คำสอน อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ฟังก็พอเข้าใจ แต่จะมีสักกี่คน รู้เรื่องเดิมอันเป็นที่มาชาดก ที่พระพุทธเจ้าตรัส เรื่องหนึ่ง มีดังนี้ในศาสนาพระพุทธกัสปป นิยมค้าขายทางเรือ ลูกชายเศรษฐี ชื่อ มิตตวินทุกะ ร่ำร้องจะไป แต่พ่อแม่ไม่ยอมจนเศรษฐีผู้พ่อตาย มิตตวินทุกะ ได้โอกาสก็ไปขอแม่ แม่รักลูก ไม่ยอมให้ไป ถึงวันที่ลูกชายจะดื้อดึงลงเรือ ก็ตรงเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงห้าม ลูกสลัดมือ ทุบหัวแม่จนล้มลงสิ้นใจระหว่างเท้า แล้วก็วิ่งลงเรือเรือแล่นไปในทะเลวันที่ 7 ก็เกิดเหตุ หยุดนิ่ง ไม่แล่นไปข้างหน้า เหตุอย่างนี้ นายสำเภานายวาณิช เห็นพ้องกันว่า เกิดกาลกิณีอยู่ในเรือแต่ใครล่ะ คือตัวกาลกิณีวิธีที่ชาวเรือสำเภาทำ คือให้คนในเรือจับฉลาก มิตตวินทุกะ จับได้ฉลากนั้นว่ากันว่า เพราะกรรมที่ฆ่าแม่...จึงจับได้ฉลากกาลกิณีซ้ำถึงสามครั้งกติกาชาวเรือ มิตตวินทุกะ ถูกจับลอยแพ ให้ล่องลอยไปตามยถากรรม แพลอยไปถึงเกาะแห่งหนึ่ง นัยว่าเป็นนรกขุมหนึ่ง เป็นที่เสวยทุกข์ของผู้ทำกรรมหนัก ชื่ออุสุทนรกแต่เพราะผลกรรม ภาพสยดสยองที่มิตตวินทุเห็น ในนรกขุมนั้น กลายเป็นภาพที่สวยงามน่าพึงชม จนเขาเผลอคิดว่า เขาน่าจะเป็นพระราชาเมื่อคิดเช่นนี้ เห็นสัตว์นรกตนหนึ่ง บนหัวมีจักรกรดพัดอยู่ แทนที่จะเกิดหวาดกลัว กลับเห็นกงจักรนั้นเป็นดอกบัว งดงามปานประหนึ่งมงกุฎพระราชา“ดอกบัวบนหัวเพื่อนงามนัก” มิตตวินทุกะออกปาก “เพื่อนเอ๋ย ขอให้เราจะได้หรือไม่”“นี่มันจักรกรดนะ” แม้เป็นสัตว์นรก ก็ยังซื่อ “ดูให้ดีๆ ใช่ดอกบัวเสียเมื่อไหร่เล่า”มิตตวินทุกะอ้อนวอน สัตว์นรกรู้ว่า เป็นเวลาที่ตัวเองจะหมดกรรม จึงยกจักรกรดจากหัว ยื่นให้มิตตวินทุกะเอาไปสวมบนหัวตัวเองรับช่วงทนทุกข์ทรมาน จากการถูกจักรกรดพัดบนหัว...ต่อชาดกเรื่องมิตตวินทุกะ เป็นเรื่องฮิตของชาวพุทธ เขียนไว้บนจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์วิหาร มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย คนไทยเริ่มฟังแพร่หลายอีกครั้ง ในหนังสือสวดพระมาลัยสมัยก่อนนิยมสวดพระมาลัย ในวันแต่งงาน สั่งสอนบ่าวสาวให้รู้จักบาปบุญคุณโทษลองฟัง ตัวอย่างบทสวดหนึ่ง...“ผู้ใดตีพ่อแม่ ปู่ย่าแก่แลตายาย ตีด่าสงฆ์ทั้งหลาย ตีภิกษุและเจ้าเณร ฯลฯ” (เมื่อตายจะตกนรก มีจักรกรดพัดบนหัว) “เลือดไหลลงยะหยด กรงจักรกรดพัดมลาย เร่งร้องเร่งครางตาย กงจักรเร่งพัดผัน”ส.พลายน้อย เล่าไว้ใน “เกร็ดภาษา หนังสือไทย” ฉบับปรับปรุง (สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พิมพ์ครั้งที่ 9 พ.ย.2560) ว่า คนสวดพระมาลัยมีสี่คน เริ่มสวดตั้งแต่หัวค่ำ บ่าวสาวฟังจนสิ้นยามหนึ่งสวดพระมาลัยกล่อมหอเลิกรากันไปนาน ถึงวันนี้ในชนบทยังมีสวดบ้าง แต่เปลี่ยนจากงานแต่ง เป็นงานศพเรื่องราวในโลกนี้ เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างนี้ เปลี่ยนจนผมไม่แน่ใจอะไรดีอะไรชั่ว เรียกร้องประชาธิปไตย บาดเจ็บล้มตายมาหลายปี ถึงตอนนี้ กลับมีคนเรียกร้องเผด็จการกงจักรที่บางคนว่าไม่ดีๆ หลายคนอาจเห็นเป็นดอกบัวแสนงาม อยากอยู่กับดอกบัวต่อไปถ้าเชื่อว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ...ชาวบ้านจะยากจนข้นแค้นกับระบบเศรษฐกิจ รวยกระจุก จนกระจาย...แต่เมื่ออยู่เป็นสุขได้ ก็ตัวใครตัวมัน.กิเลน ประลองเชิง