กับดักรออยู่ข้างหน้า...ยังไม่ทันได้บริหารประเทศให้เดินหน้าไปตามครรลองก็เจอ “ทุ่นระเบิด” รายล้อมไปหมด เพราะมีแต่เรื่องราวที่เป็นปัญหาทั้งระดับตัวบุคคลและรัฐบาลแม้จะผ่านกฎกติกาไปแล้ว แต่ก็เกิดปัญหาแทรกซ้อนเข้ามาตลอดเวลาที่กำลังเป็นเรื่องใหญ่อย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นประเด็น “ถวายสัตย์” ดูเหมือนจะเข้ามาสู่วงจรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเน้นย้ำไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯอยู่ที่ว่าจะหาทางออกอย่างไรจึงจะจบลงได้ยิ่งเกิดแรงกดดันจาก 7 พรรคฝ่ายค้านที่กัดไม่ปล่อย เพราะเป็นเรื่องที่เข้าทางและหาทางออกยากที่สุดซ้ำด้วย “พรรคจิ๋ว” ที่ก่อปฏิกิริยาไม่พอใจขอถอนตัวอย่างน้อยชัดๆก็มีอยู่ 2 พรรค แม้จะสะเทือนอยู่บ้างแต่ก็สะท้อนเสียงสนับสนุนได้เป็นอย่างดีหากสะดุดขาตรงนี้อีกก็ยิ่งเดินไปได้ลำบากยิ่งยังไม่นับถึงการเตรียมการของพรรคฝ่ายค้านที่พร้อมจะรุมสกรัมไม่ว่าจะเป็นการพิจารณางบประมาณประจำปีที่กาหัวล่วงหน้าก็คือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคาดการณ์ล่วงหน้าต่อไปน่าจะเป็นประเด็นใหญ่ในอนาคตคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้มีความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องทั้งในสภาและนอกสภาการแก้ไขรัฐธรรมนูญแม้จะมีกฎกติกาที่ทำให้แก้ไขได้ยาก เนื่องจากจะต้องเห็นชอบกันทุกฝ่ายจึงจะดำเนินการได้แต่เชื่อว่าแก้ไขหรือไม่ได้นั้นฝ่ายค้านคงไม่คิดว่าเป็นเรื่องยาก-ง่าย แต่เล็งเห็นแล้วว่าจะเป็นแรงกระเพื่อมสำคัญที่มีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลโดยตรงปัญหาที่จะเกิดขึ้นก็คือการเคลื่อนไหว “นอกสภา” ทำให้ “แตกหัก” กันได้อีกส่วนหนึ่งที่กำลังคืบคลานเข้ามาอันเป็นเรื่องข้อกฎหมายโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญว่าไปแล้วศาลรัฐธรรมนูญในยุคปัจจุบันคงต้องทำงานกันอย่างหนักโดยเฉพาะหากตีความเป็นบวกกับฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งก็คงไม่พอใจอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้เพราะจะมีการนำไปเปรียบเทียบต่อผลการชี้ขาดที่ออกมาเอาแค่ประเด็นของ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องเดิมก็คือความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและตามมาด้วยเรื่องการถวายสัตย์ซึ่งจะสอดรับกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในเรื่องการ “ถือหุ้นสื่อ” ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาข้อวินิจฉัยที่ออกมาทั้ง 2 คนนั้น จะเป็นการสร้าง “เงื่อนไข” ทางการเมืองอย่างแยกไม่ออก เมื่อผลออกมาอย่างไรก็จะเกิดแรงปะทุได้ทันทีนี่จึงเป็นการมองภาพการเมืองที่จะเกิดขึ้นได้ระเบิดในกลางกรุงเทพฯ นั้นแม้ตำรวจจะทำคดีคืบหน้าไปได้มากจนมีข้อสรุปว่าเป็นเรื่องการเมืองที่เป็นผลประโยชน์ร่วมแต่จะไปให้ถึงที่สุดคงไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจจะเกิดซ้ำขึ้นมาอีกก็ได้ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบจริงๆ มาจากภาวะเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะการเปิดสงครามการค้าจีนกับสหรัฐฯที่ขาดความร่วมมือระหว่างนักการเมืองตรงกันข้ามกลายเป็นซ้ำเติมประเทศถึงที่สุดประเทศไทยจึงยัง “ติดแหง็ก” อยู่กับการเมืองจนเดินหน้าไปได้ยาก.“สายล่อฟ้า”