“เมดิคัลฮับ (Medical Hub)” หรือ “ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ” หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน อีกทั้งยังมีนวัตกรรมต่างๆที่ทันสมัย ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพนับรวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่เมืองไทยมีศูนย์สุขภาพและความงามระดับมาตรฐานอยู่ใจกลางเมืองในย่านธุรกิจ อย่างย่านสุขุมวิทที่มีชาวต่างชาติอยู่หนาแน่นทั้งที่เดินทางมาติดต่อธุรกิจ...มาท่องเที่ยว ทำให้สามารถรองรับ ให้บริการด้านสุขภาพได้อย่างครบวงจรศาสตราจารย์นายแพทย์ณรงค์ นิ่มสกุล ศัลยแพทย์เลเซอร์ ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์สมาคมเลเซอร์การแพทย์นานาชาติ และเป็นแพทย์ไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้รับการบันทึกสถิติเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์ไฮเทคหลายสถิติ...เป็นศัลยแพทย์ที่บุกเบิกนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ เลเซอร์ มาใช้ในการผ่าตัดเป็นคนแรกของเมืองไทย ปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีมแพทย์ของ “ศูนย์ภิมณ์ธารา” ศูนย์ศัลยกรรมความงามครบวงจร ในเครือมหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า...จริงๆแล้ว การที่ประเทศไทยจะเป็นเมดิคัลฮับของโลก เป็นแรงขับที่ทุกรัฐบาลพยายามทำมาเกือบ 20 ปีแล้ว ในการที่จะมุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งก็คือการนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาแล้วทำให้คนทั่วโลกให้ความสนใจมาที่ประเทศไทย“เกี่ยวกับเรื่องทางการแพทย์ไทยเรามีศักยภาพมากตรงนี้และมีมานานแล้ว เป็นเรื่องที่คนนอกประเทศรับรู้แต่คนในเมืองไทยกลับไม่ค่อยรู้ เช่น มหาวิทยาลัยรังสิตก็เป็นสถาบันหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการสร้างหลักสูตรวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีมาตรฐาน ซึ่งเป็นการลงทุนที่มองการณ์ไกล”ศาสตราจารย์นายแพทย์ณรงค์ บอกว่า ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ได้วางแนวทางศูนย์การแพทย์ในเครือมหาวิทยาลัยรังสิตให้เป็นศูนย์การแพทย์แบบครบวงจร ที่เน้นความเป็นเลิศและทันสมัย โดยเฉพาะสถานที่ใจกลางย่านสำคัญซึ่งมุ่งเป้าหมายรองรับชาวต่างชาติให้มาใช้บริการได้อย่างสะดวก ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ป้องกันก่อนรักษา” ปัจจุบันต้องเข้าใจว่าเทรนด์การแพทย์ทั่วโลกนั้นเปลี่ยนไปแล้ว...เขาไม่รอให้คนเจ็บป่วยแล้วมารักษา แต่จะต้องเป็นการป้องกัน“เอาเรื่องความมีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บป่วยในเรื่องที่ไม่ควรจะเจ็บป่วย แล้วก็ใช้คำว่า Wellness Business...เป็นเทรนด์ธุรกิจทางการแพทย์เข้ามาบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ”เมื่อเป็นเช่นนี้ ภาพของ “โรงพยาบาล” จะเปลี่ยนไปโดยไม่รอให้คนไข้เจ็บป่วยแล้วมารักษาอย่างเดียว เราจะดูแลกันตั้งแต่เกิดมาวันแรกโดยทำอย่างไรให้เขาเจริญเติบโตโดยไม่เป็นโรค เป็นการป้องกัน...ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีต่างๆที่ทันสมัยมาเป็นตัวช่วย บวกกับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทีมแพทย์“จุดเด่น” และ “โอกาส” ของประเทศไทยคือ เป็นศูนย์กลางเอเชียอาคเนย์ เรามีเที่ยวบิน การเดินเรือผ่าน รวมทั้งทางรางของประเทศจีน ถัดมา...องค์ความรู้เรื่อง Wellness เป็นความรู้ดั้งเดิมที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน อินเดียเป็นพันๆปี “เรามีภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย เราเป็นดินแดนสมุนไพรที่มีวัตถุดิบล้ำค่าในการนำมาใช้บำบัดรักษา เรามีแพทย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก”สิ่งที่ทั่วโลกต้องการไม่ว่าจะเป็นทางอียู...อเมริกาที่เขาไม่มี แต่ทางเอเชียเรามีหมด และไทยเป็นศูนย์กลางของสิ่งเหล่านี้ การแพทย์ของไทยปัจจุบันทันสมัยก้าวหน้าไปมากแล้ว จึงเป็นโอกาสที่จะทำให้จุดเด่นนี้เป็นศูนย์กลางในการเดินทาง ศูนย์กลางของความรู้ต่างๆ นอกจากนี้ ถ้าจะพูดถึงเรื่อง “ความสวยงาม” เราก็ทำได้ ทำให้เป็นความสวยหล่อที่ปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีด้วยนวัตกรรมใหม่ๆจากทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง “คนไทยที่แห่ไปทำที่เกาหลีนั่นเพราะการประชาสัมพันธ์เขาดี ภาครัฐเขามีการสนับสนุน สร้างภาพยนตร์ ทำรายการทีวี ทำโฆษณาดึงคนเข้ามาทำศัลยกรรมความงามที่เกาหลีกันอย่างคึกคัก ทั้งที่ประเทศไทยเรามีศักยภาพไม่ได้น้อยหน้า เราอยู่ในอันดับต้นๆของโลกด้วยซ้ำ”ข้อปัญหาที่ผ่านมามีว่า...