ผมก็นึกถึงคำ บวชนานสมภารเคือง สำนวนที่เป็นคำคล้องจองของชาววัด เดาเอาว่า คงเป็นเหตุผลหนึ่ง ของพระที่บวชอยู่นานๆ แล้วอยากจะสึกขึ้นมา หาเหตุอะไรไม่ได้ก็พูดกันว่า ขืนบวชนานๆจนพรรษาแก่กล้า สมภารท่านจะคิดว่า อยากเป็นสมภารแทนท่านพระที่บวชนานๆ โดยไม่มีข้อครหาเรื่องวัตรปฏิบัติ เด็กวัดเก่าอย่างผมศรัทธา ท่านได้พิสูจน์ว่า ผ่านด่านกิเลสตัณหามาได้สารพัด...โดยไม่มีราคีด่างพร้อยเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่แล้ว ผมตั้งใจไปฟัง ท่าน ว.วชิรเมธี เทศน์ ในงาน “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” ที่เพื่อนออกปากบอกบุญมา ที่อาคารซีพีสีลมดูท่านทางทีวี อ่านธรรมะแหลมลึกจับใจ ในหนังสือสารพัดเล่มที่มีคนส่งมาให้...เคยมีหัวข้อธรรมะ...ที่ติดตัน หาทางไปไม่ได้ ผมพยายามสรุปว่า หัวใจคนพุทธ ที่ถึงพระนิพพานนั้น ก็คือ “ความไม่ยินดียินร้าย”แต่พอเจอเพื่อนที่เป็นอัลไซเมอร์...เออ...เพื่อนไม่ยินดียินร้าย แต่นั่นเป็นอาการป่วย ช่วยตัวเองไม่ได้นี่หว่า...นิพพานแบบนี้ มีแต่รอวันตายวันหนึ่งได้ฟังท่าน ว.เฉลยทางทีวี หัวใจพระอริยะ ที่หลุดพ้นจากความทุกข์ เปรียบเหมือนตาข่ายอวนทีขึงกลางพายุ...รับรู้ สะเทือนไหว ...แต่ไม่ปลิวไปตามแรง (พายุ) กิเลสตัณหา...ผมก็ยกมือ อนุโมทนา...สว่างกระจ่างแจ้งใจ ในบัดนั้นผมไม่เห็นตัวจริง ท่าน ว.มานานหลายปี จึงรับปากเพื่อนตั้งใจจะไป แต่ถึงเวลา เจอวันเขียนงานสองเรื่องในวันเดียว เจียดจัดเวลาไปไม่ได้จริงๆตั้งแต่ฟังชื่อ ท่าน ว.วชิรเมธี มายังไม่ได้ยินข้อครหาถึงตัวท่าน...พระที่เก่งมากๆ มีวัตรปฏิบัติบริสุทธิ์ เรียกศรัทธาได้หลายๆ ทางอย่างนี้ มีน้อยนักนึกได้ว่า ท่าน ว.เป็นสมภารวัดที่ท่านสร้างขึ้นเอง ก็นึกถึงหน้าที่สมภารแบบสมภารกร่าง ในนิยายเรื่องไผ่แดง ที่อาจารย์หม่อม คึกฤทธิ์ ปราโมช แต่งขึ้นมาในภาระสารพันของสมภารนั้น ภาระหนักหนึ่ง คืองานปกครองพระลูกวัด วันหนึ่ง ก็มีพระแก่พรรษา มากราบขออยู่วัดไผ่แดง...สมภารท่านก็อนุญาต อยู่ๆไปพระก็ออกฤทธิ์ ยึดศาลาเป็นสำนักบอกใบ้ให้หวย วัดไผ่แดง ที่เคยเงียบๆ ก็กลายเป็นวัดที่คึกคัก มีคนแห่กันขอหวยสมภารกร่างเป็นพระแท้...ท่านรู้ งานปลุกเสกเลขยันต์ การบอกใบ้ให้หวย เป็นเดรัจฉานวิชา พระพุทธเจ้าห้ามตักเตือนไม่ได้ผล สมภารท่านต้องพึ่งบริการ “สหายแกว่น แก่นกำจร” คอมมิวนิสต์หมู่บ้าน ใช้วิธีหักหาญ จู่โจมจับเอาตัวพระให้หวย ...ลงเรือพายไปจนไกล เอาตัวไปโยนขึ้นฝั่งพระบวชนานแบบนี้... ที่ผมเห็นว่า เป็นพระที่สมภารเคือง...เคืองที่ทำเรื่องขายหน้า ขืนปล่อยเอาไว้ ก็จะเสื่อมเสียไปทั้งวัดลุกลามไปทั้งพุทธศาสนาพรรษาของพระบวชนาน...ก็คงคล้ายๆพรรษานักการเมืองนักการเมืองรุ่นเก่า เอ้า ยกชื่อสักท่านก็ได้ อย่างคุณชวน หลีกภัย เป็นสมภารการเมือง มานานเต็มที แต่ก็ยังรักษา “ศีลนักการเมือง” ได้บริบูรณ์ เทียบกับนักการเมืองรุ่นใหม่ บางรูปเพิ่งบวชได้สามพรรษาทำท่าจะปาราชิก ศีลขาดเพราะเผลอเซ็นอนุญาต ให้นายทุนยึดป่าชาวบ้านนี่ถ้าเป็นวัดไผ่แดง สมภารกร่างท่านคงไม่เอาไว้แต่สมภารในนิยาย ทำอะไรได้ง่ายๆ สมภารการเมืองในเรื่องจริง นี่ก็เพื่อน นี่ก็พวก ถึงจะเคืองแค่ไหน ก็ตัดใจเอาตัวไปโยนทิ้ง...ไม่ลง.กิเลน ประลองเชิง