เป็นเจ้าแม่สนามกอล์ฟทหารบก ที่เอ่ยชื่อเมื่อไหร่ก็มีแต่คนร้องอ๋อ เพราะเล่นกอล์ฟเก่งขนาดได้ฉายา “ฎา พัตต์เดียว” และ “แมวเก้าชีวิต” เอาชนะผู้ชายอกสามศอกมาทั่วและแม้จะวางมือมาหลายปีดีดัก แต่ “อี้ฎา-ชฎารัตน์ เอี่ยมศิริกุลมิตร” ก็ยังโลดแล่นอยู่ในสังคมระดับซุปเปอร์คอนเนกชัน จนหลายคนสงสัยว่า สุภาพสตรีผู้นี้เป็นใครมาจากไหน ถึงใจใหญ่ทำบุญทีละเป็นล้านๆ ไม่เหนียวหนึบเหมือนเศรษฐีบางคน“ชีวิตฉันไม่สวยหรูอะไรมากมายหรอก ไม่ใช่ไฮโซไฮซ้อ พ่อทำโรงเลื่อยอยู่ที่ศรีราชา และมีโรงงานไม้ที่ลำปาง ในชีวิตนี้ไม่เคยขึ้นรถเมล์ ไม่เคยกินเงินเดือนใคร ตอนเด็กๆไปตลาดมีคนรับใช้เดินตามดูแล จะกินจะซื้ออะไรก็ไม่เคยต้องพกเงิน แม่ค้ารู้จักหมด พอสิ้นเดือนค่อยมาเก็บเงินที่โรงเลื่อย เวลาไปเรียนหนังสือก็มีรถไปรับส่ง จำได้ว่าพอโตเป็นวัยรุ่น กิจการโรงเลื่อยของพ่อเริ่มสะดุด เพราะพ่อโดนเพื่อนโกง เลยตัดสินใจไปลงทุนทำโรงเลื่อยที่ลาวแทน ปรากฏว่าเจ๊งขาดทุนไปเป็นร้อยล้าน ภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน ส่วนโรงงานปาเก้ พ่อให้ญาติไปคุม คุมไปคุมมาทุกอย่างใส่ชื่อเขาหมด พอพ่อเสียก็โดนหมด พ่อเป็นคนหัวดีแต่จังหวะไม่ค่อยได้ พอจะเหลือสมบัติให้ลูกๆก็คือ ห้องแถวตรงตรอกจันทร์ ถนนตก พ่อสร้างเป็นแฟลตให้คนเช่า และมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง”...“อี้ฎา” บอกเล่าถึงชีวิตวัยเด็กก่อนจะมีวันนี้ มีหัวการค้ามาตั้งแต่เด็กเลยไหมฉันมีพี่น้อง 9 คน เสียชีวิตไปคนหนึ่ง ฉันเป็นลูกคนที่หก ครอบครัวคนจีนยกให้ลูกชายเป็นใหญ่ ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวที่กล้าเข้าใกล้พ่อ และช่วยพ่อ ทำงานตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าตอนพ่อทำรับเหมาก่อสร้างบ้าน ลูกค้าถามว่าอยากติดตั้งผ้าม่านและปูกระเบื้องยางทำได้ไหม ฉันเป็นเด็กตัวนิดเดียว แต่ยกมืออาสาว่าทำได้ คือหัวไวมาก (หัวเราะ) ทั้งๆที่ตอนนั้นทำไม่เป็นหรอกพอรับงานมาแล้วก็หาช่างข้างนอกมาทำ โดยเราเป็นคนตีราคาและหาวัสดุให้หมด ฉันเป็นคนเร็วแบบนั้น ใครให้ทำอะไรรับทำหมด ทำได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน พ่อยังรับเหมางานจากหน่วยราชการหลายแห่งได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่หลายคน