ผู้ที่มีอายุยืนเกินกว่า 100 ปีขึ้นไป หรือที่เรียกว่า ศตวรรษิกชนนั้น แม้ไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังมีลมหายใจ แต่ก็เป็นความน่าภาคภูมิใจของผู้เป็นทายาท และประเทศชาติที่มีประชากรเหล่านั้นไว้เป็นที่เชิดหน้าชูตาในเว็บไซต์ของ “วิกิพีเดีย” ให้คำจำกัดความของ ศตวรรษิกชนไว้ว่า หมายถึง ผู้ที่มีชีวิตอยู่ถึง หรือเกินกว่า 100 ปีขึ้นไป พูดอีกอย่างก็คือ คนอายุยืน หรือที่ฝรั่งเรียกว่า longevity นั่นเอง แต่ถ้าเป็นศตวรรษิกชนที่มีอายุยืนถึง 110 ปี หรือเกินกว่านั้น ฝรั่งจะเรียกอีกอย่างว่า supercentenarian ซึ่งเคยมีผู้เคยประมาณไว้ว่าทั่วโลกน่าจะพบได้ไม่เกิน 1 ใน 1,000 คนของผู้ที่มีอายุยืนเท่านั้นแต่ที่ยิ่งหายากกว่าขึ้นไปอีก ก็คือ ผู้ที่มีชีวิตอยู่ได้จนถึงอายุ 115 ปี ซึ่งเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทั่วโลกมีอยู่แค่ 43 คนเท่านั้นคุณทวด ฌาน กาลม็อง (Jeanne Calment) ชาวฝรั่งเศส นอกจากจะเป็น 1 ในนั้น นางยังเป็นอดีตเจ้าของตำแหน่งผู้ที่มีอายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งมีหลักฐานยืนยันอายุได้อย่างชัดเจน คือ 122 ปี 5 เดือน กับอีก 14 วัน หรือรวมทั้งสิ้น 44,724 วัน เธอเกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1875 ที่เมือง Arles ในประเทศฝรั่งเศส ใช้ชีวิตที่เมืองนี้เกือบทั้งชีวิต และเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 1997 คุณทวดผู้นี้ เลือกที่จะใช้ชีวิตแบบสบายๆ ชอบทำกิจกรรมอดิเรก เช่น เล่นเทนนิส, ว่ายน้ำ, โรลเลอร์สเกต, ปั่นจักรยาน, เล่นเปียโน และโอเปร่า เป็นต้นเธอแต่งงานกับแฟร์น็อง กาลม็อง (Fernand Calment) ขณะอายุ 21 ปี มีลูกสาว 1 คน คือ อีวอน และลูกสาวของเธอก็มีหลานให้เธอ คือ เฟรเดริก แต่ทั้งสามี ลูก และหลานของเธอ เสียชีวิตก่อนเธอทั้งสิ้นฌานเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง เธอยังสามารถเล่นฟันดาบได้ตอนอายุ 85 ปี ยังขี่จักรยานได้ตอนมีอายุ 100 ปี และสามารถอยู่บ้านคนเดียวได้ จนกระทั่งเมื่อมีอายุ 110 ปี จึงได้ให้มีพยาบาลอยู่ด้วย และเธอยังสามารถเดินเหินได้สะดวกจนถึงอายุ 114 ปีเคล็ดลับก็คือ เธอบำรุงสุขภาพด้วย น้ำมันมะกอก ช็อกโกแลต และ ไวน์ (Port Wine) เมื่อปี 1988 ขณะที่เธอมีอายุ 113 ปี จึงได้เป็นเจ้าของสถิติ “ผู้อายุยืนที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่” (world’s oldest living person) และเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 1995 ซึ่งเธอมีอายุครบ 120 ปีกับอีก 238 วัน จึงได้รับยกย่องให้เป็นเจ้าของสถิติ “ผู้ที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก” (oldest person ever) และที่สำคัญยังไม่เคยมีใครล้มสถิตินี้ได้แม้จะเรียกแบบในหนังไม่ได้ว่า บุคคลเหล่านี้คือ “ซุปเปอร์ ฮีโร่” หรือ “ยอดมนุษย์” แต่ก็นับว่า ใกล้เคียงกันมาก...