ผมไม่แปลกใจที่ คุณทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจฯ แถลง ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.3 ต่ำที่สุดในรอบ 19 ไตรมาส หรือ ต่ำที่สุดในรอบ 4 ปีครึ่ง นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2557 ต่ำกว่าไตรมาสแรกปี 62 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.8 แต่ถ้าปรับผลของฤดูกาลออกไปแล้ว เศรษฐกิจไตรมาส 2 ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.6 เท่านั้นเอง ส่งผลให้เศรษฐกิจครึ่งปีแรกขยายตัวเพียงร้อยละ 2.6 ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ร้อยละ 4 แต่ของจริงลดลงทุกไตรมาสล่าสุด คุณทศพร เลขาสภาพัฒน์ ฟันธง จีดีพีปี 62 จะเหลือ 3% ต่ำกว่าเป้า 1%แสดงว่า เศรษฐกิจไทยวันนี้มีไข้ตัวร้อน แน่นอนสาเหตุที่เศรษฐกิจไตรมาส 2 ทรุดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี คุณทศพร เปิดเผยว่า เป็นเพราะ การส่งออกไตรมาส 2 ติดลบไป 4.2% การส่งออกไตรมาสแรกก็ติดลบ 4% ส่งผลให้การส่งออกครึ่งปีแรกติดลบ 4.1% คาดว่าทั้งปีการส่งออกจะติดลบ 1.2% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 2.2% แต่มีข้อแม้ว่าการส่งออกครึ่งปีหลังต้องขยายตัว 3% ถ้าขยายตัวต่ำกว่านี้ ยอดส่งออกติดลบก็จะสูงกว่านี้ดูแล้วก็น่าเป็นห่วงจริงๆ เศรษฐกิจไทยพึ่งการส่งออกถึง 70% ของจีดีพี แต่ ครึ่งปีแรกส่งออกติดลบไปแล้ว 4.1% ถ้าจะให้การส่งออกครึ่งปีหลังขยายตัว 3% การส่งออกครึ่งปีหลังต้องขยายตัวถึง 7.1% ซึ่งผมเชื่อว่า ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ท่ามกลางสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น เพราะมีการจับคู่รบกันอีกหลายคู่นอกเหนือจากจีนกับสหรัฐฯก่อนหน้านี้ 7 สิงหาคม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แบงก์ชาติ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี เหลือร้อยละ 1.50 จากร้อยละ 1.75 ผมก็เห็นอนาคตที่ไม่สดใสแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นแบงก์ชาติยืนเสียงแข็งมาตลอดว่าไม่มีเหตุที่ต้องลดดอกเบี้ย แต่การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ กนง. กลับให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ และต่ำกว่าระดับศักยภาพ การส่งออกหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ การท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง การบริโภคในประเทศก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามรายได้ครัวเรือนที่ลดลง ภาคการเกษตรและการจ้างงานก็ลดลง การลงทุนภาคเอกชนก็ลดลง หนี้ครัวเรือนกลับสูงขึ้นฟัง กนง. แถลงแล้วก็พอจะเห็น อาการป่วยของเศรษฐกิจ แล้วหลังจากสภาพัฒน์แถลงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 แล้ว ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ก็เปิดเผยว่า การประชุม กนง. เดือนกันยายน ธนาคารแห่งประเทศไทย จะพิจารณาปรับลดจีดีพีปี 62 ลงอีก เนื่องจากบรรยากาศการกีดกันทางการค้าที่ยังรุนแรงและยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก เมื่อเดือนมิถุนายนแบงก์ชาติได้ปรับลดจีดีพีปี 62 ลงมาเหลือร้อยละ 3.3 จากเดิมที่ประเมินไว้ร้อยละ 3.8การปรับลดจีดีพี เป็นเพียง การสะท้อนภาพจริงของเศรษฐกิจไทยที่เป็นอยู่ แต่ “สาเหตุของการป่วยไข้” นอกจาก อาการต่างๆ ที่ กนง.แถลงแล้ว การส่งออกที่ลดลง การท่องเที่ยวที่ชะลอลง การลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง การบริโภคที่ลดลง รายได้ครัวเรือนที่ลดลง หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ผมคิดว่า สาเหตุใหญ่ ที่ ทำให้การส่งออกติดลบมาก ก็คือ “การแข็งค่าของเงินบาท” ในช่วงปีกว่าที่ผ่านมา แม้เดือนนี้ กนง. จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ก็ยังไม่อาจบรรเทาค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาต่อเนื่องยาวนานได้ทางเดียวที่ผมเห็นว่าจะช่วย “ลดไข้เศรษฐกิจ” ลงได้ นอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ 3.16 แสนล้านบาทแล้ว กนง. ต้องตัดสินใจ “ลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีกร้อยละ 0.25” แม้จะทำให้แบงก์ชาติมีมาตรการในมือน้อยลง ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เศรษฐกิจฟุบหลับไป แล้วปลุกไม่ตื่น เศรษฐกิจหลับนี่ปลุกให้ตื่นยากนะครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”