การฟื้นฟูวิถีชุมชนชาวซากแง้ว ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่ห่างจากถนนสุขุมวิท เข้าไป 6 กิโลเมตรให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวย้อนยุคสำเร็จแล้ว ก็กลายเป็นจุดขายคู่เมืองพัทยาไปในบัดดลชุมชนนี้เป็น “ตลาดบ้านจีนโบราณ” บนถนนซากแง้ว ซอย 1/2 ยาว 1.5 กิโลเมตร เปิดเฉพาะวันเสาร์ตั้งแต่ 3 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม ลักษณะเป็นห้องแถวเรือนไม้อายุกว่า 100 ปี...มีโคมไฟแดงแต่งประดับเหนือแนวถนน และหน้าอาคารบ้านเรือน สินค้า หลักๆเป็นของกินตำรับจีนโบราณ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวต้มทรงเครื่อง บ๊ะจ่าง ขนมโป๊งเหน่ง เต้าเจี้ยวจุ้ย (น้ำเต้าหู้) และอื่นๆวัชรพล สารสอน รอง ผอ.การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา ย้ำว่า มนต์เสน่ห์ แห่งวันวานที่มีให้เห็นในวันนี้ก็คือ คนขายจะแต่งชุดกี่เพ้า มีรถเจ๊กรับนักท่องเที่ยวนั่งชมบรรยากาศ ส่วนใครจะไปเที่ยว 30 คนขึ้นไป ให้แจ้ง ททท.พัทยาล่วงหน้า 1 สัปดาห์ จะได้รับเลี้ยงซีฟู้ดฟรี 1 มื้อจากร้านชื่อดัง อาทิ สวนนงนุชพัทยา ไทธานี ลุงไหวนาจอมเทียน และศรีนวลซีฟู้ดO O Oที่...ตลาดมี “โรงงิ้ว” รูปเก๋งจีน เป็นสถานประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ในการอัญเชิญเจ้าแม่ทับทิมหรือ “อาหม่าโจ๋ว” มาประทับ ซึ่งคนจีนซากแง้วเรียกเพียงสั้นๆว่า “อาม่า” นิภา ชูชัยวัฒนศักดิ์ หรือ “คิ้ม” วัย 56 ปี เล่าว่า กำเนิดอาม่ามาจากบรรพบุรุษจีนแต้จิ๋ว ที่พากันลงเรือสำเภาหนีภัยสงครามกลางแผ่นดินจีน เข้ามายังไทยในกรุงเทพฯ แต่ก็ถูกคนไทยมองว่าเข้ามาแย่งอาชีพ ประกอบกับช่วงนั้นกำลังมีการกวาดล้างขบวนการอั้งยี่ครั้งใหญ่ในเมืองกรุง คนกลุ่มนี้จึงต้องย้ายถิ่นทำกินใหม่ไปบริเวณ “ชาก” ที่ราบเนินเขาในเขต ต.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี ซึ่งมีต้นงิ้วขึ้นมากมายให้กลายเป็นชื่อชุมชน “ชากงิ้ว”“พวกเขาปลูกมันสำปะหลังเลี้ยงชีพ ไม่นานก็สร้างโรงโม่มันให้เป็นสินค้าหลักส่งตลาด จนเจริญในธุรกิจการค้าและดำรงชีวิต มีแรงงานอีสานจำนวนมากแห่เข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างในโรงโม่ เป็นเหตุให้ชื่อชากงิ้วถูกเรียกเพี้ยนเปลี่ยนไปตามสำเนียงอีสานอีกว่าซากแง้ว...มาจนทุกวันนี้”ขณะซากแง้วกำลังฟู่ฟ่า พัทยาก็ยังเป็นเพียงชุมชนประมงเล็กๆ...ชาวซากแง้วเกิดพบว่า ในปี 2455 กลางท้องทุ่งห่างชุมชนเล็กน้อย มีจอมปลวกเกิดจากรังต่อหัวเสือสูง 2 เมตรปรากฏอยู่ แต่ไม่มีใครกล้าทุบทิ้งเพราะกลัวอาเพศ จึงได้ช่วยกันสร้างศาลศาลามุงจากขึ้นครอบจอมปลวกไว้เพื่อบูชา ขนานนามให้ว่า “พระเจ้าเสือ” หรือ “เล่งโหวเอี้ยะ” จากที่มาของรังต่อหัวเสือO O O“...