ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่วงการตำรวจตกอยู่ในสภาพสับสนอลหม่านเหมือนกับยุคปัจจุบัน เริ่มต้นด้วยการขัดแย้งระหว่าง 2 บิ๊ก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ “บิ๊กโจ๊ก” หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวหาซึ่งกันและกันเกี่ยวกับ เงินหวยออนไลน์ จนถูกนายกรัฐมนตรีสั่งให้ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย บิ๊กโจ๊กถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ผ่านมาราว 4 เดือน มีรายงานข่าวจะให้ “บิ๊กต่อ” กลับไปเป็น ผบ.ตร.ตามเดิม เช่นเดียวกับบิ๊กโจ๊กก็ไม่ต้องออกจากราชการ และอาจกลับไปปฏิบัติหน้าที่เดิม ทั้งที่ผลการสอบสวนพบความขัดแย้งทุกระดับ
ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบความขัดแย้งในทุกระดับ ทั้งระดับสูง กลาง และเล็ก และมีการร้องเรียนเป็นคดีหลายเรื่อง เช่นคดี “เป้รักผู้การเท่าไหร่” 140 ล้านบาท คดีกำนันนก คดีพนันออนไลน์บีเอ็นเค และคดีย่อยๆอีก 10 คดี
มีคนนอกเข้าร่วมขบวนการด้วย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” ออกมาแฉหลักฐานเส้นทางการเงินของบิ๊กต่อกับภรรยา หลังพบการเชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์ ส่วนบิ๊กโจ๊กถูกตำรวจกล่าวหา ในคดีเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ และอื่นๆ ทั้งยังโดนข้อหาฟอกเงิน ก่อนถูกสั่งให้ออกราชการ
มีเสียงวิจารณ์ว่ามูลเหตุของความขัดแย้งคือ การชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.ที่ผ่านมา ระหว่างบิ๊กต่อกับบิ๊กโจ๊ก ฝ่ายบิ๊กต่อเป็นผู้ชนะอีกทั้งตำรวจมีอำนาจ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เขียนไว้ในบทความหนึ่ง ระบุว่า ผู้กำกับสถานีตำรวจ มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการควบคุมแหล่งอบายมุข หวย บ่อน ซ่อง เก็บส่วยได้หมด
จึงต้องแย่งชิงตำแหน่งที่มีอำนาจ ที่สามารถเก็บส่วยได้อย่างสะดวกสบาย ถ้าต้องการขยายอาณาเขตของส่วยออกไป จึงเกิดความขัดแย้งเป็นธรรมดา นายก รัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน บอกว่า ความขัดแย้งของตำรวจมีมานานแล้ว การแก้ไขต้องใช้เวลา ถามว่าถ้าตำรวจไม่สามารถรักษาความสงบใน ส.ต.ช.ได้ จะพิทักษ์สันติราษฎร์ประเทศได้อย่างไร
...
ไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลานานอีกกี่ศตวรรษ จึงจะขจัดความขัดแย้งได้ แต่เรื่องที่ประชาชนเป็นห่วงอย่างยิ่งก็คือ เรื่องนี้มีการกล่าวหา และตรวจสอบทั้งความผิดทางวินัยและอาญา คดีจะยุติลงแค่นี้เพื่อยุติความขัดแย้ง หรือว่าจะเดินหน้าต่อ รัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่า ต้องปฏิรูปตำรวจภายใน 1 ปี แต่ผ่านมาแล้วกว่า 7 ปี ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม