ผู้อ่านไทยรัฐ จำนวนมากที่เป็นแฟนขาประจำคอลัมน์ที่พลาดอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ “บวบขม” ขอให้แนะนำอีกครั้ง ซึ่ง “บวบขม” พบขึ้นตามที่รกร้างทั่วไป ไม่นิยมปลูกเพื่อเก็บผลกินเป็นอาหาร เนื่องจากเนื้อในมีรสขมนั่นเอง ส่วนใหญ่จะมีปลูกตามสวนสมุนไพรไทย เพื่อใช้ประโยชน์เป็นยาเท่านั้น โดยในตำรายาแผนไทยระบุว่า รังหรือใยของผล “บวบขม” แบบสดนำไปขยี้หรือฟอกหนังศีรษะเส้นผมหลังสระผมหมักไว้ 5–10 นาทีแล้วล้างน้ำออก ฟอกทุกครั้งหลังสระผมจะช่วยขจัดรังแคแก้คันศีรษะได้เด็ดขาดนัก นอกจากนั้น รังหรือใยของ “บวบขม” แบบแห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆหรือเป็นฝอยๆผสมกับเส้นยาสูบเล็กน้อย มวนเป็นบุหรี่จุดสูบฆ่าเชื้อริดสีดวงจมูกทั้งที่เพิ่งจะเป็นใหม่ๆ และเป็นมานานขนาดหายใจออกมามีกลิ่นเหม็นสร้างความรังเกียจให้คนที่อยู่ใกล้เคียงให้หายได้ ผลกับต้นหรือเถาหรือทั้งต้นนำไปเข้าตำรับยาหอมแก้ลม บำรุงหัวใจได้ ผลสดขยี้เส้นผมแก้คันฆ่าเหา เมล็ดสดกินขับเสมหะแก้หืด สารสกัดทั้งต้นพร้อมผลมีแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ต้านการเจริญของแบคทีเรียหลายชนิด น้ำคั้นจากผลสดและสารสกัดผลชื่อ “อีเทอร์” เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งหลายชนิดในหลอดทดลองบวบขม หรือ TRICHOSANTHES CUEUMERINA LINN. อยู่ในวงศ์ CUCURBITACEAE เป็นไม้ล้มลุกหรือเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น ยาวหรือสูงได้ถึง 5 เมตรขึ้นไป กิ่งก้านและใบมีขน ใบออกเรียงสลับเป็นรูปไต ขอบใบหยักเว้า 3-7 แฉก โคนใบเป็นรูปหัวใจ ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆตามซอกใบ เป็นดอกแยกเพศอยู่คนละต้นกัน มีกลีบดอก 5 กลีบ สีเหลืองสด “ผล” เป็นรูปไข่ยาวและใหญ่ (ตามภาพประกอบคอลัมน์) ผลดิบสีเขียวเมื่อสุกเป็นสีเหลืองและสีน้ำตาลไหม้ เนื้อในรสขมจัด รังหรือใยเหนียว มีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด มีชื่อเรียกอีกคือ มะนอยจำ (ภาคเหนือ) และ นมพิจิตร (ภาคกลาง) เคยมีต้นและผลขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ หลายแผงหลายเจ้า ปัจจุบันไม่พบเห็นขายอีกแล้วครับ.“นายเกษตร”