ไม่นานมีชาวประมงจีนเร่ขายปลารายหนึ่ง เกิดเก็บไม้ได้ท่อนหนึ่งจากทะเลแถวบ้านอำเภอได้ จึงนำไปวางบูชาอยู่คู่เล่งโหว- เอี้ยะ พร้อมกระถางบรรจุขี้ธูปกับก้านธูปที่อุตส่าห์เก็บรักษามาจากเมืองจีน...จนปี 2500 ได้มีการนำไม้ท่อนนั้นไปให้ช่างชาวอ่างศิลาแกะสลักเป็นองค์เจ้าแม่ทับทิมหรืออาม่า โดยมีเรือนพักตร์ที่ช่างงดงาม อิ่มเอิบและเปี่ยมด้วยเมตตา แล้วอัญเชิญมาประทับไว้ยังศาลหลังใหม่ที่สร้างแทนหลังเก่าคู่กับเล่งโหวเอี้ยะ ซึ่งยังประดับอยู่ตรงฐานเดิม...”ยิ่งนานวันกระแสศรัทธาจากผู้คนยิ่งเปี่ยมล้น กระทั่งปี 2549 เกิดมีร่างทรงต่างถิ่นแอบมาใช้อุบายขโมยรูปสลักอาม่าหายไป ทำเอาชาวซากแง้วต้องจุดธูปเทียน ท่ามกลางเสียงระงมร่ำไห้ แต่ไม่เกิน 20 วัน ตำรวจก็สามารถตามกลับคืนมาได้ โดยเชื่อว่าเป็นแรงพลังอาม่าที่เล่นงานร่างทรงรายนั้นจนอ่วมหนัก! เล่าลือกันมาจากรุ่นสู่รุ่นว่า...“อาม่าเป็นที่พึ่งทางใจคนซากแง้วไปทุกเรื่อง ใครมีทุกข์มีร้อนออกลูกออกหลาน หรือหวังความเจริญก้าวหน้า ก็จะต้องไปขอพรอาม่า เกษตรกรที่ทำการค้าก็จะสร้างแรงอธิษฐาน ขอบุญบารมีอาม่าช่วยประทานบุญบันดาล ให้ แล้วมักประสบผลสำเร็จทุกรายไป”ชุมชนซากแง้วล้วนเป็นบ้านเรือนไม้เก่าแก่ แต่ด้วยพลังแห่งเมตตาจากอาม่าทำให้ถิ่นนี้ไม่เคยเกิดภัยธรรมชาติจากพายุมรสุมจนน้ำท่วมฉับพลัน หรือเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ กับไฟไหม้เผาผลาญรุนแรง “มีอยู่ครั้งหนึ่ง” นิภาคิดก่อนพูด “เจ๊จูวัย 70 ปีเคยเล่าว่า สมัยเด็กเตี่ยเคยบอกถึงปาฏิหาริย์อาม่า ที่ปกติจะไม่ประทับร่างทรงใครง่ายๆนอกจากแม่กิมฮวย แซ่โค้วคนเดียว วันนั้นจู่ๆแม่กิมฮวยวิ่งหน้าตาตื่นมาชี้บอก ไฟกำลังจะลุกไหม้ขึ้นที่ห้องห้องหนึ่ง ให้รีบไปช่วยกันดับ ทุกคนรีบวิ่งไปดู ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นไฟกำลังเริ่มลุกโชนขึ้นจริง จึงเร่งช่วยกันดับจนสนิท และรู้เลยว่าอาการที่แม่กิมฮวยแสดงออกมาตอนนั้นจริงๆแล้วคืออาม่าที่กำลังประทับร่าง เพื่อมาป่าวร้องให้ทุกคนช่วยกันดับไฟ ก่อนจะลุกไหม้บ้านไม้ซากแง้วจนวอดวาย”นี่เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่คนเฒ่าคนแก่ซากแง้ว เล่ากันต่อๆมาในศรัทธาที่มีต่อเจ้าแม่องค์นี้ และรำลึกอยู่เสมอว่าอาม่าจะมาเยือนชาวชุมชน โดยผ่านร่างทรงแม่กิมฮวย และอาม่ามักจะมาเฉพาะพิธีกรรมสำคัญๆ ซึ่งปีหนึ่งจะมีแค่ 3 ครั้ง คือก่อนตรุษจีน 1 วัน...ครั้งที่สองหลังตรุษจีน 12 วัน และกลางเดือนกรกฎาคมอีก 1 ครั้ง โดยทุกครั้งจะมีการอัญเชิญอาม่ามาประทับยังโรงงิ้วกลางตลาด จัดสักการะบูชาครั้งละ 3 วัน 3 คืน แต่ละครั้ง...ที่จะขาดไม่ได้ก็คือการแสดงงิ้ว ในวันนี้แม้ว่าคนรุ่นใหม่จะไม่ค่อยให้ความสนใจดูงิ้วแต่อาม่าเคยออกอาการผ่านร่างทรงไว้เมื่อหลายปีก่อน สั่งว่า “ใครจะดูไม่ดูก็ช่างเขา แต่อาม่าจะดู!”“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก–ยม