริกา และสถาบันมักซ์ พลังค์ วิจัยด้านมานุษยวิทยาวิวัฒนาการ ได้ค้นพบกะโหลกออสตราโลพิเธคัส อะฟาเรนซิสเป็นครั้งแรก ในพื้นที่ขุดค้นฟอสซิลชื่อ Woranso-Mille ทางตอนเหนือของเอธิโอเปีย นักวิจัยเผยว่ากะโหลกชิ้นนี้อายุ 3,800,000 ปี บ่งชี้ถึงช่วงเวลาระหว่าง 4,100,000-3,600,000 ปีก่อน เมื่อออสตราโลพิเธคัส อะนาเมนซิส ก่อเกิดสายพันธุ์ออสตราโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส โดยนักวิจัยใช้คุณสมบัติทางสัณฐานวิทยาของกะโหลกเพื่อระบุชนิดของฟอสซิล และใช้คุณสมบัติของกรามบนและฟันเป็นพื้นฐานในการพิจารณาจนพบว่ากะโหลกชิ้นนั้นเป็นของออสตราโลพิเธคัส อะนาเมนซิสนั่นแสดงว่าออสตราโลพิเธคัส อะนาเมนซิส และออสตราโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส เคยอยู่ร่วมกันอย่างน้อย 100,000 ปี การทับซ้อนนี้ท้าทายความคิดที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่ามีการเปลี่ยนแปลงโดยตรงระหว่างบรรพบุรุษมนุษย์ยุคแรกทั้ง 2 กลุ่มนี้ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนความเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ระหว่างสมัยไพลโอซีน (Pliocene) อันเป็นสมัยหนึ่งของยุคนีโอจีนในธรณีกาลระหว่าง 5.333-2.588 ล้านปีก่อนถึงยุคปัจจุบัน.