อ่านข่าวพรรค “พลังประชารัฐ” จัดเลี้ยง “โต๊ะจีน” ระดมทุนเข้าพรรคจนได้เงินมามากมายถึงกว่า 600 ล้านบาท แต่ถูกถล่มอย่างหนักในขณะนี้แล้วผมก็อดนึกถึงเรื่องราวของ “โต๊ะจีน” ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผมเสียมิได้ผมรู้จักและมีโอกาสกินโต๊ะจีนครั้งแรกตอนอายุ 7-8 ขวบกำลังเริ่มจะจำความได้ “เด” ในภาษาไหหลำ หรือ “เตี่ย” ในภาษาแต้จิ๋ว จูงมือผมไปกินเลี้ยงงานแต่งงานของลูกชายเถ้าแก่ใหญ่คนหนึ่งของตลาดส้มเสี้ยว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์งานเลี้ยง “โต๊ะจีน” เป็นงานเลี้ยงใหญ่มากในทัศนะของคนต่างจังหวัดที่อยู่ในระดับอำเภอหรือตำบล เพราะเป็นโต๊ะราคาแพงกว่าอาหารไทยทั่วไป บางครั้งต้องไปว่าจ้างมาจากภัตตาคารในตัวจังหวัดด้วยซ้ำทำให้ “โต๊ะจีน” กลายเป็นงานเลี้ยงในระดับยิ่งใหญ่ของอำเภอหรือตำบล เพราะคนจัดเลี้ยงได้จะต้องเป็นคนมีเงินเท่านั้นผมจึงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อมีโอกาสไปร่วมงานเลี้ยง “โต๊ะจีน” ครั้งแรกในชีวิต แม้ว่าอาหารที่จัดมาจะไม่มีของแพงๆประเภท “หูฉลาม” “เป๋าฮื้อ” หรือ “กระเพาะปลา” เลยก็ตามที่ประทับใจผมที่สุดและจดจำมาจนถึงวันนี้ก็คือ “หม้อไฟ” ที่คนบ้านผมเรียกว่า “หยวนโล้” ที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ โดยมีถ่านแดงฉานอยู่ในกรวยกลางหม้อ ส่งผลให้น้ำแกงจืดเดือดพล่านควันฉุยจุดเด่นที่ทำให้ “โต๊ะจีน” เหนือกว่าโต๊ะอื่นๆ หรืออาหารอื่นๆที่ต่างจังหวัดยุคโน้นก็คือ “หม้อไฟ” หรือ “หยวนโล้” นี่แหละครับต่อมาเมื่อผมมาอยู่ปากน้ำโพและได้มาอยู่กับ “กงสี” ของชาวจีนแต้จิ๋วก็จะมีโอกาสได้รับประทานโต๊ะจีนปีละครั้งในวันตรุษจีนโดยเถ้าแก่จะสั่งมาจากภัตตาคารจีนที่ดีที่สุดของปากน้ำโพ เพื่อเลี้ยงพนักงานที่ทำงานอยู่กับบริษัท หรือกงสีที่ว่านั้นช่วงนั้นผมอายุ 15-16 ปีแล้ว กำลังเรียนมัธยมปลาย มีโอกาสได้รับประทาน “หูฉลาม” และ “เป๋าฮื้อ” เป็นครั้งแรกในชีวิต แถมตบท้ายด้วย “แป๊ะก๊วย” น้ำขิงเป็นครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน ถือว่าเป็นการเปิดบริสุทธิ์การรับประทานโต๊ะจีนที่แท้จริงพอผมเติบโตขึ้น ได้มาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ เรียนจบได้ทำงานในแวดวงสื่อมวลชน ทำให้มีโอกาสและมีประสบการณ์ในการรับประทานโต๊ะจีนมากขึ้นเรื่อยๆสืบเนื่องจากช่วงหนึ่งในการเขียนคอลัมน์ซอกแซกวันอาทิตย์ ที่เน้นหนักไปในเรื่องการกินอาหาร ทำให้ต้องออกตระเวนชิมอาหาร ซึ่งรวมถึงโต๊ะจีนของหลายๆร้าน หลายภัตตาคารอยู่ด้วยมีโอกาสได้รับประทานโต๊ะจีนระดับ “เชลล์ชวนชิม” หรือระดับราคาแพงๆของภัตตาคาร หรือโรงแรม 5 ดาวบ่อยครั้งถึงขั้นเคยเอามาเขียนจัดอันดับ 10 ร้านอาหารจีนโด่งดังของประเทศ เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมาจนช่วงหลังสุดผมต้องไปผ่าตัดทำ “บายพาส” หัวใจถึง 4 เส้น ถูกคุณหมอห้ามเด็ดขาดเรื่องอาหารมันๆ หรืออาหารประเภทมีคอเลสเทอรอลสูง ทำให้ต้อง “ลด” การรับประทานอาหารจีนลงไปมากแต่ก็ยังมีบ้างนานๆครั้ง เพราะเพื่อนฝูงที่สนิทชิดเชื้อกับผมซึ่งประสบความสำเร็จในการประกอบสัมมาอาชีวะค้าขายจนร่ำรวยเงินเหลือใช้ ยังนึกถึงเพื่อนๆและมักจะชวนเพื่อนๆซึ่งรวมผมอยู่ด้วยไปรับประทานอาหารจีนตามภัตตาคารดังๆอยู่เป็นประจำสรุปแล้วในความรู้สึกของคนไทย งานเลี้ยง “โต๊ะจีน” เป็นงานเลี้ยงที่แสดงถึงความมีศักดิ์ศรี ความยิ่งใหญ่ของเจ้าภาพที่เป็นผู้จัดเลี้ยงแต่ในขณะเดียวกันก็จะถูกมองว่าเป็นงานเลี้ยงที่โอ่อ่าฟุ่มเฟือยตรงข้ามกับ “โต๊ะไทย” หรืออาหารไทยที่ผู้คนมักจะมองกันว่าสมถะกว่า ประหยัดกว่า หรือถ้าเป็น “โต๊ะลาว” (อาหารอีสาน) สมัยก่อนมีขายตามปั๊มน้ำมัน ถือว่าเป็นโต๊ะที่สมถะและประหยัดที่สุดดังนั้น การที่พรรคพลังประชารัฐไปจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนขึ้น จึงถูกมองในเชิงลบและถูกวิพากษ์วิจารณ์เชิงลึก ลามไปจนถึงหาประเด็นจับผิดทางกฎหมายด้วยประการฉะนี้เฮ้อ! นี่ถ้าเลี้ยง “โต๊ะไทย” หรือ “โต๊ะลาว” เสียก็หมดเรื่องไปแล้ว หากจะโดนรุม “กินโต๊ะ” บ้าง ก็คงไม่มากขนาดนี้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนเคยมีข่าวพาดหัวหน้า 1 ว่า “ผู้เฒ่า” วัย 72 สำลักเสียชีวิตคาโต๊ะอาหารในร้านสุกี้ ผมก็ได้แต่ภาวนาหวังว่าอย่าได้มี “ผู้ใหญ่” คนไหนของพรรค พปชร.สำลักและเสียชีวิต (ทางการเมือง) คา “โต๊ะจีน” ซะก็แล้วกัน.“ซูม”