รับเหมาจัดหาตั้งแต่มู่ลี่ไม้ไผ่ ไป จนถึงอุปกรณ์ประดับตกแต่งงานสำคัญต่างๆของราชการหลังคุณพ่อเสีย จากคุณหนูโรงเลื่อยชีวิตต้องพลิกผันขนาดไหนพ่อเสียชีวิตตอนฉันอายุ 20 ปี หลังจากพ่อเสีย ฉันต้องรับ ภาระต่อจากพ่อทุกอย่าง พ่อไม่ได้ทิ้งหนี้สินอะไรไว้มาก แต่ธุรกิจถูกโกงหมด เหลือแค่รับเหมาก่อสร้าง ฉันก็ต้องมาคุมแทนพ่อ เช้ามาลูกค้าโทร.มาด่าแล้วว่าคนงานไม่ไปทำบ้านตามที่ตกลงไว้ ฉันก็ต้องรับหน้าเอง ชีวิตฉันถึงไม่เหมือนชาวบ้าน สงสัยเพราะทำงานอยู่กับช่างเยอะ เลยเป็นคนแหกปากอย่างเดียว พูดเสียงดังฟังชัด เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นของตัวเองได้ตอนไหนหลังพ่อเสียชีวิตฉันลุ่มๆดอนๆมาหลายปี กระทั่งมาเปิดร้านของตัวเอง ชื่อว่า “บูรณภัณฑ์ ซัพพลาย” อยู่แถวสุขุมวิท ขายวัสดุตกแต่งบ้านทุกอย่าง เช่น ผ้าม่าน, กระเบื้องยาง, ไม้ปาเก้, วอล-เปเปอร์ และเครื่องนอน ฉันตั้งตัวได้ตอนรับเหมางาน 20 กว่าล้านบาท ไปปูกระเบื้องยางที่การไฟฟ้า แถววัดเลียบ ทำให้ลืมตาอ้าปากได้หลายคนสงสัยว่า “ชฎารัตน์” ร่ำเรียนจบอะไรมาบ้านฉันพี่น้องเรียนจบปริญญากันทุกคน ยกเว้นฉันนี่แหละคว้าปริญญาไม่ได้สักที เพราะเอาแต่ทำมาหากิน ฉันจบมัธยมปลายจากเซนต์จอห์น ฝันอยากเป็นทนายความ เลยสอบเข้านิติศาสตร์ จุฬาฯ เรียนถึงปีสอง ก็เกิดแอ็กซิเดนต์ในชีวิต!! ทำให้ต้องลาออก ประกอบกับพ่อเสียชีวิต เลยต้องลาออกมารับภาระดูแลครอบครัว ตอนนั้นปัญหาในครอบครัวแรงมาก บ้านฉันเป็นกงสี พ่อเป็นพี่ชายคนโต หนี้สินตกอยู่กับพ่อฉันหมด แต่บอกตรงๆ เรื่องเรียนไม่เคยเป็นปมด้อยในชีวิต เราไม่พิงเรียนหรอก พิงเรื่องงานดีกว่า ทุกวันนี้เพิ่งเรียนหลักสูตรผู้บริหารมา 3 หลักสูตร หลักสูตรไหนจะเอาวุฒิบัตร ฉันบอกเลยว่าไม่มีวุฒิบัตร ไม่เคยโกหก ถ้าคุณสมบัติเหมาะสมก็ค่อยให้เรียน ตั้งแต่ทำงานหาเงินได้ ฉันก็ห่วงแต่งาน ไม่เคยสนใจเรื่องเรียน เพราะถือว่าเราเดินก่อนคนอื่นหลายก้าว เพื่อนๆนิติศาสตร์ จุฬาฯ จบมามีเงินเดือนหมื่นกว่าบาท แต่ตอนนั้นเราจับเงินสิบล้านแล้ว เคยก่อวีรกรรมอะไรบ้างในชีวิตสาวๆ ฉันซ่าส์มาก สร้างวีรกรรมไว้เยอะ แต่หลายเรื่องเอามาเล่าไม่ได้!! ที่เล่าได้คือขับรถซิ่งพุ่งชนแท็กซี่กลางสี่แยกเพลินจิต