ลืมตำหนิตรงขา อีกรายไปไม่พ้น ลากคอทันควัน!ตำรวจลากคอโจรจี้ร้านสะดวกซื้อ 2 รายซ้อน รายแรกคนงานก่อสร้าง บุกเดี่ยวจี้ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น สวมหมวกไหมพรมอำพรางโฉม ไม่สวมรองเท้าเพราะกลัวพยานจำได้ แต่ลืมปกปิดรอยสักที่ข้อเท้าเป็นเบาะแสตำรวจไล่ตรวจกล้องวงจรปิดจนถึงบ้านเช่าที่อาศัยอยู่ กระทั่งบุกรวบตัวพร้อมของกลาง อ้างเพิ่งก่อเหตุครั้งแรกแต่ตำรวจไม่เชื่อ อีกราย 2 ช่างปูกระเบื้องใช้เศษแก้วเป็นอาวุธจี้คอผู้ช่วยผู้จัดการร้านแฟมิลี่มาร์ท แต่เปิดลิ้นชักเก็บเงินไม่ได้เลยคว้าโทรศัพท์มือถือพนักงานหนีไปซ่อนตัวในป่ากก ถูกตำรวจ 191 ปิดล้อมจับกุมได้ตำรวจลากคอโจรจี้ร้านสะดวกซื้อ 2 ราย รายแรกเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 23 ก.ย. พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ เที่ยงกมล ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี พ.ต.ท.เมษนนท์ นาขวัญ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ สว.สส. พร้อมกำลังสืบสวนดักซุ่มบริเวณหน้าบ้านเช่าเลขที่ 23 ซอยนนทบุรี 52 แยกซอยกาหลง 5 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี เพื่อจับกุมนายธีระพันธุ์ ลายน์ทิพย์ อายุ 33 ปี คนงานก่อสร้าง ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ กระทั่งนายธีระพันธุ์ปั่นรถจักรยานมาถึง แสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมของกลางรถจักรยาน ชุดที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ มีดปลายแหลม 1 เล่ม แจ้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธ พกพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ใช้ยานพาหนะในการหลบหนี พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ เที่ยงกมล ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 13 ก.ย. มีคนร้ายเป็นชายสวมหมวกไหมพรมลายเหลืองดำอำพรางใบหน้า สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว สวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมรองเท้า บุกชิงทรัพย์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น กลางซอยนนทบุรี 52 ใช้มีดจี้พนักงานชิงเงินไป 1,080 บาท แล้ววิ่งหนีไป ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นคนสติไม่ดี แต่เมื่อดูถึงวิธีพูดจา และขั้นตอนการลงมือเชื่อว่าไม่ใช่คนบ้า ชุดสืบสวนยังแซวเล่นเรียก “โจรมารยาทดี” ถอดรองเท้าเข้าไปก่อเหตุ หลังเกิดเหตุตรวจสอบกล้องวงจรปิดในร้านและตามรายทาง พบว่าคนร้ายขี่รถจักรยานเป็นพาหนะ มีรอยสักรูปเถาวัลย์ที่ข้อเท้าขวาเป็นเบาะแสให้แกะรอยตามคนร้ายทั้งก่อนและหลังก่อเหตุจนถึงบ้านเช่าที่คนร้ายอาศัยอยู่กระทั่งบุกเข้าจับกุมผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนนายธีระพันธุ์ ให้การรับสารภาพบุกจี้ร้านดังกล่าวเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายและซื้อยาบ้าเสพ ส่วนเรื่องที่ถอดรองเท้าก่อนก่อเหตุ เพราะรองเท้าที่ใช้เป็น ลายสีแดงและน้ำเงินพาดขวางกลัวผู้เสียหายจะจำได้ เลยถอดไว้ที่ตะกร้าหน้ารถจักรยาน คนร้ายอ้างว่าเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก แต่ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะคนร้ายมีการวางแผนรอบคอบ พยายามปกปิดตัวตนอย่างเต็มที่ ตำรวจจะได้สอบสวนขยายผลต่อไปอีกรายเวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ บก.สปพ.(191) ถนนวิภาวดีรังสิต พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ 191 แถลงผลจับกุมนายศักดิ์สิทธิ์ หรือเม่น คะเชนหาญ อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง จับกุมได้บริเวณป่ากกในซอยประชาอุทิศ 131 แขวงและเขตทุ่งครุ กทม. เมื่อเวลา 00.15 น. วันเดียวกัน โดยกล่าวว่า เมื่อเวลา 23.15 น. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ร้านแฟมิลี่มาร์ท ปากซอยประชาอุทิศ 131 พบ น.ส.เกษวดี อิทร์ไทยวงศ์ อายุ 35 ปี ผู้ช่วยผู้จัดการร้าน แจ้งว่าคนร้ายวัยรุ่น 2 คน บุกใช้เศษแก้วจี้คอ พยายามเปิดลิ้นชักเก็บเงินแต่เปิดไม่ออก เลยคว้าโทรศัพท์มือถือของพนักงานไป 2 เครื่องเผ่นหนี พลเมืองช่วยจับได้ 1 คน ชื่อนายอธิการ หรือเม่น ศาลางาม อายุ 24 ปี นำส่งสน.ทุ่งครุ ส่วนนายศักดิ์สิทธิ์ซ่อนตัวอยู่ในป่ากกฝั่งตรงข้ามร้าน เจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นกระทั่งจับกุมตัวได้ นำมาสอบสวนขยายผลที่งานสายตรวจ 3 ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ตนกับนายอธิการ ทำงานเป็นช่างปูกระเบื้อง และเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วประมาณ 5-6 ครั้งในพื้นที่ สน.ทุ่งครุ และสน.หลักสอง รวมทั้งชิงทรัพย์ประชาชนที่เดินเท้าตามข้างทาง นอกจากนี้ ยังเคยร่วมกับนายกี้ ไม่ทราบชื่อและนามสกุล ก่อเหตุในคดีอื่นด้วย ทรัพย์สินที่ได้มีทั้งครีมและโลชั่นทาผิว สบู่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นำไปขายต่อได้เงินไปซื้อสุราดื่ม คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งครุดำเนินคดี