อามาร์ โชนาร์ บังกลา...บทเพลงภาษาเบงกาลี ซึ่งรพินทรนาถ ฐากูร กวีชาวเบงกอล ประพันธ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2449 ถูกนำมาใช้เป็นเพลงชาติของบังกลาเทศ ในอีก 66 ปีต่อมา หลังจากบังกลาเทศได้รับเอกราชจากปากีสถานในปี 2514 ไซเอ็ด อาลี อาห์ซัน (Syed Ali Ahsan) แปลเนื้อเพลงนี้เป็นภาษาอังกฤษ โดยตีความหมายว่า “โชนาร์” ซึ่งแปลว่าทำด้วยทอง ในภาษาเบงกาลีอาจมีความหมายถึง สีของรวงข้าวเหลืองทองในแคว้นเบงกอล ในจินตนาการของฐากูรเวลานั้น กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวบังกลาเทศ ให้เดินทางร่วมทริป Bangladesh Media familiarization Trip เป็นทริปการเชิญสื่อมวลชนครั้งแรกของการท่องเที่ยวบังกลาเทศ โดยเชิญสื่อจาก 13 ประเทศ จำนวน 26 คน ให้มาเรียนรู้และศึกษาเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์ ถือเป็นการเปิดโลกการท่องเที่ยวของบังกลาเทศครั้งแรก หลังมีการเปลี่ยนรัฐบาล...เราเริ่มทำความรู้จักกับบังกลาเทศ โดยค้นข้อมูลก่อนการเดินทาง ทำให้รู้ว่า บังกลาเทศ แปลว่า “ประเทศแห่งเบงกอล” ถูกล้อมรอบประเทศอินเดีย 3 ด้าน ยกเว้นพรมแดนด้านใต้ติดอ่าวเบงกอล และตะวันออกเฉียงใต้ติดประเทศเมียนมา มีประชากรมากกว่าไทย 3 เท่า คือราว 170-180 ล้านคน 96% เป็นมุสลิม ที่เหลือมีทั้งฮินดู คริสเตียน และชาวพุทธ ประปรายด้วยลัทธิเล็กๆ น้อยๆอีกประมาณหนึ่ง 10 ปีที่ผ่านมา บังกลาเทศเหมือนถูกลืมไปจากจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว ทั้งด้วยเหตุการณ์ทางการเมือง ศาสนา แต่วันนี้ประเทศที่ถูก ล้อมรอบด้วยอ่าวเบงกอลแห่งนี้กำลังเนื้อหอม จากการพัฒนาที่เริ่มต้นทั้งการตัดถนน สร้างรถไฟฟ้า รวมไปถึงการเข้ามาของบรรดาโรงแรมที่เป็นเชนอีกหลายแห่งเราเดินทางถึงกรุง Dhaka ในช่วงค่ำของวันที่ 13 เมษายน ซึ่งเป็นวันสงกรานต์ในบ้านเรา เพื่อร่วมงานเทศกาลปีใหม่ ที่เรียกว่า “พาฮุละ ไบชัคห์” หรือ Pohela Boishakh ตามปฏิทินเบงกอล ซึ่งตรงกับวันที่ 14 เมษายนของทุกปี เสียงดนตรีจากขบวนพาเหรด และบทสวดขอพรพระเจ้า ในเช้าวันที่ 14 เมษายน 2562 ปลุกเราจากที่นอน ใช่แล้ว...มันคือ วันขึ้นปีใหม่ของชาวเบงกาลีชาวเบงกาลีจำนวนมากพากันแต่งกายสวยงาม ผู้ชายในชุดปัญจาบีหลากสี และสาวๆในชุดส่าหรีงดงาม พากันเดินขบวนไปยังสวนสาธารณะใหญ่กลางกรุงดากา เพื่อร่วมร้องเพลงเฉลิมฉลองที่ชื่อ Esho he Baishakh ใต้ต้นไทรยักษ์ เป็นการต้อนรับแสงแรกแห่งปีใหม่พ่อแม่พากันอุ้มลูกจูงหลานไปร่วมงานนี้ ขณะที่คู่รักก็จับมือกันเดิน อย่างมีความสุข Moniruzzaman Masum จาก Tourism Window ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลทริปนี้ บอกกับเราว่า วันปีใหม่ของชาวบังกลาเทศเป็นวันที่ทุกคนจะได้อยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้า และเป็นวันที่พวกเขาจะได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างเต็มที่Masum บอกว่า คุณเห็นเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่มั้ย นั่นเป็นชุดใหม่ เพราะคนบังกลาเทศถือว่าวันนี้เป็นวันปีใหม่ พวกเขาจะทำสิ่งใหม่ๆเช่น สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ สีที่นิยมคือขาวและแดง แม้แต่คนทำธุรกิจก็อาจจะเปลี่ยนสมุดบัญชีเล่มใหม่ และเริ่มต้นดีลธุรกิจใหม่ “งานที่ผมมาดูแลพวกคุณนี่ก็เป็นงานใหม่ของผมในวันนี้ด้วย” Masum บอกขบวนพาเหรดในวันปีใหม่ของบังกลาเทศ เรียกว่า “Mongol Shobhajatra” หรือขบวนพาเหรดเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต โดยในแต่ละปีก็จะมีธีมการจัดขบวนที่แตกต่างกันออกไป ปีนี้ขบวน Mongol Shobhajatra ทำเป็นรูปเสือเบงกอล นกกระยางตัวยักษ์ และหน้ากากเทพเจ้า ดูอลังการงานสร้างมากๆวันนี้คนบังกลาเทศจะกินอาหารที่เรียกว่า “ปันตาภัต” ที่ปรุงตามแบบชาวเบงกาลี หน้าตาคล้ายข้าวแช่ของมอญที่กินคลายร้อนในช่วงสงกรานต์ ขณะที่เรากินข้าวแช่กับกะปิและหมูฝอย ชาวเบงกาลีจะกินข้าวแช่น้ำกับปลาทอดที่เรียกว่า “ฮิลซา” ปลาขึ้นชื่อของบังกลาเทศ แกล้มด้วยพริกเขียวเม็ดใหญ่และหอมแดง ความสนุกสนานของชาวเบงกาลีจะเริ่มต้นแต่เช้าและจบลงในตอนค่ำ แต่เรามีเวลาร่วมงานเพียงแค่ครึ่งวันเพราะต้องเดินทางต่อไปยังหมู่บ้าน Bishnupur Tangail ซึ่งอยู่ห่างจากกรุง Dhaka ขึ้นไปทางเหนือราว 200 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติ ทั้งด้วยถนน การจราจร ที่บอกเลยว่ายิ่งกว่าแอดเวนเจอร์ และการจำกัดความเร็วเพียง 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทาง 200 กิโลเมตร จึงใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมงหมู่บ้าน Bishnupur Tangail เป็นแหล่งทอผ้าส่าหรีแบบ Hand made ที่สวยงามตามแบบฉบับของบังกลาเทศ ความพิเศษของผ้าส่าหรีที่นี่คือ ผู้ชายจะเป็นคนทอผ้า ส่วนผู้หญิงจะช่วยเก็บงาน ตัดด้ายหลังจากทอเสร็จ สิ่งสำคัญอีกอย่างของหมู่บ้านนี้ คือ ฮินดูและมุสลิม สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างศานติ ขณะที่ฝ่ายหนึ่งบูชาเทวะ อีกฝ่ายก็สามารถสวดขอพรอัลเลาะห์และทำละหมาดอย่างเคร่งครัดไปพร้อมๆกันนี่ละ...สีสันแห่งบังกลาเทศที่รอการค้นหา.....!!!!!