ลูกหลานเกษตรกรที่ดูกฎหมายออกบอกกฎหมายได้ อ่านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช (ฉบับที่...) พ.ศ. ...แล้วก็ถึงน้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัวการต่อสู้ของเกษตรกรกับนายทุนชาติ + นายทุนข้ามชาติ + ชนชั้นกลางขึ้นไป เข้มข้นมากในห้วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มือไม้ของนายทุนและคนชั้นกลางขึ้นไปพยายามผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช เพื่อประโยชน์ของบริษัทพันธุ์พืชของนายทุนชาติและข้ามชาติคนชั้นกลางขึ้นไป + นายทุนชาติ + บรรษัทข้ามชาติ ต้องการให้เรายอมรับกฎหมายผูกขาดพันธุ์พืชตามระบบ UPOV1991 มีการล็อบบี้ผู้มีอำนาจและพยายามยัดลงไปในการทำเอฟทีเอไทย-สหรัฐฯ และความตกลงเอฟทีเออาเซียน-ยุโรปที่ผ่านมา เรื่องนี้ได้รับการคัดค้านจากคนที่เป็นห่วงเกษตรกร คนทั่วไปที่ไม่ได้ตามการต่อสู้ครั้งนี้อาจจะไม่ทราบว่า นี่คือการต่อสู้อย่างรุนแรงเข้มข้นระหว่างฝ่าย ก. ที่ต้องการปกป้องสิทธิในพันธุ์พืชไว้ให้เกษตรกร กับฝ่าย ข. ที่ต้องการ “ตัดสิทธิ” ของเกษตรกรในการเก็บรักษาพันธุ์พืชใหม่ไปปลูกต่อและใช้กฎหมายเพื่อขโมยสิทธิจากเกษตรกรไปให้นายทุน ไม่ให้เกษตรกรเก็บรักษาพันธุ์ไปปลูกต่อได้อีกมาตรา 33 (4) ในกฎหมายเดิม (พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542) เกษตรกรยังมีสิทธิเก็บรักษาพันธุ์พืชใหม่ไปปลูกต่อ ทว่าวันดีคืนดีก็มีการยกเลิก พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ทั้งฉบับจากนั้น ก็ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช (ฉบับที่...) พ.ศ. ...กันขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดให้สิ้นสุดการรับฟังความคิดเห็นภายใน 20 ตุลาคม 2560ไอ้คนที่คิด “เงื่อนไขเวลา” นี่เก่งและเลวจริงๆหากร่างกฎหมายผ่าน เกษตรกรไทยที่ด้อยโอกาสอยู่แล้วก็จะถูกมัดมือมัดเท้า ประโยชน์ก็จะตกแก่บริษัทพันธุ์พืช บริษัทพันธุ์พืชสามารถผูกขาดพันธุ์พืชใหม่ ซึ่งกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่นคงทางอาหารของประเทศใครจะปลูกพืชใหม่ต้องไปซื้อพันธุ์จากบริษัทจำหน่ายพันธุ์เท่านั้น เกษตรกรคนใดไม่ปฏิบัติตามนี้อาจจะถูกฟ้องถึงติดคุก ต่อไปในอนาคต พวกบริษัทใหญ่ที่มีเงินจ้างนักปรับปรุงพันธุ์เก่งๆก็จะสามารถตัดการแสดงที่มาของสารพันธุกรรมออก จากนั้น ก็เอาไปขอรับการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ + แก้คำนิยามของพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปนักปรับปรุงพันธุ์ในคอกนายทุนก็จะไปเอาพันธุ์พืชพื้นเมืองมาปรับปรุงพันธุ์ ทำกันเพียงเท่านี้ก็สามารถผูกขาดพันธุ์พืชที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์ได้นานถึง 20-25 ปี ในห้วงช่วงเวลานี้ เกษตรกรไม่มีสิทธิเอาพันธุ์ใหม่นี้ไปปลูกไม่ใช่เฉพาะส่วนขยายพันธุ์เท่านั้น บริษัทพันธุ์พืชของนายทุนยังได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายไปจนถึงผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยคนที่ไม่ชำนาญในการอ่านและตีความกฎหมาย อ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ลวกๆ แล้วดูเหมือนว่าร่างกฎหมายใหม่นี้จะดี...“เพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูกหรือขยายพันธุ์สำหรับพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับความคุ้มครอง เกษตรกรมีสิทธิในการใช้ส่วนขยายพันธุ์ที่ตนเองเป็นผู้ผลิตในพื้นที่ของตนเอง”ทว่า ผู้อ่านท่านผู้เจริญลองอ่านเงื่อนไขที่มีการเขียนซ่อนไว้ในร่างกฎหมายฉบับใหม่ซีครับ...“เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการปรับปรุงพันธุ์ รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชมีอำนาจออกประกาศกำหนดพันธุ์พืชใหม่ชนิดใดเป็นพันธุ์พืชที่สามารถจำกัดปริมาณการเพาะปลูกหรือการขยายพันธุ์ทั้งหมด หรือบางส่วนของเกษตรกรได้”เดิม พวกที่มีบทบาทว่าเกษตรกรสามารถเก็บรักษาพันธุ์พืชใดเพื่อปลูกต่อได้หรือไม่นั้น คือคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 12 คน และจะต้องมีเกษตรกรที่มาจากการเสนอชื่อและคัดเลือกกันเองอย่างน้อย 6 คนทว่า ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช (ฉบับที่...) พ.ศ. ...ให้ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นและกรรมการที่เป็นตัวแทนเกษตรกรมาจากการแต่งตั้งทั้งหมดหากนายทุนซื้อรัฐมนตรีและให้รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการพวกตัวเองเมื่อใด หายนภัยมาเยือนเกษตรกรไทยเมื่อนั้นอนิจจาประเทศไทย นายทุน ว่าน ซื่อ จวี้ เป้ย จวื่อ เชี่ยน ตง เฟิง มีพร้อมทุกสิ่งอย่าง ขาดเพียงลมตะวันออกขาดเพียงเงื่อนไขสุดท้ายคือกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่บัดนี้ ลมตะวันออกเมตตาพัดมาให้นายทุนใหญ่ฮุบสิทธิของเกษตรกรในการเก็บรักษาพันธุ์พืชไปปลูกต่อแล้ว.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com