ภาพจาก google mapโรงพิมพ์ที่ผมเริ่มเป็นนักข่าว อยู่ริมถนนสี่พระยา เยื้องๆกับวัดแก้วแจ่มฟ้า เดินไปท่าน้ำลงเรือข้ามฟากไปฝั่งธนฯ ด้านซ้ายเป็นธนาคารฮ่องกง–เซี่ยงไฮ้ อาคารเก่ารูปทรงฝรั่งขรึมขลังเมื่อหนังเรื่องเดียร์ฮันเตอร์มาตั้งกองถ่าย มีการทาสีใหม่ อาคารสดใสไปทั้งหลัง แต่พอจะถึงวันถ่ายหนัง สีใหม่ก็ถูกพ่นสีเขม่า ให้ดำให้คล้ำเหมือนเก่า หนังฝรั่งช่างทุนหนา แค่สีตึกเก่าใหม่ลงทุนทำได้ง่ายๆภาพฝังใจนี้ ทำให้ผมตั้งใจดูตอนหนังมาฉายอพิโธ่ อภิถัง มีฉากคนนั่งคุยกันริมระเบียงธนาคารฮ่องกง แว่บเดียว ไม่กี่วินาทีธนาคารถูกใช้เป็นฉากถ่ายหนังได้ไม่นานก็ถูกทุบทิ้ง ตอนนี้เป็นโรงแรมรอยัลออคิด...ใหม่ทันสมัยโก้หรูที่ดินที่เคยเป็นธนาคารฮ่องกงฯผืนนี้เอง ที่ผมเพิ่งรู้ว่าเดิมทีเป็นที่ตั้งวัดแก้วแจ่มฟ้า วัดที่มีป้ายให้พวกผมไปยืนรอรถเมล์ทุกวันโรม บุนนาค เขียนไว้ในเรื่องเก่าเล่าสนุก ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับ 13-19 ต.ค.2561 ว่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ดินริมเจ้าพระยา รอบๆวัดแก้วแจ่มฟ้า ฝรั่งมาเช่าทำธุรกิจร้องทุกข์กระทรวงนครบาล วัดเผาศพส่งกลิ่นรบกวนวัดแก้วแจ่มฟ้า เป็นวัดเก่า สร้างสมัยไหนไม่รู้ แต่อยู่มาก่อน ฝรั่งมาอยู่ที่หลัง น่าจะทนได้ที่ดินวัดแก้วแจ่มฟ้าเป็นของพระคลังข้างที่ ในฐานะเจ้าของที่ดิน ก็ต้องฟังความทั้งสองฝ่าย ฝ่ายวัดนั้นยอมรับสภาพ วัดในวงล้อมของพวกฝรั่ง คนไทยมาทำบุญน้อยมากแต่การจะให้เลิกเผาศพก็ไม่ได้ การเผาศพเป็นทั้งหน้าที่เป็นทั้งรายได้ของวัดช่วงเวลานั้น พ.ศ.2448 สี่พระยากับหนึ่งคุณหลวง เจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ ร่วมทุนกันตัดถนนสี่พระยา เชื่อมถนนเจริญกรุง ไปทะลุถนนหัวลำโพง ข้างวัดหัวลำโพง เพื่อขายที่ดินพระคลังข้างที่ เห็นว่าผลประโยชน์จากการให้ฝรั่งเช่าที่มีมากกว่า จึงลงทุนสร้างวัดแก้วแจ่มฟ้าใหม่ ให้ที่ริมถนนสี่พระยา เมื่อปี 2450เรื่องนี้ก็จบลงด้วยประโยชน์ลงตัวของสองฝ่าย ทั้งฝ่ายวัดทั้งฝ่ายฝรั่งคนละเรื่องกับเรื่องวัดไทร บางคอแหลม ตีระฆัง บาดหูคนเช่านอนคอนโดฯที่อยู่ติดกัน ที่จบลงตรงวัดตีระฆัง ตามธรรมเนียมดั้งเดิมต่อไป เพราะคนคอนโดฯส่วนใหญ่ ก็เป็นคนไทยทำบุญกับวัดไทรนิมนต์พระวัดไทร มาในงานบุญที่คอนโดฯประจำโรม บุนนาค เล่าว่า เรื่องของวัดกับบ้าน ผลัดกันรุกผลัดกันรับมาแต่โบราณ วัดพนัญเชิง ตั้งมาก่อนสมัยแรกตั้งกรุงศรีอยุธยา พอกรุงแตกอยุธยาถูกเผา วัดพนัญเชิงก็ยังอยู่ส่วนวัดที่แพ้ฝรั่งจนต้องยุบวัด คือวัดพระยาไกร แต่ด้วยเหตุที่เป็นวัดร้างมาแต่โบราณ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์เล็กมากมาย ทางการขอแรงวัดใกล้เคียง ให้มานิมนต์ไปพระองค์ย่อมๆ มีวัดมาจับจองเหลือพระพุทธรูปปูนปั้นองค์ใหญ่ จนเป็นภาระให้วัดไตรมิตร จำใจรับ แต่สุดท้ายพระปูนปั้นก็เป็นข่าวสนั่นโลกเมื่อปูนกะเทาะออก กลายเป็นพระเนื้อทองคำ น้ำหนักมากกว่าห้าตันเรื่องของหลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตร ถูกนิมนต์ลงแพล่องมาจากสุโขทัย มาพักซ่อนพม่าข้าศึกเอาไว้ กลายเป็นหัวข้อวิจารณ์ ถ้าฝรั่งไม่มารุกเอาที่วัดพระยาไกรหลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตร คงเป็นหลวงพ่อโต (ปูนปั้นองค์เดิม)เรื่องราวทุกเรื่องในโลกเป็นเช่นนี้ เมื่อมีได้ ก็ต้องมีเสีย มีเสียก็ต้องมีได้ เรื่องแบบว่า ทำไปแล้วได้อย่างเดียว เสียอย่างเดียว ไม่มีกระทั่ง เรื่องของบ้านเมือง...ถ้ากล้ายอมรับความเปลี่ยนแปลง กล้ายอมให้ทหารปฏิวัติ กล้ารุกให้ทหารถอยกลับกรมกอง...ไม่แน่ว่า อนาคตใหม่บ้านนี้เมืองนี้จะดีกว่าที่เป็น.กิเลน ประลองเชิง