เมื่อเทียบกับการดำรงชีวิตให้อยู่รอดยาวนานมาได้ถึงขนาดนี้ ท่ามกลางสารพันปัญหา มลภาวะ และสารพัดมลพิษ ที่รุมเร้าคนเราในปัจจุบัน!!!เมื่อ ค.ศ.2012 หรือ 6 ปีที่แล้ว สหประชาชาติเคยประมาณการตัวเลขไว้ว่า ทั่วโลกน่าจะมีผู้ที่มีอายุเกินกว่า 100 ปี ที่ยังมีชีวิตอยู่ราวๆกว่า สามแสนคน โดยคาดหมายเอาจาก การคงชีพที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และจากการที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้นทุกวัน อย่างไรก็ตาม วันนี้ คุณยายทวดชิโยะ มิยาโกะ (Chiyo Miyako) สตรีชาวญี่ปุ่น คือ เจ้าของสถิติผู้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ (โดยมีหลักฐานเอกสารยืนยันชัดเจน) ในวัย 116 ปี กับอีก 355 วัน ไปเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2561 ที่ผ่านมาคุณยายทวดชาวอาทิตย์อุทัยผู้นี้ คว้าตำแหน่งผู้มีอายุยืนที่สุดในโลก หลังจากที่คุณยายทวดนาบิ ทาจิมะ (Nabi Tajima) ชาวญี่ปุ่นเช่นกัน อดีตผู้มีอายุยืนที่สุดในโลก ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2561 ด้วยวัย 117 ปี กับอีก 260 วัน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่คุณยายทวดชิโยะ มิยาโกะ รับไม้ต่อคว้าตำแหน่งนี้ ตามประวัติ มิยาโกะ เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2444 ปัจจุบัน อาศัยอยู่ที่จังหวัดคานากาวา (Kanagawa) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียว ทุกวันนี้เธอยังสามารถรับประทานอาหารได้ด้วยตัวเอง และยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเคล็ดลับที่ทำให้แชมป์โลกอายุยืน ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ผู้นี้ สามารถหายใจมาได้จนถึงขณะนี้ มีอยู่แค่ 3 อย่าง คือ เธอชอบกินปลาไหล ไวน์แดง และที่สำคัญ ทั้งชีวิตไม่เคยสูบบุหรี่แต่หากจะวัดกันที่ประเทศ ซึ่งประชากรมีค่าเฉลี่ยอายุยืนยาวที่สุดในโลก ก่อนหน้านี้ The World Economic Forum หรือ WEF เคยทำการสำรวจเอาไว้ เมื่อไม่นานนี้ว่าอิสราเอล คือ ประเทศอันดับ 10 ที่ประชากรมีอายุเฉลี่ยยืนยาวถึง 81.7 ปี ตามด้วยอันดับ 9 คือ ออสเตรเลีย มีค่าเฉลี่ยประชากรอายุยืน อยู่ที่ 82.1 ปี ซึ่งเชื่อกันว่า นอกจากน่าจะเป็นเพราะออสเตรเลียติดอยู่ใน 10 อันดับประเทศ ที่ได้ชื่อว่าผู้คนมีความสุขที่สุดในโลกแล้ว ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังมีพัฒนาการด้านวิถีชีวิต และสวัสดิการที่ทางรัฐจัดให้ดีมาก จึงทำให้ชาวแดนจิงโจ้มีอายุยืนยาวสิงคโปร์ อยู่ที่อันดับ 8 ค่าเฉลี่ยของประชากรมีอายุยืนถึง 82.1 ปี เช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลีย แต่ตลอด 30 ปีมานี้ สิงคโปร์มีค่าเฉลี่ยของอายุประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับการรักษาในเชิงป้องกันโรคภัยต่างๆที่ดีเยี่ยมสเปน...