ต้องเข้าโรงพยาบาลนอน 3 เดือน หน้าเย็บ 200 เข็ม ฟันหักกรามหักรวยจริงๆ เป็นเศรษฐินีนับเงินร้อยๆ ล้านตอนไหนปี 2526 น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ สุขุมวิทน้ำท่วมหมด บริษัทประสบปัญหา มีอยู่วันหนึ่งลูกค้าญี่ปุ่นที่สั่งทำผ้าม่านขอให้ช่วยทำผ้าปูที่นอนลายตุ๊กตาน่ารักๆ ให้เข้าชุดกัน ฉันตอบทันทีว่าทำได้ ทั้งๆ ที่ไม่รู้หรอกจะเย็บผ้าปูที่นอนยังไง (หัวเราะ) แล้วรีบปรึกษาหัวหน้าช่างว่าวิธีทำผ้าปูที่นอนรัดมุมแบบฝรั่งต้องทำยังไง จากไม่มีเครื่องจักรเลยนะ ฉันไปสำเพ็งซื้อผ้ามาเย็บผ้าปูที่นอน จากช่างเย็บผ้าม่าน ฉันก็ตั้งให้เป็นหัวหน้าช่างเย็บผ้าปูที่นอน เปิดแผนกใหม่เลย เย็บกันสนุกมาก แค่เวลาไม่กี่ปีฉันมีเงินเป็นหลายร้อยล้าน!!แค่ขายผ้าปูที่นอน รวยเป็นหลายร้อยล้านได้จริงๆ เหรอคะผ้าปูที่นอนของฉันไม่เหมือนคนอื่น เพราะลวดลายไม่เหมือนใคร ฉันเอาพวกลาย การ์ตูนญี่ปุ่นสีสดๆ อย่างเช่น กบเคโระ, นินจาฮาโตริ และอิคคิวซัง มาสั่งโรงงานทอผ้าที่สำเพ็งพิมพ์ลายให้เฉพาะ ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องลิขสิทธิ์ ก็ทำขายส่งห้างใหญ่และออกบูธงานกาชาดจนรวย ฉันต้องเปิดโรงงานภายใน 3 เดือน ซื้อจักร 100 ตัว คนงาน 200 คน ผลิตเท่าไหร่ก็ขายหมด ห้างโรบินสันตอนนั้นมี 7-8 สาขา ฉันวางบิลผ้าปูที่นอนสาขาละ 7-8 ล้านบาทต่อเดือน ฉันขายดีอยู่อย่างนี้เป็น 10 ปี สมัยนั้นไปเมืองนอกไม่ได้เที่ยวกับใครเขาหรอก จะขอแวะร้านขายเครื่องนอน และมองหาลายการ์ตูนน่ารักๆเอามาเป็นไอเดียทำผ้าปูที่นอน ฉันทำเองหมดทั้งออกแบบลวดลาย ซื้อผ้าดิบมาฟอกเอง และส่งพิมพ์ลาย วางขายเซตละแค่ 999 บาท และที่รวยระเบิดเพราะได้โปรเจกต์รับเหมาตกแต่งภายในบ้านพักของบริษัทยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น ที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทย พูดตลอดว่าชีวิตผ่านอุปสรรคเยอะ ยังมีดราม่าใหญ่อะไรในชีวิตอีกเหรอโรงงานเครื่องนอนเจ๊ง ตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 ต้องยอมล้มละลาย ปล่อยให้แบงก์ยึดทุกอย่างไป เพราะไม่อยากเป็นหนี้ ถือว่าจบแบบคัตลอสต์ ฉันขาดทุนไปร้อยกว่าล้าน!! นิสัยฉันขาดทุนแล้วต้องหยุด