รัฐบาลไม่ได้ทุ่มเทโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างที่เกาหลีทำกันเท่านั้นเอง ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ศาสตราจารย์นายแพทย์ณรงค์ เป็นคนแรกที่ผ่าตัดแปลงเพศชายให้เป็นหญิงในปี 1974 ก็หลายปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้เมืองไทยมีหมอที่แปลงเพศได้เกือบ 30 คนและจำนวนคนที่เราแปลงเพศได้สำเร็จด้วยดีและใช้การได้จริง ถือเป็นอันดับหนึ่งของโลกมากกว่าเกาหลี อเมริกา และยุโรป“และตอนนี้เราแปลงเพศจากผู้หญิงให้เป็นผู้ชายก็ได้ด้วย เราถึงได้มีสิ่งที่ประสบความสำเร็จต่อยอดมา นั่นก็คือการประกวดสาวประเภทสองที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เรามีสาวข้ามเพศที่สวยงามติดอันดับโลกจนได้ตำแหน่งความงามเวทีต่างๆติดต่อกันมาทุกปี”อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นวัตกรรม “การขลิบ” ปลายอวัยวะเพศชาย ที่มีมาอย่างยาวนานในสังคมมุสลิม หรือเรียกว่า “การเข้าสุหนัต” ที่เป็นพิธีกรรมสำคัญของมุสลิมทุกคนที่ควรปฏิบัติ โดยเด็กชายอายุระหว่าง 12-16 ปี ต้องเข้าพิธีสุหนัต ซึ่งเห็นวิธีการแล้วอาจสยองกันพอดู แต่ปัจจุบันนี้การขลิบปลายอวัยวะเพศชายทำได้ง่ายกว่าเดิมมาก ศ.นพ.ณรงค์ ก็ได้คิดค้นเครื่องมือขลิบด้วยเลเซอร์เป็นเครื่องแรกของเมืองไทยน่าสนใจว่า...ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการขลิบนี่เอง คุณหมอณรงค์ยังได้เขียน “ตำราการขลิบ” ออกมาเล่มหนึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่น และได้กลายเป็นตำราที่นักศึกษาแพทย์ในประเทศญี่ปุ่นใช้ประกอบการศึกษาด้านศัลยกรรมด้วย...นวัตกรรมการขลิบด้วยเลเซอร์นี้ช่วยให้เสียเลือดน้อย หรือไม่เสียเลย และฟื้นตัวเร็ว ขลิบเสร็จสามารถกลับบ้านได้เลย ทำให้มีผู้ชายทุกเพศทุกวัย...ที่ปลายอวัยวะเพศยังไม่เปิด โดยเฉพาะชาวต่างชาตินิยมมาให้คุณหมอณรงค์ขลิบกันเป็นว่าเล่น...มีประโยชน์ต่อเพศชายทั้งในเรื่องของความสะอาด ผลทางเพศสัมพันธ์ที่สำคัญ...ยังช่วยให้อวัยวะเพศของผู้หญิงสะอาดไปด้วย ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ยังช่วยให้ขนาดเจริญเติบโตได้ตามธรรมชาติ ชายไทยจึงไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงกับการฉีดสารแปลกปลอมเข้าอวัยวะเพศจนเน่าอย่างที่เคยเป็นข่าวเมื่อไม่นานนี้อภิวัฒิ อุไรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อาร์เอสยู เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ในเครือมหาวิทยาลัยรังสิต เสริมว่า ประเทศไทยมีศักยภาพพร้อมแน่นอนสำหรับการเป็น “เมดิคัลฮับ” ตอนนี้ผู้มาใช้บริการที่ศูนย์เป็นต่างชาติ 40% เฉลี่ยเดือนละประมาณ 250 คน ส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง พม่า กัมพูชา ลาว จีน และมาเลเซีย เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย ในอนาคตคาดว่าจะมีคณะทัวร์สุขภาพ...ทัวร์ศัลยกรรมความงามจากประเทศในแถบเอเชีย จีน อินเดีย อเมริกา ยุโรป เข้ามาเพิ่มขึ้น“การดูแลสุขภาพก่อนการเจ็บป่วย เน้นการเช็กอัพเพื่อจะได้รู้ตัวว่าเรามีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยด้วยโรคอะไรบ้าง...รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ก็เร่งค้นคว้านวัตกรรมต่างๆเพื่อตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ”ถึงตรงนี้ต้องย้ำว่า ในเรื่องของ “ศัลยกรรมความงาม” เราสามารถสู้กับเกาหลีได้สบายๆ นอกจากราคาที่ไม่แพง ยังเด่นในเรื่องการให้บริการที่ครบวงจร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเรามีชื่อเสียงติดอันดับโลก...“คนไข้ต่างชาติได้รับความสะดวกสบายทั้งการเดินทาง พักฟื้น หายดีแล้วยังมีบริการนำเที่ยวในกรุงเทพฯอีกด้วย...คุ้มค่า”พลิกวิกฤติเป็นโอกาส...ใช้โอกาสย้ำโอกาสให้เข้มแข็งมากขึ้น “ไทยแลนด์ 4.0”...ไม่ใช่แค่ฝัน ต้องดันกันไปให้สุดทุกทิศทาง.