ค่าเฉลี่ยของประชากรที่มีอายุยืน 82.4 ปี เชื่อกันว่า เป็นเพราะชาวสเปนิชส่วนใหญ่นิยมทานผัก ผลไม้ ปลา ถั่ว และไขมันดีจากน้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นการทานอาหารสุขภาพ สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ฝรั่งเศส...อยู่ในอันดับ 6 ประชากรมีค่าเฉลี่ยอายุยืน อยู่ที่ 82.6 ปี นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยความอ้วนของประชากรต่ำกว่าประเทศอื่นในยุโรปอีกด้วย เชื่อว่าจากสาเหตุนี้ทำให้ประชากรเมืองน้ำหอมมีอายุยืนยาวขึ้นสวิตเซอร์แลนด์ มีค่าเฉลี่ยประชากรอายุยืนที่ 82.7 ปี นอกจากประเทศนี้มีเศรษฐกิจดี ยังติดอยู่ในอันดับที่ 10 ใน 25 ประเทศที่รวยสุดในโลกด้วย รัฐจึงสามารถจัดหาบริการทางสุขภาพที่ดีให้ประชาชนไอซ์แลนด์ มีค่าเฉลี่ยประชากรอายุยืน 82.9 ปี สันนิษฐานกันว่า น่าจะเป็นเพราะลักษณะการกินอาหารของชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งได้รับการโหวตจากนักโภชนาการทั่วโลกว่าดีที่สุดในโลก จึงช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ และเบาหวานลงเป็นอันมาก นอกจากนี้ไอซ์แลนด์ยังเป็น 1 ใน 10 ประเทศ ที่มีความปลอดภัย และสงบสุขที่สุดอีกด้วย อิตาลี ครองอันดับ 3 ประเทศที่มีค่าเฉลี่ยประชากรอายุยืนถึง 82.9 ปี เช่นเดียวกับประเทศไอซ์แลนด์ แต่อิตาลีเป็นประเทศที่มีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนค่อนข้างต่ำ ผู้คนจึงมีคุณภาพชีวิตดีพอๆกัน และยังสามารถเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ได้อย่างมีคุณภาพเหมือนกันญี่ปุ่น อดีตแชมป์โลกประชากรมีอายุเฉลี่ยยืนยาวที่สุดในโลกถึง 3 ปีซ้อน มีค่าเฉลี่ยประชากรอายุยืนอยู่ที่ 83.1 ปี แต่เพิ่งร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 2 เพราะปัจจุบันชาวญี่ปุ่นมีอัตราฆ่าตัวตายที่สูงขึ้น ส่วนปัจจัยที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นยังคงมีค่าเฉลี่ยประชากรอายุยืน เป็นเพราะอาหารที่มีคุณภาพสูง ชอบทานปลา และชาเขียวอันดับ 1 ฮ่องกง ดินแดนที่ปัจจุบันประชากรมีค่าเฉลี่ยอายุยืนที่สุดในโลก คือ 83.5 ปี เชื่อกันว่า น่าจะเป็นเพราะชาวฮ่องกงออกกำลังกายด้วยการรำไท้เก๊ก ซึ่งเหมาะสมกับผู้สูงอายุ รวมทั้งอาหารที่ทานส่วนใหญ่มักเป็นประเภทนึ่ง และนิยมการดื่มชาอีกด้วย จึงทำให้ประชากรของฮ่องกงมีอายุที่ยืนยาวเห็นได้ว่าปัจจัยหลักที่ทำให้คนเรามีอายุยืน นอกจากอยู่ที่การกินอาหารที่ดี ย่อยง่าย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ยังอยู่ที่โอกาสเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดี ออกกำลังกาย อยู่ในสภาพแวดล้อมดี และมีอากาศบริสุทธิ์.