ไม่พลิกความคาดหมาย ผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 91 “โบฮีเมียน แรปโซดี” หนังประวัติ วงควีน วงร็อกจากแดนผู้ดีกวาดรางวัลได้ถึง 4 รางวัล รวมถึงดารานำชาย “รามี มาเลค” โดยมีเรื่อง “กรีน บุ๊ก” หนังพีเรียดยุคอเมริกันเหยียดผิว คว้าได้ 3 รางวัลใหญ่ “หนังยอดเยี่ยม-ดาราสมทบชาย-บทหนังดั้งเดิม” ส่วน “โอลิเวีย โคลแมน” คว้ารางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยมจากหนัง เดอะ เฟเวอริท และ “เรจินา คิง” ได้รางวัลดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง “อิฟ บีล สตรีท คูด ทอล์ค” ขณะที่เลดี้ กาก้า สมหวัง พาเพลง “แชลโลว์” จากเรื่อง “สตาร์ อิส บอร์น” คว้ารางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยมกลับมาอีกครั้งสำหรับงานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์อันทรงเกียรติ “ออสการ์” ครั้งที่ 91 ณ โรงละครดอลบี เธียเตอร์ นครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ หรือช่วงเช้าวันที่ 25 ก.พ. ตามเวลาประเทศไทย โดยถือเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ที่งานประกาศรางวัลไม่มีพิธีกรหลักดำเนินรายการ หลังเควิน ฮาร์ต ดาราตลกผิวสี ประกาศถอนตัวจากการเป็นพิธีกรไปเมื่อเดือน ธ.ค.ปีกลาย หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องข้อความที่เขียนลงเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทำนองหยอกล้อคนรักร่วมเพศ ทั้งนี้ พิธีออสการ์เริ่มต้นด้วยการนำวงร็อกจากอังกฤษ “ควีน” พร้อมนักร้องชื่อดัง อดัม แลมเบิร์ต ขึ้นเวทีแสดงสดแทนการกล่าวเปิดงานด้วยพิธีกร ก่อนนำเข้าสู่ห้วงเวลาของการประกาศรางวัล ซึ่งผลปรากฏว่าภาพยนตร์เรื่อง “โบฮีเมียน แรปโซดี” (Bohemian Rhapsody) หนังประวัติวงควีน กวาดรางวัลไป 4 สาขา ได้แก่ รางวัลดารา นำชายยอดเยี่ยม แสดงโดยรามี มาเลค จากบทบาทนักร้องนำวงควีน “เฟรดดี เมอร์คิวรี” พร้อมด้วยรางวัลตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม และรางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยม รามี มาเลคสำหรับผลรางวัลใหญ่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “กรีน บุ๊ก” (Green Book) เรื่องราวความสัมพันธ์คนผิวขาวกับคนผิวสี ในยุคอเมริกันเหยียดผิว ที่ตัวหนังยังกวาดอีก 2 รางวัลมาด้วย คือดาราสมทบชายยอดเยี่ยม ได้แก่ มาเฮอร์ชาลา อาลี ในบทบาทนักดนตรีผิวสี และรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ส่วนโอลิเวีย โคลแมน คว้ารางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยม จากบทบาทสมเด็จพระราชินีแอนน์ แห่งราชวงศ์อังกฤษ ในภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ เฟเวอริท” (The Favourite) และเรจินา คิง คว้ารางวัลดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากบทบาทสาวตั้งครรภ์ที่สามีต้องคดีความ ในภาพยนตร์เรื่อง “อิฟ บีล สตรีท คูด ทอล์ก” (If Beale Street Could Talk) โอลิเวีย โคลแมนขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง “โรม่า” จากเม็กซิโก เรื่องราวของผู้หญิง 2 คน ที่มีฐานะทางสังคมต่างกัน ผลงานของผู้กำกับอัลฟองโซ คัวรอน กวาดไปทั้งหมด 3 รางวัล คือ รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม และรางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยม ส่วนภาพยนตร์ “แบล็กแคลนส์แมน” (Blackkklansman) เรื่องราวของตำรวจผิวสีกับกลุ่มคลั่งผิวขาวคลูคลักซ์แคลน ได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม เรจินา คิงนอกจากนี้ รางวัลภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมในปีนี้ เป็นไปตามคาดหมาย ได้แก่ การ์ตูน “สไปเดอร์แมน : อินทู เดอะ สไปเดอร์-เวิร์ซ” (Spiderman : Into The Spider-Verse) ขณะที่ภาพยนตร์ “เฟสต์ แมน” (First Man) หนังชีวประวัตินักบิน อวกาศนีล อาร์มสตรอง คว้ารางวัลเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ค่ายมาร์เวล “แบล็ก แพนเธอร์” (Black Panther) กวาดรางวัลไป 3 สาขา คือ รางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม และรางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม รางวัลตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม และรางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง Bohemian Rhapsodyส่วนรางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม ได้แก่ บทเพลง “แชลโลว์” (Shallow) จากภาพยนตร์เรื่อง “สตาร์ อิส บอร์น” (Star Is Born) ที่ขับร้องโดยเลดี กาก้า นักร้องสาวชาวอเมริกันชื่อดัง และดาราเจ้าบทบาท แบรดลีย์ คูเปอร์ แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “ไวซ์” (Vice) หนังชีวประวัติรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดิ๊ก เชนีย์ ซึ่งเข้าชิงถึง 8 สาขา กลับคว้ารางวัลเพียง 1 สาขา คือ แต่งหน้าและออกแบบทรงผมยอดเยี่ยม เลดี กาก้า