ไม่มีนโยบายทำต่อเพื่อเอาคืน ถ้ายังฝืนทำต่อ กำลังซื้อไม่มี ห้างเริ่มบีบ เราคงเจ๊งหนัก ป่านนี้อาจไม่มีบ้านอยู่ธุรกิจเจ๊ง แต่ทุกวันนี้ทำไมยังมีกินมีใช้เหมือนมหาเศรษฐี และทำบุญทีละเป็นล้านๆ(ยิ้ม) พอไม่ทำโรงงานเครื่องนอน ฉันก็มาปักหลักเล่นหุ้นเต็มตัว และออกเดินสายแข่งตีกอล์ฟทุกวัน โดยปักหลักอยู่ที่สนามกอล์ฟกองทัพบก ทำให้รู้จักผู้ใหญ่หลายคน ชีวิตฉันเจออุปสรรคเยอะมาก ฉันไม่ใช่ไฮโซไม่ใช่คุณหญิงคุณนาย ใครจะด่าอะไรก็ไม่สนใจ นิสัยฉันถ้าจะเสียเงินก็ต้องเสียจากสิ่งที่เราทำเอง ไม่มีใครบังคับหรือมาหลอกลวง คนอย่างฉันเจอมรสุมอะไรก็ไม่มีทางให้ใครเห็นน้ำตา ไม่อยากเป็นคนขี้แพ้ ฉันไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยกลัวอุปสรรค ชีวิตฉันอยู่คนเดียวได้ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร มีเล่นหุ้น และลงทุนซื้อที่ขายที่กับเพื่อนนิดๆหน่อยๆ แต่ที่ได้เงินมาเยอะก็ตอนประมูลทรัพย์สินจากกรมบังคับคดี ช่วงหลังวิกฤติต้มยำกุ้ง แล้วเอามาขายต่อ จับบ้าน คอนโดมิเนียม และที่ดินดีๆได้หลายแปลง ตอนนั้นปล่อยง่ายมาก เพราะรู้จักคนเยอะ ที่ดินแถวลาดพร้าวเอามาจากกรมบังคับคดี ตารางวาละ 8,000 บาท ขายได้ 20,000 บาท ถึงวันนี้มีความสุขหรือยัง เคยเสียใจกับอดีตบ้างไหมชีวิตไม่เดือดร้อนมีกินมีใช้สบายๆ ฉันเล่นกอล์ฟตั้งแต่อายุ 30 กว่า เล่นมาทุกวันหลายสิบปี จนเพิ่งมาเลิกเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว สมัยนั้นก็โดนเม้าท์ไปเรื่อยว่าเป็นเด็กนายพลคนนั้นคนนี้ ฉันได้ยินไม่ได้นะจะด่าเลย ถึงจะเป็นม่ายลูกสี่ แต่ฉันไม่เคยซี้ซั้ว ชีวิตนี้ไม่คิดจะเป็นเมียน้อยใคร พ่อแม่ฉันสอนตั้งแต่เด็กว่า ทำอะไรก็ช่างอย่าเจ๊าะเจ๊กอั๊ก หมายถึงเงินพวกนั้นถ้าเราเอาของคนอื่นมาอย่างไม่ถูกต้องเขาเรียกว่าเจ๊กอั๊กจี๊ แปลว่าเป็นเงินบาป เราไม่มีความสุขหรอก ฉันอยู่ของฉันอย่างนี้ก็มีความสุขแล้ว เรากินข้าวบ้านใครสำนึกบุญคุณตลอด ชีวิตคิดเสมอว่าโปรโมชันจำกัด หามาได้แค่ไหนก็แค่นั้น อย่าโลภมาก ปีนี้อายุ 63 แล้ว มีเวลาก็เข้าวัดทำบุญ ใครขอให้ทำบุญอะไรจึงทำหมด เพราะอยากใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายสุดท้ายทำประโยชน์ให้สังคมมากที่สุด.ทีมข่าวหน้าสตรี